ขอน้อมอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

เว็บนี้สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว



ร่วมเติมเต็มทุกหัวใจของคนที่มีรักได้ที่นี่

แล้วคุณจะรู้ว่า
ปรารถนาจะเป็นผู้สั่งการ
หัวใจคือผู้เร่งเร้าให้รุ่มร้อน
เรือนกายคือผู้ปฏิบัติตามปรารถนา
ทุกสิ่งจะเป็นไปตามครรลองของมันเองทุกประการ

ที่นี่จะรวมบทวิจารณ์ รวมถึงข่าวสารสาระที่เป็นประโยชน์ต่างๆไว้
โดยเฉพาะที่มาจากความคิดเห็นของผู้แต่งเอง
ทั้งนี้ผู้แต่งจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆ อันเกิดจากการนำข้อความดังกล่าวที่ปรากฏในบล็อกไปใช้อย่างไม่เหมาะสม
เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น ติชม กันเยอะๆนะคะ
ขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ด้วยความปราถนาดี

R-ka



ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าชมได้อีกบล็อกนึง คือ

http://www.rka-state.vox.com/


Mariah Carey - Bye Bye

lay on my high-heels

lay on my high-heels
งานบายเนียรปี2008 ค่ะ

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ6

พักฟื้นหลังจากผ่าตัดเสร็จ" 23 มีนาคม 2549


..... พักฟื้นวันที่ 1 .....




.... ต่อ จากตอนที่แล้ว....





ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ประมาณ 5-6 โมงเย็นค่ะ ก็ยังมีอาการง่วงอยู่นิดหน่อยค่ะ
ตอนตื่นขึ้นมาพยาบาลเค้าจัดท่านอนให้ตั้งแต่ตอนออกมาจากห้องผ่าตัดใหม่ๆแล้วค่ะ
เค้าเอาหมอมารองตรงขาเราไว้ 2-3 ใบค่ะ หนุนตรงนั้น รองตรงนี้ ทำให้นอนสบายค่ะ
ส่วนตรงที่ผ่าตัด ก็ตึงๆ ยังไม่ปวดค่ะ ยังไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆออกมาค่ะ
ก็นอนได้อย่างเดียว ยังลุกไปไหนไม่ได้ แต่ขาดิชั้นนี่สิคะ หุบไม่ได้เลย 555 นอนถ่างขาอ้าซ่าเลย อิอิ
คือความจริงมันก็หุบได้นะคะ แต่ไม่อยากหุบ เพราะสิ่งที่หอหุ้มตรงนั้นนะสิ มันแน่นซะเหลือเกิน
คือตรงนั้นคุณหมอห่อเป็นแพ็คให้เลยค่ะ เอาผ้าขาว หรือสก็อตเทบผ้าก็ไม่ทราบได้ มาพันรอบๆที่แปลง
แน่นมากค่ะ พี่พยาบาลบอกว่า หมอเค้าพันเป็นบล็อคไว้ให้ มันจะได้สวยงามคงรูป

ชุดที่ใส่ตอนนั้นก็ใส่ชุดของโรงพยาบาลนะคะ ก็ใส่เสื้อของโรงพยาบาล
แต่กางเกงไม่ได้ใส่ค่ะ เพราะผ้าพันตรงนั้นไว้แน่น ก็เลยต้องปล่อยให้มันโปร่งๆ โล่งสบายๆ จะได้ไม่อึดอัด
แต่ก็มีผ้าห่มคลุมไว้ค่ะ เราจะได้ไม่โป๊มากมาย อิอิ

และมันก็มีสายออกมาจากตรงนั้น 2 สายค่ะ สายแรกคือ สายท่อปัสสาวะ และอีกสายคือ สายท่อเลือด
เราได้นอนสบายเลยค่ะ เหมือนปวดฉี่ตลอดเวลา แต่สบายค่ะ ไม่ต้องลุกเข้าห้องน้ำเอง
มันไหลลงถุงปัสสาวะหมดเลยค่ะ นอนอย่างเดียว สบ๊าย สบาย
ส่วนสายท่อเลือดเนี่ย มันถ่ายเทเลือดเสียออกมาค่ะ แต่ไม่มากค่ะ

สักพักก็มีช่อดอกไม้สวยงามจากคุณหมอสุพรมาค่ะ ดีใจมากๆ
พยาบาลเข็นดอกไม้มาให้ค่ะ พร้อมกับของพี่ๆที่ดิชั้นรู้จักอีก 2 ช่อ
รู้สึกดีใจมากเลยค่ะ ที่ยังมีคนเป็นห่วงเรา และแสดงความยินดีกับเรา
พี่พยาบาลก็แนะนำว่า ช่อนี้เป็นของใคร จากของใคร มารายงานให้เราทราบ เพราะเราลุกไม่ได้ค่ะ
ดิชั้นก็เลยบอกว่า ให้เอาวางไว้บนทีวีอีกที จะได้เห็นแล้วสบายใจ อิอิ
สักพักดิชั้นก็นอนหลับไปอีกรอบ...

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ประมาณ 1-2 ทุ่มนี่แหละค่ะ ตื่นขึ้นมาก็หิวเลย 555
ก็แหม๋... ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึง 2 ทุ่ม ก็เลยบอกเพื่อนว่า หิวค่ะ ขออาหารหน่อย
พอดีว่าเค้าเอาอาหารมาเสริฟทิ้งไว้ และดิชั้นยังไม่ได้ทาน เพื่อนก็เลยเอามาให้ดิชั้นทานค่ะ
ก็ทานๆไป มื้อแรกยังทานปกติค่ะ เค้าไม่ได้ห้าม ก็ทานไปค่ะ ก็มันหิว แต่ในใจอยากกินเกี๊ยวน้ำค่ะ
ก็เลยวานเพื่อนออกไปซื้อที่เขามาขายหน้า รพ. เพื่อนก็แสนดีค่ะ จัดให้ดิชั้น ก็ออกไปซื้อมาให้ทาน

เวลานี้ยังไม่มีอาการปวดแต่อย่างใดค่ะ ยังปกติดี ทีแรกนึกว่าจะเจ็บทรมานนะเนี่ย แต่ไม่เลยค่ะ
ก็ตื่นขึ้นมา ดูทีวีบ้าง คุยกะเพื่อนบ้าง ก็ไม่มีอะไรทำค่ะ อิ่มแล้วก็ง่วง ดิชั้นก็เลยนอนหลับต่อ
แต่บอกได้เลยค่ะว่า นอนหลับเนี่ย มันไม่ได้หลับสนิทหรอกค่ะ
ก็เพราะพี่พยาบาลแกเล่นเข้ามาวัดไข้และวัดความดัน ทุก 1 ชม.เลยค่ะ บ่อยมากๆ
พอกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็มาอีกละ 555 แต่ก็ต้องทำค่ะ เผื่อเป็นอะไรขึ้นมา จะได้รักษาทัน
ตอนแรกดิชั้นก็คิดว่าคงไม่มีไข้หรอกนะคะ แต่มีครั้งนึง พี่พยาบาลบอกว่า วัดไข้แล้วอุณหภูมิสูง
ก็เลยเอายาลดไข้มาให้ทาน ส่วนเรื่องยาเนี่ย ไม่ต้องห่วงค่ะ ยามาทุก 4 ชั่วโมงอยู่แล้ว มาตลอดเลย
จะนอนหลับอยู่ยังไง ก็ต้องตื่นมาทานค่ะ แล้วหลับต่อ...

คืนแรกก็เริ่มปวดค่ะ ประมาณดึกๆหลังเที่ยงคืนไปแล้ว
ก็ไม่ได้ปวดมากกกกกกกกขนาดจนอยากขาดใจตายนะคะ
ตอนแรกก็ทานยาแก้ปวดตลอดค่ะ แต่มันก็ต้านทานไม่ได้เลย
จนต้องปลุกเรียกเพื่อนตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน บอกเพื่อนว่า ทนไม่ไหวแล้ว
ไปบอกพยาบาลขอยาแก้ปวดแบบฉีดให้หน่อย ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่ามีหรือไม่มี
แต่ขอไว้ก่อน อยากได้แบบแก้ปวดทันใจเลย เพราะว่ามันปวดค่ะ
สักพักเพื่อนก็ไปถามให้ และก็เดินกลับเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวพยาบาลเอามาฉีดให้
ตอนนี้ดิชั้นดีใจมากเลยค่ะ เพราะจะได้หายปวดสักที

สักพักพี่พยาบาลก็ถือเข็มเล็กๆ เข้ามาค่ะ ตอนแรกนึกว่าเค้าจะฉีดเข้าเส้นเลือดเราเลย
แต่ไม่ค่ะ เค้าฉีดเข้าสายน้ำเกลือเราต่างหาก มันก็ค่อยๆซึมเข้าร่างกายเราทีละนิดๆ
แล้วพี่พยาบาลก็บอกว่า ตัวนี้ฉีดให้ทุก 6 ชม.นะคะ ฉีดบ่อยๆ ไม่ได้ ซึ่งดิชั้นก็โอเคค่ะ
เวลาผ่านไปสักพัก ดิชั้นก็รู้สึกว่าเริ่มดีขึ้น หายปวดแล้วค่ะ ก็เลยนอนหลับสบายเลยทีนี้
แต่ยาทานก็ยังต้องมีทานทุก 4 ชม. เหมือนเดิมค่ะ และวัดไข้วัดความดันทุก 1 ชม. เลยค่ะ
ก็เลยทำให้ได้นอนไม่เต็มร้อย แต่ก็นอนทั้งวันทั้งคืนอ่ะค่ะ 555 เพราะลุกไปไหนไม่ได้
พอง่วงปุ๊บ ก็หลับอีกละ


จนตื่นเช้ามาอีกวันนึง เข้าเช้าวันที่ 24 มีนาคม
แล้วที่ตื่นเนี่ย เพราะคุณหมอสุพรเข้ามาตรวจดูเองเลยค่ะ คุณหมอเข้ามาเช้ามาก
แล้วก็ถามว่า เป็นไง สบายดีมั้ย ปวดมากมั้ย ดิชั้นก็ตอบไปตามความเป็นจริง
และคุณหมอก็บอกว่า ตอนผ่าตัดก็ไม่มีปัญหาอะไร และไม่เสียเลือดมาก หายห่วงได้
เห็นหมอสุพรคุยกับพยาบาลบอกว่า...
ยายังมีใช่ไหม ก็ฉีดให้น้องเค้าตลอดได้เลยนะ(คิดว่าคงเป็นยาแก้ปวดแบบฉีดค่ะ)
คุณหมอเข้ามาได้แป๊บเดียว แล้วก็ออกไปเลยค่ะ อิอิ
(อ้อ ที่แท้เค้าจัดยาแก้ปวดแบบฉีดเตรียมไว้ให้เราอยู่แล้วค่ะ แหะๆ เพิ่งรู้ตอนนี้นี่เอง)

และแล้วสักพัก ก็มีพี่ผู้หญิงจากคลินิกหมอสุพรเข้ามาค่ะ พี่เค้าบอกว่า คุณหมอเข้ามาได้แป๊บเดียวค่ะ
เพราะคนไข้คุณหมอมีทุกห้องเลย คุณหมอจะเข้ามาพบคนไข้ทุกเช้า และทุกคน ค่ะ
รู้สึกคุณหมอดูแลเอาใจใส่ดีค่ะ ปลื้มมากๆ ถึงจะมีเวลาแป๊บเดียว แต่ก็รู้สึกอุ่นใจค่ะ
และพี่ที่มาเค้าก็เอาอุปกรณ์มาให้ค่ะ เค้าบอกว่า เอาไว้ใช้ในวันที่ออกจาก รพ.
ก็มีทั้ง โมล ผ้าอนามัย ถุงยาง(เอาไว้ใส่แท่งโมลขณะโมล) น้ำยาล้าง สำลี ผ้าก็อต ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ฯลฯ
คือเยอะแยะมาก ที่พอจำได้ก็มีเท่าที่บอกนี่แหละค่ะ เค้าใส่มาให้เป็นกระเป๋าเลย ให้เราเอากลับบ้านได้เลยค่ะ
แล้วพี่เค้าก็ยังบอกอีกว่า พยายามนอนเปลี่ยนท่า อย่านอนท่าเดียว เดี๋ยวก้นจะเป็นแผลได้
เพราะนอนท่าเดียวเนี้ย น้ำหนักตัวมันจะลงไปอยู่ที่ก้นหมดค่ะ หากเราไม่เปลี่ยนท่าเลย มันจะปวดก้นและเป็นแผลได้ก
พยายามนอนตะแคงบ้าง สลับข้างบ้าง และที่สำคัญ ให้นอนหุบขาบ้าง อย่าถ่างมาก เดี๋ยวแผลจะฉีกได้
ก็โอเคค่ะ ดิชั้นก็พยายามเปลี่ยนท่าบ้าง เพราะท่าเดียวนั้นมันปวดเมื่อยจริงๆ ค่ะ
และพี่เค้าก็บอกว่า เดี๋ยวคุณหมอก็จะเข้ามาดูทุกวัน ไม่ต้องห่วง เข้ามาพบตลอด มีอะไรก็ถามคุณหมอได้เลย
พี่เค้าพูดจากันดีมากๆค่ะ

พูดถึงเรื่องเปลี่ยนท่านอนนี่ จริงค่ะ ต้องระวังก้นเป็นแผลจริงๆ
แค่วันที่ออกจากห้องผ้าตัดมาเนี่ย ดิชั้นไม่ได้เปลี่ยนท่าเลย เป็นเวลาหลายสิบชั่วโมงค่ะ
พอได้เปลี่ยนท่าแค่นั้นแหละ รู้สึกปวดที่ก้นเลยค่ะ
ส่วนตัวดิชั้นเคยหาข้อมูลมาบ้าง เคยได้ยินว่า ผู้ป่วยอัมพาตที่นอนอยู่บนเตียงเวลานานๆเนี่ย
ต้องมีการทำกายภาพบำบัดด้วย เปลี่ยนท่านอนให้บ้าง ไม่งั้นก้นเป็นแผลค่ะ เพราะมันถูกกดทับเป็นเวลานาน
เปลี่ยนท่าบ่อยๆ ก็ดีค่ะ อย่านอนท่าเดียวเป็นเวลานานๆ จะได้นอนสบายยยยย
เข้าเรื่องต่อเลยค่ะ...

สักพักก็มีอาหารมาเสริฟอีกแล้วค่ะ รอบนี้เป็นอาหารเช้า มีอาหารมาวันละ 3 มื้อค่ะ (เช้า เที่ยง เย็น)
แต่รอบนี้รู้สึกจะทานน้อยลง เพราะไม่ค่อยหิว และไม่ค่อยอยากทานอะไรมากมาย
ทานไปนิเดียว แล้วก็ไม่ทานต่ออีก เพราะไม่ค่อยหิว ก็เลยนอนดูทีวีค่ะ
พอดีช่วงนั้นเค้าเอาเรื่องฟลูเฮาส์มาฉายช่วงวัน จันทร์-ศุกร์ มั้งค่ะ เลยได้ดูทุกเช้าเลย

พอสายๆ ก็มีพยาบาลเข้ามาค่ะ เค้าจะมาเช็ดตัวให้เราค่ะ เพราะเราลุกไปอาบน้ำไม่ได้
เวลานี้พี่พยาบาลเข้ามาก็ดึงผ้าม่านบังไว้เลยค่ะ เพราะดิชั้นจะต้องแก้ผ้าให้เค้าเช็ดตัว 555
ก็บังเพื่อนไว้ค่ะ ไม่ให้เพื่อนดิชั้นมันเห็น เพื่อนก็เลยนอนดูทีวีไป แต่อากาศในห้องมันเย็นค่ะ
ดิชั้นเลยบอกให้พี่เค้าเบาแอร์ก่อน เพราะดิชั้นหนาวววววววว
และสักพักก็เริ่มบรรจงถอดเสื้อออกค่ะ ตอนนี้มันก็เหมือนแก้ผ้าดีๆนี่แหละ
เพียงแต่ตรงที่ผ่าตัดมันมีอะไรแพ็คไว้ เหมือนเราใส่แพมเพิสไว้ นั่นแหละค่ะ
เวลานี้ไม่มีอะไรจะอายแล้วค่ะ โทรมก็โทรม ตัวก็เหนียว พี่เค้าก็เลยจะเช็ดตัวให้ก็เลยยอม
ไม่มีอะไรอายแล้ว และพี่เค้าก็เช็ดตัวให้ ตะแคงซ้าย ขวา เพื่อให้เช็ดหลังได้ แป๊บเดียวเองค่ะ
แล้วก็ทาแป้งให้ทั่วตัวเลย ทาแป้งบนหน้า 555 ว่าไปเหมือนเด็กเลย ทำอะไรเองไม่ได้แล้ว อิอิ
และพี่เค้าก็เอาชุดใหม่มาใส่ให้ ใส่แค่เสื้อเหมือนเดิม แล้วก็เอาผ้าห่มผืนใหม่มาคลุมตรงผ่าตัดไว้เหมือนเดิม
และก็จัดท่านอนให้ดิชั้นใหม่ เอาหมอมารองขา รองคอ หลัง อยากนอนสบายยังไง ก็บอกพี่เค้าไปเลยค่ะ

ทีนี้ก็สบายตัวละ ดีใจ รู้สึกสดชื่นขึ้นมากกกก แต่ผมก็ยังเน่าเหมือนเดิม 555 เพราะไม่ได้สระ
เหม็นหัวตัวเองมาก แต่ก็ต้องทนค่ะ อิอิ สบายตัวก็พอแล้ว
ทีนี้ก็เริ่มว่าง คุยกะเพื่อนไปเรื่อย ดูทีวีบ้าง พอเบื่อก็เล่นเน็ตบ้างค่ะ พอไม่มีอะไรจำทำแล้วจริงๆ ก็จะนอนค่ะ
เพราะเราลุกไปไหนไม่ได้เลย ได้แต่นอน และเปลี่ยนท่า พอหิวน้ำก็เรียกเพื่อนเอาน้ำในตู้เย็นมาให้ทานค่ะ
บางทีก็เกรงใจเพื่อน ก็เลยบอกให้เพื่อนเอาขวดน้ำมาวางให้หัวนอนให้เลยค่ะ จะได้ไม่ต้องลุกเอามาให้บ่อยๆ
แล้วก็ตื่นบ้าง สลับนอนไปเรื่อยบ้างค่ะ มียาทานตลอดทั้งหลังอาหาร และทุก 4 ชม.
พอเริ่มปวด ก็ขอยาแก้ปวดแบบฉีดอีกค่ะ กดกริ่งเรียกได้เลย พี่พยาบาลก็เดินมาถามว่าต้องการอะไร
ก็ให้บอกไปได้เลยค่ะว่า ขอยาแก้ปวดแบบฉีดหน่อย แล้วพี่เค้าก็จะไปเอามาฉีดเข้าสายน้ำเกลือให้ค่ะ

ความรู้สึกส่วนตัวเนี่ย ดิชั้นว่ามันปวดไม่ได้มากมายอะไรนะคะ สำหรับดิชั้นรู้สึกมันไม่ได้ทรมานมาก
แต่พอมันปวด ก็เรียกขอยาแก้ปวดได้ตลอดเวลา (ซึ่งก่อนแปลง ดิชั้นคิดว่ามันคงทรมานมากกว่านี้)
พอรู้อย่างนี้ ดิชั้นเลยสบายใจได้ค่ะ ว่าคงไม่ทรมานมาก ก็คงเหมือนผ่าตัดทั่วๆไปค่ะ ที่ต้องมีเจ็บแผลอยู่บ้าง

ใครที่กลัวการแปลงเพศเนี่ย ดิชั้นว่า หลังแปลงไม่ต้องกลัวอะไรเลยนะคะ
ส่วนตัวดิชั้น ไม่คิดว่ามันน่ากลัวและเจ็บปวดทรมานมากมายเหมือนก่อนแปลงเลย
กลับรู้สึกดีใจและสบายใจมากเสียอีก ที่ได้มีร่างกายเป็น ญ แล้วสักที
เจ็บมันก็เจ็บอยู่แล้วล่ะ เจ็บเหมือนผ่าตัดทั่วๆไปนั่นแหละ ไม่ได้มากมายอะไร
ยาแก้ปวดก็มี ขอได้ตลอดเวลา แล้วพยาบาลจะมาฉีดเข้าสายน้ำเกลือให้ค่ะ

อ้อ... บอกเรื่องน้ำเกลือนิดนึงค่ะ ดิชั้นถามพยาบาลตั้งแต่ตอนให้น้ำเกลือวันแรกแล้วว่า
มันจะบวมน้ำเกลือรึป่าว เห็นเค้าบอกว่ามันจะบวมน้ำเกลือได้ด้วย ซึ่งดิชั้นกลัวมาก กลัวอ้วน
แล้วพี่พยาบาลก็ให้คำตอบว่า... ที่เค้าว่าบวมๆกันหน่ะ เพราะเค้าฉีดให้นอกเส้น(เลือด)
หากฉีดเข้าเส้น(เลือด) มันจะไม่บวม ดิชั้นก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงประการใดนะคะ
ส่วนตัวดิชั้นตอนพักฟื้น ได้รับน้ำเกลือเยอะมากๆ แต่ก็ไม่เห็นบวมแต่อย่างใดเลย
ก็เลยจะบอกว่า เรื่องบวมน้ำเกลือไม่ต้องห่วงค่ะ มันไม่มีบวมอยู่แล้ววว...

ไม่มีความคิดเห็น:

when i was young

when i was young
like a boy

จัดให้เต็มๆ

จัดให้เต็มๆ
มองไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนน่ารักไง คนไรก็ไม่รู้