ขอน้อมอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

เว็บนี้สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว



ร่วมเติมเต็มทุกหัวใจของคนที่มีรักได้ที่นี่

แล้วคุณจะรู้ว่า
ปรารถนาจะเป็นผู้สั่งการ
หัวใจคือผู้เร่งเร้าให้รุ่มร้อน
เรือนกายคือผู้ปฏิบัติตามปรารถนา
ทุกสิ่งจะเป็นไปตามครรลองของมันเองทุกประการ

ที่นี่จะรวมบทวิจารณ์ รวมถึงข่าวสารสาระที่เป็นประโยชน์ต่างๆไว้
โดยเฉพาะที่มาจากความคิดเห็นของผู้แต่งเอง
ทั้งนี้ผู้แต่งจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆ อันเกิดจากการนำข้อความดังกล่าวที่ปรากฏในบล็อกไปใช้อย่างไม่เหมาะสม
เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น ติชม กันเยอะๆนะคะ
ขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ด้วยความปราถนาดี

R-ka



ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าชมได้อีกบล็อกนึง คือ

http://www.rka-state.vox.com/


Mariah Carey - Bye Bye

lay on my high-heels

lay on my high-heels
งานบายเนียรปี2008 ค่ะ

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ8

วันออกจากโรงพยาบาล"








วันนี้ก็มาถึงแล้ว จะได้กลับบ้านแล้วค่ะ ครบกำหนดที่อยู่โรงพยาบาลแล้วคือ 5 วัน
หากถ้าใครจะอยู่ต่ออีก 2 วันเพื่อรอเอาสายถุงฉี่ออกก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องเอาถุงฉี่กลับบ้านด้วย
แต่ก็ต้องจ่ายที่เหลืออีก 2 วันนั้นเองด้วยนะคะ ดิชั้นไม่ทราบด้วยสิว่าเท่าไหร่
แต่ก็คงราคาห้องพักวีไอพี่นั่นแหละค่ะ ก็ห้องพักหรูซะขนาดนั้น คืนกี่บาทก็ไม่ทราบได้ค่ะ
ยังไงก็ลองสอบถามพยาบาลดูก่อนได้นะคะ



แต่ดิชั้นเลือกที่จะกลับค่ะ
เช้าๆเพื่อนตื่นมาก็เก็บข้าวเก็บของ พยาบาลก็เข้ามาบอกว่าสายๆค่อยออกไปค่ะ
พอดีดิชั้นโทรนัดคุณลุงคนขับแทกซี่ให้มารับกลับเรียบร้อยค่ะ นัดวันและเวลาเรียบร้อย
พอสายๆ พยาบาลก็มาช่วยเอาดิชั้นลงจากเตียงค่ะ หลังจากที่นอนอยู่บนเตียงมาเต็มๆ 5 วัน
สิ่งแรกที่พยาบาลบอกคือ ค่อยๆลุกค่ะ อย่าลุกพรวดพราดทีเดียว มิเช่นนั้นจะหน้ามืดเป็นลมล้มลงไปทันทีค่ะ
พี่ท่านจะให้ไปอาบน้ำในห้องน้ำค่ะ เพื่อทำความสะอาดร่างกายและทำความสะอาดจิ๊มิ๊ค่ะ
น้ำไม่ได้อาบมา 5 วันแล้ว จะให้กลับบ้านในสภาพศพอีกก็ไม่ไหวนะคะ...

ตอนนี้ก็ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นมาค่ะ แค่ลุกขึ้นหน้าก็วืดไปวืดมาแล้ว
พอทำตัวให้เป็นแนวตั้งกับโลกได้ ก็ยืนพิงกับเตียงไว้ค่ะ คุณพยาบาลแกก็อยู่ข้างๆตลอดเลยค่ะ
เป็นกำลังใจดีมากๆ เหมือนเป็นคนป่วยกายภาพบำบัดยังไงอย่างงั้นเลยค่ะ
สภาพช่วงล่าง ณ ขณะนั้น ก็เอาผ้ามาพันไว้ค่ะ จะเดินโท่งๆเทงๆ ก็อายตูดอยู่ ถ้าตูดขาวจะไม่อายอะไรเล้ยยย!!
และต้องเดินช้า ช้า ค่อย ค่อย ค่ะ รีบไม่ได้ เดี๋ยวหน้ามืดล้มพับไปกองอยู่กับพื้นได้
เดี๋ยวจิ๋มใหม่กระแทกกับพื้นกระเบื้องค่ะ ต้องค่อยๆกันหน่อย
มือนึงก็ต้องถือถุงฉี่ ตุเลง ตุเลง นึกถึงสภาพตัวเองแล้ว อนาถจริงหนอกู!
ถือถุงฉี่นี่ก็ห้ามยกสูงนะคะ ให้มันอยู่ต่ำกว่าระดับช่วงล่างเข้าไว้
มิเช่นนั้น เดี๋ยวฉี่จะไหลย้อนกลับได้!!!... จริงหรือป่าว ไม่รู้ 555

ถึงห้องน้ำปุ้บไอ่ผ้าที่คลุมช่วงล่างอยู่นั้น คุณท่านพี่พยาบาลแกก็บอกให้ถอดออกค่ะ
ว้ายยยยยย!! อายคุณพี่พยาบาลจัง 555
ดิชั้นก็บอกพี่พยาบาลไปว่า... "พี่คะ ปิดประตูห้องน้ำได้รึป่าวคะ หนูอายค่ะ"
พยาบาลสาว "ไม่ได้ค่ะน้อง เดี๋ยวน้องเป็นลมล้มพับลงไป จะยิ่งแย่นะคะ เปิดทิ้งไว้อย่างนี้แหละค่ะ"
ดิชั้น "เออ... โอเคค่ะ โอเค"
พยาบาลสาว "น้องค่ะ ถอดเสื้อด้วยค่ะ แก้ให้หมดเลย"
ดิชั้น "............ ............."


ว้ายยยยยยยยยยยยย อายนะค๊า นึกว่าจะหมดกระบวนการแก้ผ้าให้พยาบาลดูแล้ว ยังมีอีกหรือนี่ 555





โอเค! ถอดก็ถอด ถึงขั้นนี้ละ แก้ผ้าให้พยาบาลดูไปซะเลย 555 (กูไม่องไม่อายมันละ)
แก้ผ้าอาบน้ำให้คนอื่นดู จำได้ว่าล่าสุดเคยแก้ผ้าอาบน้ำให้แม่ดูตอนอายุ 5 ขวบ
เปิดน้ำปุ๊บ! โอ้ววววแม่เจ้าาาา หนาวววววววเจี๊ยบบบบบจับจิ๋มกันเลยค่ะ เอ้ย! จับใจ
กระโดด กระดาก ก็ไม่ได้ เดี๋ยวจิ๊มิ๊น้อยกระทบกระเทือน อาจจะส่งผลต่อมดลูก(ที่ไม่มี)ได้
ความจริงน้ำอาจจะไม่เย็นเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ห้องพักนี่สิคะ แอร์เย็นเจี๊ยบบบบบบบเลย
ยิ่งเปิดน้ำอาบเปิดประตูอีก แหม๋ มันจะหนาวอะไรขนาดนี้ ขนทั้งร่างกายสแตนด์อัพกันเลยทีเดียว
ยกเว้นขนบริเวณจิ๊มิ๊ที่ไม่ลุก เพราะมันเป็นป่าหัวโล้นอยู่เลยค่ะตอนนี้
แล้วพี่พยาบาลก็เอาน้ำยาล้างมาให้ค่ะ ใช้สำหรับล้างแผล
เพราะเห็นเค้าบอกว่า จะช่วยทำให้แผลนั้นไม่ติดเชื้อ ทำความสะอาดแผลผ่าตัดได้ค่ะ
มีลักษณะเป็นสีชมพู เอามาเทลงบนมือ แล้วก็ฟอกๆๆๆให้เกิดฟอง แล้วก็ล้างจิ๊มิ๊กับถูตัวได้เลยค่ะ
ตรงนี้ต้องระมัดระวังนะคะ ต้องถูเบาๆ อย่าถูแรง เดี๋ยวจิ๊จะแหกได้ ต้องเบามือกันหน่อย
ค่อยไปแรงตอนสามีช่วยก็พอคะ 555555555555555555555555555
ก็รีบๆอาบค่ะ ถูๆไถๆไป พยาบาลก็ยืนมองซะอายเลย
รีบๆให้มันเสร็จๆไปซะ จะได้รีบกลับ...

ออกมาจากห้องน้ำก็เช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าค่ะ ดิชั้นเอาเสื้อผ้ามา 2 ชุดค่ะ ก็ใส่เสื้อผ้าหลวมๆไว้ก่อนค่ะ
อ้อ! อย่าลืมเอาชุดที่ใส่ง่ายๆมานะคะ กับกระโปรงผ้าใส่สบายๆ จะได้สวมใส่ง่ายๆในวันกลับได้
ดูอย่างดิชั้นนี่สิคะ เอากระโปรงยีนส์มา 555 มันบางมั้ยเนี่ย อิอิ
แต่ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่โดนจิ๊มิ๊น้อยก็เป็นพอแล้ว

สักพักก็มีราชรถมาเกยค่ะ จอดรออยู่หน้าห้องเลย... "รถเข็น"
ก็เตรียมตัวจะขึ้นนั่งละ แต่ทว่า คงจะนั่งไม่ได้ค่ะ เพราะยังนั่งเต็มๆกันไม่ได้ จิ๊ยังไวต่อสิ่งเร้า
ก็เลยบอกพี่พยาบาลไปค่ะ พี่แกก็เลยเอาห่วงยางมาให้นั่ง ห่วงยางนี้เป็นของ รพ. นะคะ
อยากจะจิ๊กเอากลับมาบ้านซะเหลือเกิน ก็มันเล็กๆพอดีก้นนะสิคะ
ครั้นจะให้อิชั้นออกไปหาซื้อให้ได้แบบนี้มันก็ไม่ค่อยมี มีแต่อันใหญ่ แบบของเด็กเล่นน้ำ
ไซส์ขนาดพิเศษแบบของโรงพยาบาลคงหายากค่ะ



พูดถึงเรื่องห่วงยาง มีพกไว้ก็ดีนะคะ หาซื้อไว้เลย แต่อันเล็กๆขนาดนั้นคงหายาก
ดิชั้นแนะนำให้หาซื้อหมอนรองคอค่ะ (แบบเป่าลม) ที่มันเอามาสวมคอจากด้านหลังค่ะ
ขนาดของหมอนรองคอกำลังพอดีค่ะ เอามานั่งได้ แถมอาจจะดีกว่าห่วงยางด้วยซ้ำ
เวลานั่งก็ให้แผลผ่าตัดจิ๊นั้นอยู่ตรงกลางห่วงเลยนะคะ มันจะได้ไม่กระทบกระเทือนมาก
แล้วมันอันเล็กด้วย พกพาไปไหนได้สะดวกมากมาย
เพราะถ้าใครอยากจะได้ห่วงยางจริงๆ คงหาอันเล็กขนาดนี้ไม่ได้หรอกค่ะ
เพราะขนาดของโรงพยาบาลยังเป็นห่วงยางสีดำ เหมือนเป็นยางในของรถอันเล็กๆเลยค่ะ
ดิชั้นจึงแนะนำว่าให้เป็นหมอนรองคอแบบเป่าลมจะดีที่สุด เพราะขนาดมันเท่ากับของโรงพยาบาลเลย
ยังไงก็เตรียมไว้ก็ดีค่ะ สะดวกดี...



แล้วก็นั่งรถเข็นไปเรื่อยๆ ถุงฉี่ก็แนบไปด้วย แยกจากกันไม่ได้ จนไปถึงรถก็ค่อยๆขึ้นค่ะ
ลำบากมากทุลักทุเลพอสมควร จะแหกขาก้าวทีนึงก็ต้องเกรงใจจิ๊นิดนึงค่ะ
เพิ่งทำมาใหม่ๆ เดี๋ยวรอยตะขาบมันแหกกันพอดี เดี๋ยวจะกลายเป็น "จิ๊ตราตะขาบแหก" ก็เป็นได้ค่ะ
จะเดิน จะเหิน จะก้าว จะย่าง จะตีลังกา180องศา ก็ให้ระวังกันนิดดดดนึงนะคะ

แล้วพอดีรถสูงค่ะ เป็นรถโฟลวีว กว่าจะปีนป่ายขึ้นไปได้ทำเอาเหงื่อตก
ขอนั่งด้านหลังค่ะ ให้เพื่อนนั่งหน้ากับคนขับรถ แต่ทว่านั่งก็ยังไม่ได้ค่ะ ดิชั้นก็ได้แต่นอนค่ะ
เพื่อไม่ให้ตูดนั้นสัมผัสกับพื้นเบาะตรงๆ ห่วงยางพยาบาลก็เอากลับไปแล้ว (ลืมขอซื้อต่อก็ดี)
ประกอบกับดิชั้นยังชินกับสภาพการนอนในโรงพยาบาล มันจะเพลียๆอยากนอนตลอดเวลา
พอรถออกไปได้สักพัก ดิชั้นนั้นก็หลับไปเลย รู้สึกตัวอีกทีก็ถึงกรุงเทพฯแล้วค่ะ

ถึงปุ้บ ก็ขึ้นห้อง ถุงฉี่ก็ถือไปสิคะ อีรุงตุงนัง ดีนะมีเพื่อนคอยช่วยเหลือ
คอยช่วยถือนู่น ถือนี่ให้ ไม่ว่าจะกระเป๋าสัมภาระ กระเป๋าวิเศษกับอุปกรณ์ดูแลจิ๊
แจกันดอกไม้อีก 3 แจกัน และอะไรอีกมากมาย วันไปไม่มากนะคะ
แต่วันกลับทำไมมันเยอะอย่างนี้หว่า...

ถึงห้องก็ไม่รีรอช้าค่ะ ขึ้นนอนบนเตียงเลย ถุงฉี่ก็คู่กายค่ะ ห่างกันไม่ได้ 555
แทบจะนอนกอดกับถุงฉี่เลยทีเดียวเชียว ก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่นอน
เพื่อนวางของจัดนู่นจัดนี่ให้แล้ว ก็กลับค่ะ ต้องขอขอบใจเพื่อนคนนี้จริงๆ
ที่คอยไปเฝ้าดูแลเรา ไม่งั้นเราก็คงตายแน่... ขอบคุณค่ะเพื่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

when i was young

when i was young
like a boy

จัดให้เต็มๆ

จัดให้เต็มๆ
มองไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนน่ารักไง คนไรก็ไม่รู้