
พูดถึง “แมงกะพรุน” เชื่อว่าคงเป็นที่รู้จักกันดี หลายคนพอเห็นแมงกะพรุนแล้วเกิดความรู้สึกอยากสัมผัส อยากลูบไล้ในผิวเป็นวุ้นของมัน ส่วนบางคนพอเห็นแมงกะพรุนก็เกิดความรู้สึกขยะแขยงในผิวที่เป็นวุ้นเลื่อมพราย ในขณะที่ใครอีกหลายคนพอเห็นแมงกะพรุนต่างก็เกิดความรู้สึกอยากกิน ทั้งแมงกะพรุนในเย็นตาโฟ ยำแมงกระกรุน หรือแมงกะพรุนในน้ำสุกี้ ... หากพูดถึงแมงกะพรุน สำหรับหลายๆคนต่างก็คิดและเข้าใจว่า แมงกะพรุนในโลกนี้พบได้เฉพาะน้ำทะเลเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะโลกนี้ยังมีแมงกะพรุนน้ำจืดอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ว่าก็เป็นปริมาณที่น้อยมาก ... ในปัจจุบันมีรายงานการค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืด ใน 6 ประเทศ คือ อเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น อังกฤษ รัสเซีย โดยประเทศไทยค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืดเป็นอันดับที่ 6 

แมงกะพรุนน้ำจืด ..... มีขนาดเล็กเมื่ออยู่ในน้ำต้องสังเกตให้ดี สำหรับสถานที่พบแมงกะพรุนน้ำจืดของเมืองไทยก็อยู่ที่ ลำน้ำเข็กในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โดยจุดที่พบแมงกะพรุนน้ำจืด นั้นก็อยู่ที่ แก่งบางระจัน แก่งสอง แก่งสาม แก่งวังน้ำเย็น และล่าสุดพบที่เข็กสามงา ในบริเวณลำน้ำเดียวกัน ... “จริงๆแล้วแมงกะพรุนน้ำจืดที่แก่งแถวนี้มันมีมานานแล้ว เพียงแต่ว่าไม่มีใครสังเกต พอดีวันนั้นช่วงประมาณบ่ายๆ ในเดือนเมษาเมื่อปี 44 ผมไปนั่งสมาธิที่แก่งบางระจัน จังหวะที่ใช้สมาธิเพ่งมองในแม่น้ำ เห็นตัวอะไรใสๆ เหมือนวุ้นลอยฟ่องขึ้น ในช่วงโขดหินเต็มไปหมด ผมจึงเดินลงไปเอามือช้อนขึ้นมาดู แล้วก็พบว่ามันเหมือนแมงกะพรุนในทะเล แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก เล็กประมาณเหรียญสิบ” เกรียงไกร สมนรินทร์ หรือจ่าเกรียงไกร ..... ประธานกลุ่มชุมชนคนรักป่าหนองแม่นา-ทานตะวัน เล่าความหลังในวันที่พบแมงกะพรุนน้ำจืดโดยบังเอิญให้ฟัง ก่อนที่จะเล่าเพิ่มว่า เมื่อพบเจ้าตัวใสๆ ก็ได้นำกล้องส่องเพชรมาส่องดู ก็มั่นใจว่าน่าจะเป็นแมงกะพรุน แต่ก็สงสัยว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในน้ำจืดได้ ... “ผมจึงนำกลับไปเลี้ยงและศึกษาถึงวิถีชีวิตแมงกะพรุนน้ำจืดอยู่สักพัก ก่อนที่จะไปบอกทีวีให้มาถ่ายทำเรื่องแมงกะพรุนน้ำจืด หลังจากนั้นก็มีสื่ออื่นๆ เข้ามาทำสารคดีบ้าง” จ่าเกรียงไกร เล่า ...
เมื่อชื่อเสียงของแมงกะพรุนน้ำจืดเริ่มเป็นที่รู้จัก ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ก็ได้ส่งทีมงานเข้ามาสำรวจ ซึ่งก็พอสรุปได้ว่า แมงกะพรุนน้ำจืดที่พบ ไม่ใช่แมงกะพรุนที่แท้จริงเหมือนแมงกะพรุนที่อาศัยอยู่ในทะเล แต่เป็นแมงกะพรุนน้ำจืดที่เรียกว่า Freshwater jellyfish โดยมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Crasapedacusta sowerbii (หรือบางทีก็เขียน Crasapedacusta sowerbyi ) สำหรับแมงกะพรุนชนิดนี้ เป็นสัตว์ที่มีความต้องการทางนิเวศวิทยาแคบมาก คือจะอยู่อาศัยได้ในน้ำนิ่ง ที่มีความสะอาด มีอาหาร มีอุณหภูมิ และสภาพกรด-ด่าง ที่เหมาะสมเท่านั้น ... โดยแมงกะพรุนน้ำจืด จะมีโครงสร้างที่เรียกว่า “velum” ซึ่งจะมีเปลือกใส รูปร่างคล้ายระฆัง มีส่วนที่ยื่นออกมาจากขอบที่เป็นวงกลม หรือวงแหวนขอบรูประฆัง
รูปร่างเหมือนแมงกะพรุนทะเล ..... เพียงแต่ว่ามีขนาดเล็ดประมาณเหรียญ 10 บาท เหตุที่แมงกะพรุนน้ำจืดที่ลำน้ำเข็ก ต่างจากแมงกะพรุนจริงในทะเลก็เนื่องจากว่า แมงกะพรุนชนิดนี้จะมีอวัยวะที่เรียกว่า ที่เรียกว่า “manubrium” ซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ส่วนปลายของปาก แล้วยืดลงไปตามโพรงภายใน velumที่เป็นลักษณะที่ต่างจากแมงกะพรุนทั่วไป ... ในส่วนชีวิตความเป็นอยู่ของแมงกะพรุนน้ำจืด ก็จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือโคโลนี และชอบอาศัยอยู่ตามรากพืชน้ำ ก้อนหิน หรือตอไม้ใต้ผิวน้ำ เมื่อแมงกะพรุนน้ำจืดที่เจริญเต็มที่จะมีขนาด ประมาณ 25 เซนติเมตร รูปร่างคล้ายร่ม มีหนวดยาวๆอยู่รอบๆ วงแหวน ซึ่งหนวดนี้จะมีเข็มพิษอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้ในการจับเหยื่อ ที่เป็นแพลงค์ตอน ... สำหรับแมงกะพรุนน้ำจืดที่พบในลำน้ำเข็ก แห่งอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นสายพันธุ์ไหน ใช่สายพันธุ์เดียวกับต่างประเทศหรือเปล่า เนื่องจากในเมืองไทย ยังไม่มีนักวิชาการยืนยันอย่างเป็นทางการ ...
รูปร่างเหมือนแมงกะพรุนทะเล ..... เพียงแต่ว่ามีขนาดเล็ดประมาณเหรียญ 10 บาท เหตุที่แมงกะพรุนน้ำจืดที่ลำน้ำเข็ก ต่างจากแมงกะพรุนจริงในทะเลก็เนื่องจากว่า แมงกะพรุนชนิดนี้จะมีอวัยวะที่เรียกว่า ที่เรียกว่า “manubrium” ซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ส่วนปลายของปาก แล้วยืดลงไปตามโพรงภายใน velumที่เป็นลักษณะที่ต่างจากแมงกะพรุนทั่วไป ... ในส่วนชีวิตความเป็นอยู่ของแมงกะพรุนน้ำจืด ก็จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือโคโลนี และชอบอาศัยอยู่ตามรากพืชน้ำ ก้อนหิน หรือตอไม้ใต้ผิวน้ำ เมื่อแมงกะพรุนน้ำจืดที่เจริญเต็มที่จะมีขนาด ประมาณ 25 เซนติเมตร รูปร่างคล้ายร่ม มีหนวดยาวๆอยู่รอบๆ วงแหวน ซึ่งหนวดนี้จะมีเข็มพิษอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้ในการจับเหยื่อ ที่เป็นแพลงค์ตอน ... สำหรับแมงกะพรุนน้ำจืดที่พบในลำน้ำเข็ก แห่งอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นสายพันธุ์ไหน ใช่สายพันธุ์เดียวกับต่างประเทศหรือเปล่า เนื่องจากในเมืองไทย ยังไม่มีนักวิชาการยืนยันอย่างเป็นทางการ ...
แต่ทั้งนี้ก็ยังมีผู้ที่พยายามจะค้นคว้าวิจัยเรื่องราวของแมงกะพรุนน้ำจืด อย่างจริงจัง โดยหนึ่งในนั้นก็คือ
อาจารย์ชนะศักดิ์ เทอดผดุงชัย แห่งโรงเรียนเทศบาล 3 ชาญวิทยา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ที่ได้ร่วมกับลูกศิษย์ทำวิจัยในเรื่องนี้ ... “ผมสนใจเรื่องแมงกะพรุนน้ำจืดเป็นการส่วนตัว และเมื่อได้ทราบข่าวจากทีวี ก็พยายามค้นหาข้อมูล และก็บังเอิญว่าผมสอนคอมพิวเตอร์และมีวิชาสอนทำเว็บไซต์ ซึ่งก็มีลูกศิษย์ของผมส่วนหนึ่งสนใจทำเรื่องแมงกะพรุนน้ำจืดที่แก่งในลำน้ำเข็ก” อ.ชนะศักดิ์ กล่าว ... ด้าน ด.ช. รักสกุล หินสูงเนิน แห่งโรงเรียนเทศบาล 3 ชาญวิทยา ผู้ที่ร่วมทำเว็บไซต์ เรื่องแมงกะพรุนน้ำจืด http://www14.brinkster.com/fwjellyfish ก็ได้เล่าว่า หลังจากที่ตนทราบข่าวแมงกะพรุนน้ำจืด ก็เกิดความสนใจเนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องแปลก และน่าศึกษาค้นคว้า ประกอบกับช่วงนั้นกระทรวงศึกษาฯ ได้ประกวดการทำเว็บไซด์ ตนกับเพื่อนจึงได้นำโครงการนี้ไปเสนออาจารย์ ชนะศักดิ์ ซึ่งอาจารย์ก็เห็นชอบพร้อมยังมาเป็นที่ปรึกษาให้ด้วย
แก่งวังน้ำเย็น 1 ในสถานที่พบแมงกะพรุนน้ำจืด ..... ส่วนด.ช.วรชัย ศรีเมือง อีกหนึ่งในผู้ร่วมทำเรื่องแมงกะพรุนน้ำจืดกับ ด.ช.รักสกุล ก็ได้กล่าวว่า ช่วงระยะแรกได้ทีมงานได้พยายามสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างประเทศ โดยได้ข้อมูลส่วนหนึ่งจากผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ตนก็ยังได้รับข้อมูลจากหัวหน้าสถานีประมงจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่นำแมงกะพรุนที่พบมาทดลองเพาะเลี้ยงไว้ รวมถึงการไปลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งก็ทำให้ทราบว่าแมงกะพรุนน้ำจืดจะอยู่ได้ในระบบนิเวศที่สมบูรณ์เท่านั้น ... และด้วยความแปลก ความน่าสนใจ รวมถึงการที่แมงกะพรุนน้ำจืดนั้นหาดูตามแหล่งน้ำธรรมชาติไม่ได้ง่ายๆ ด้วยตาเปล่า เนื่องจากแมงกะพรุนน้ำจืดจะมีช่วงเวลาว่ายอยู่เหนือน้ำเพียงระยะเวลาสั้นในหนึ่งปี ด้วยเหตุนี้ ทางกลุ่มชุมชนคนรักป่าหนองแม่นา-ทานตะวัน จึงได้ร่วมมือกับอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โดยมีสกว.ให้การสนับสนุน ได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ศึกษาวิถีชีวิตแมงกะพรุนน้ำจืด ตามแก่งต่างๆที่มีแมงกะพรุนน้ำจืดในลำน้ำเข็กขึ้น
เกรียงไกร สมนรินทร์ ..... ผู้พบแมงกะพรุนน้ำจืดโดยบังเอิญ “แมงกะพรุนจะว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำเป็นกลุ่มใหญ่ให้เราเห็นก็ในช่วงบ่าย 2 โมง ถึงบ่าย 3 โมง ของทุกฤดูร้อนประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ซึ่งทางกลุ่มก็ได้จัดกิจกรรมพายเรือล่องน้ำเข็กไปดูแมงกะพรุนน้ำจืด พร้อมกับดูนกและผีเสื้อนานาพันธุ์ รวมถึงดูสัตว์แปลกอีกชนิดหนึ่งก็คือ หอยตูดตัด ซึ่งที่ผ่านมาหลังตั้งกลุ่มประมาณ 2 ปี ก็มีนักท่องเที่ยวสนใจมาเที่ยวกันพอสมควร แต่ก็มีบางครั้งที่นักท่องเที่ยวมาไม่เจอแมงกะพรุนน้ำจืดผมก็จะพาไปชมที่ ผมนำมาเลี้ยงไว้เพื่อวิจัยจากการสนับสนุนของสกว.” ... จ่าเกรียงไกรประธานกลุ่มกล่าว ก่อนที่ตัดพ้อว่า ในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว แมงกะพรุนยังขึ้นเยอะมากที่แก่งบางระจัน แต่มาปีนี้หายไปหมด จะมีขึ้นก็แต่ที่ แก่งวังน้ำเย็น และที่เข็กสามงา โดยหากไปถูกเวลาก็จะพบแมงกะพรุนน้ำจืดประมาณ 70 % ส่วนสาเหตุของการหายไปของแมงกะพรุนน้ำจืดที่แก่งบางระจัน ก็น่าจะมาจากการที่มนุษย์ทำให้ระบบนิเวศบริเวณลำน้ำเข็กเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผมตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ..... ที่แมงกะพรุนมันไม่ขึ้นที่แก่งบางระจัน ข้อแรกก็น่าจะมาจากการที่พวกชาวไทยภูเขานิยมจับปลากันด้วยวิธีการวางยาเบื่อปลาที่ต้นน้ำ ข้อที่สองพอหลังจากที่ผมกับท่านผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ปล่อยปลากะแหจำนวนมากลงในล้ำน้ำเข็ก ผมก็รู้สึกว่าแมงกะพรุนมันหายไป แต่จำนวนปลากะแหกลับมีเต็มแม่น้ำ ส่วนข้อสุดท้ายผมตั้งข้อสังเกตว่า มาพักหลังนี่น้ำเข็กยุบ หรือน้ำลดลงไปมาก ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะมีการทำไร่ที่ต้นน้ำและส่งผลมาถึงระบบนิเวศในลำน้ำด้วย” จ่าเกรียงไกรให้ข้อสังเกต ... สำหรับในเรื่องนี้ก็ต้องถือว่าไปสอดคล้องกับแนวคิดของ อ.ชนะศักดิ์ ที่อธิบายว่า จากการศึกษาวงจรชีวิตของแมงกะพรุนน้ำจืดที่ลำน้ำเข็ก พบว่า วงจรชีวิตจะแบ่งเป็น ระยะที่ 1 เรียก “พานอล” ที่ตัวออกมาคล้ายๆตัวหนอน จากนั้นก็จะเป็น ลักษณะของโพลิด ตัวคล้ายๆกิ่งไม้ แล้วก็เข้าระยะที่ 2 คือจะไปจับกลุ่มกัน 2-3 ตัว จากนั้นก็จะพัฒนามาเป็น ฟาสเซิล นี่เป็นระยะที่ 2 และในระยะนี้ หากอุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงไปมาก ฟาสเซิล ก็จะไม่พัฒนาเป็นแมงกะพรุน ซึ่งจากการวิจัยทำให้รู้ว่า ระบบนิเวศน์จะถูกทำลายไม่ได้ จะถูกเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถ้าถูกเปลี่ยนแปลงเมื่อไร สัตว์พิสดารระดับโลกจะหายไปจากประเทศไทย
อาจารย์ชนะศักดิ์ เทอดผดุงชัย แห่งโรงเรียนเทศบาล 3 ชาญวิทยา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ที่ได้ร่วมกับลูกศิษย์ทำวิจัยในเรื่องนี้ ... “ผมสนใจเรื่องแมงกะพรุนน้ำจืดเป็นการส่วนตัว และเมื่อได้ทราบข่าวจากทีวี ก็พยายามค้นหาข้อมูล และก็บังเอิญว่าผมสอนคอมพิวเตอร์และมีวิชาสอนทำเว็บไซต์ ซึ่งก็มีลูกศิษย์ของผมส่วนหนึ่งสนใจทำเรื่องแมงกะพรุนน้ำจืดที่แก่งในลำน้ำเข็ก” อ.ชนะศักดิ์ กล่าว ... ด้าน ด.ช. รักสกุล หินสูงเนิน แห่งโรงเรียนเทศบาล 3 ชาญวิทยา ผู้ที่ร่วมทำเว็บไซต์ เรื่องแมงกะพรุนน้ำจืด http://www14.brinkster.com/fwjellyfish ก็ได้เล่าว่า หลังจากที่ตนทราบข่าวแมงกะพรุนน้ำจืด ก็เกิดความสนใจเนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องแปลก และน่าศึกษาค้นคว้า ประกอบกับช่วงนั้นกระทรวงศึกษาฯ ได้ประกวดการทำเว็บไซด์ ตนกับเพื่อนจึงได้นำโครงการนี้ไปเสนออาจารย์ ชนะศักดิ์ ซึ่งอาจารย์ก็เห็นชอบพร้อมยังมาเป็นที่ปรึกษาให้ด้วยแก่งวังน้ำเย็น 1 ในสถานที่พบแมงกะพรุนน้ำจืด ..... ส่วนด.ช.วรชัย ศรีเมือง อีกหนึ่งในผู้ร่วมทำเรื่องแมงกะพรุนน้ำจืดกับ ด.ช.รักสกุล ก็ได้กล่าวว่า ช่วงระยะแรกได้ทีมงานได้พยายามสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างประเทศ โดยได้ข้อมูลส่วนหนึ่งจากผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ตนก็ยังได้รับข้อมูลจากหัวหน้าสถานีประมงจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่นำแมงกะพรุนที่พบมาทดลองเพาะเลี้ยงไว้ รวมถึงการไปลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งก็ทำให้ทราบว่าแมงกะพรุนน้ำจืดจะอยู่ได้ในระบบนิเวศที่สมบูรณ์เท่านั้น ... และด้วยความแปลก ความน่าสนใจ รวมถึงการที่แมงกะพรุนน้ำจืดนั้นหาดูตามแหล่งน้ำธรรมชาติไม่ได้ง่ายๆ ด้วยตาเปล่า เนื่องจากแมงกะพรุนน้ำจืดจะมีช่วงเวลาว่ายอยู่เหนือน้ำเพียงระยะเวลาสั้นในหนึ่งปี ด้วยเหตุนี้ ทางกลุ่มชุมชนคนรักป่าหนองแม่นา-ทานตะวัน จึงได้ร่วมมือกับอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โดยมีสกว.ให้การสนับสนุน ได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ศึกษาวิถีชีวิตแมงกะพรุนน้ำจืด ตามแก่งต่างๆที่มีแมงกะพรุนน้ำจืดในลำน้ำเข็กขึ้น
เกรียงไกร สมนรินทร์ ..... ผู้พบแมงกะพรุนน้ำจืดโดยบังเอิญ “แมงกะพรุนจะว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำเป็นกลุ่มใหญ่ให้เราเห็นก็ในช่วงบ่าย 2 โมง ถึงบ่าย 3 โมง ของทุกฤดูร้อนประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ซึ่งทางกลุ่มก็ได้จัดกิจกรรมพายเรือล่องน้ำเข็กไปดูแมงกะพรุนน้ำจืด พร้อมกับดูนกและผีเสื้อนานาพันธุ์ รวมถึงดูสัตว์แปลกอีกชนิดหนึ่งก็คือ หอยตูดตัด ซึ่งที่ผ่านมาหลังตั้งกลุ่มประมาณ 2 ปี ก็มีนักท่องเที่ยวสนใจมาเที่ยวกันพอสมควร แต่ก็มีบางครั้งที่นักท่องเที่ยวมาไม่เจอแมงกะพรุนน้ำจืดผมก็จะพาไปชมที่ ผมนำมาเลี้ยงไว้เพื่อวิจัยจากการสนับสนุนของสกว.” ... จ่าเกรียงไกรประธานกลุ่มกล่าว ก่อนที่ตัดพ้อว่า ในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว แมงกะพรุนยังขึ้นเยอะมากที่แก่งบางระจัน แต่มาปีนี้หายไปหมด จะมีขึ้นก็แต่ที่ แก่งวังน้ำเย็น และที่เข็กสามงา โดยหากไปถูกเวลาก็จะพบแมงกะพรุนน้ำจืดประมาณ 70 % ส่วนสาเหตุของการหายไปของแมงกะพรุนน้ำจืดที่แก่งบางระจัน ก็น่าจะมาจากการที่มนุษย์ทำให้ระบบนิเวศบริเวณลำน้ำเข็กเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผมตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ..... ที่แมงกะพรุนมันไม่ขึ้นที่แก่งบางระจัน ข้อแรกก็น่าจะมาจากการที่พวกชาวไทยภูเขานิยมจับปลากันด้วยวิธีการวางยาเบื่อปลาที่ต้นน้ำ ข้อที่สองพอหลังจากที่ผมกับท่านผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ปล่อยปลากะแหจำนวนมากลงในล้ำน้ำเข็ก ผมก็รู้สึกว่าแมงกะพรุนมันหายไป แต่จำนวนปลากะแหกลับมีเต็มแม่น้ำ ส่วนข้อสุดท้ายผมตั้งข้อสังเกตว่า มาพักหลังนี่น้ำเข็กยุบ หรือน้ำลดลงไปมาก ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะมีการทำไร่ที่ต้นน้ำและส่งผลมาถึงระบบนิเวศในลำน้ำด้วย” จ่าเกรียงไกรให้ข้อสังเกต ... สำหรับในเรื่องนี้ก็ต้องถือว่าไปสอดคล้องกับแนวคิดของ อ.ชนะศักดิ์ ที่อธิบายว่า จากการศึกษาวงจรชีวิตของแมงกะพรุนน้ำจืดที่ลำน้ำเข็ก พบว่า วงจรชีวิตจะแบ่งเป็น ระยะที่ 1 เรียก “พานอล” ที่ตัวออกมาคล้ายๆตัวหนอน จากนั้นก็จะเป็น ลักษณะของโพลิด ตัวคล้ายๆกิ่งไม้ แล้วก็เข้าระยะที่ 2 คือจะไปจับกลุ่มกัน 2-3 ตัว จากนั้นก็จะพัฒนามาเป็น ฟาสเซิล นี่เป็นระยะที่ 2 และในระยะนี้ หากอุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงไปมาก ฟาสเซิล ก็จะไม่พัฒนาเป็นแมงกะพรุน ซึ่งจากการวิจัยทำให้รู้ว่า ระบบนิเวศน์จะถูกทำลายไม่ได้ จะถูกเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถ้าถูกเปลี่ยนแปลงเมื่อไร สัตว์พิสดารระดับโลกจะหายไปจากประเทศไทย
อ.ชนะศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ..... แมงกะพรุนน้ำจืดที่แก่งบางระจัน นี่ถือเป็นสัตว์พิสดารอันดับโลกเลยก็ว่าได้ ในหลายประเทศต่างให้ความสนใจ ว่าโลกนี้ยังมีสัตว์แบบนี้อยู่ อย่าว่าแต่เมืองนอกตื่นเต้นนะครับ เมืองไทยก็ตื่นเต้น ... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม่ว่าจะมีคนตื่นเต้นต่อการค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืดที่ลำน้ำเข็ก แต่ถ้าหากว่าผู้ที่ทำมาหากิน หรือผู้ที่ใช้ประโยชน์จากลำน้ำเข็กไม่ช่วยกันรักษาระบบนิเวศ ในอนาคตเรื่องราวของแมงกะพรุนน้ำจืดที่หาดูยากอยู่แล้ว ก็อาจจะกลายเป็นหาดูไม่ได้เลย เพราะแมงกะพรุนน้ำจืดหมดไปจากประเทศไทย




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น