ขอน้อมอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

เว็บนี้สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว



ร่วมเติมเต็มทุกหัวใจของคนที่มีรักได้ที่นี่

แล้วคุณจะรู้ว่า
ปรารถนาจะเป็นผู้สั่งการ
หัวใจคือผู้เร่งเร้าให้รุ่มร้อน
เรือนกายคือผู้ปฏิบัติตามปรารถนา
ทุกสิ่งจะเป็นไปตามครรลองของมันเองทุกประการ

ที่นี่จะรวมบทวิจารณ์ รวมถึงข่าวสารสาระที่เป็นประโยชน์ต่างๆไว้
โดยเฉพาะที่มาจากความคิดเห็นของผู้แต่งเอง
ทั้งนี้ผู้แต่งจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆ อันเกิดจากการนำข้อความดังกล่าวที่ปรากฏในบล็อกไปใช้อย่างไม่เหมาะสม
เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น ติชม กันเยอะๆนะคะ
ขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ด้วยความปราถนาดี

R-ka



ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าชมได้อีกบล็อกนึง คือ

http://www.rka-state.vox.com/


Mariah Carey - Bye Bye

lay on my high-heels

lay on my high-heels
งานบายเนียรปี2008 ค่ะ

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2550

BEYONCE The Experience Tour 2007 live in BKK


ที่บรรยากาศนอกงานที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยค่ะ คนเยอะมากกกกก ถ้าเป็นหญิงก็แบบว่าเก๋เดิร์นมาเลย ถ้าเป็นชาย+++...ก็ละไว้อย่างที่เรารู้กัน แล้วถ้าเป็นดาราล่ะ แทบจะเดินชนกันค่ะงานนี้ จะพี่ฟลุ๊ค น้องอชิ พี่ต๊อดเบียร์สิงห์ ซี ศิวัฒน์ควงคู่มากะน้องเอมมี่ ศรีริต้า เสนาเปิ้ล-หอย เจ้โอปอล์ ป้าติ๊นา นู่นก็กล้อง นี่ก็ถ่าย นู่นก็กล้อง โอ๊ยย! มึนเหลือแสน...



กว่าคอนเสิร์ตจะเริ่มก็ 2 ทุ่ม 40 เพราะงานนี้มีเสด็จมา 2 พระองค์ ...อินโทร Queen B กระหึ่มขึ้นท่ามกลางกลุ่มควันพวยพุ่ง B เดินมาจากมุมขวาของเวที สะบัดหน้าซ้าย-ขวาทีอย่างเริ่ดเชิ่ด “ Lady & Gentlemen R u ready?”…เปิดตัวแบบกรี๊ดสลบกันไปเลยกับ Crazy In Love ไม่มีพี่เจย์ แต่มีแซม Crazy ของ Gnarl Barkley มาด้วย แสง สี เวที เอ็ฟเฟ็กต์ ฉากหลังที่เล่นกันด้วยแสงสีกราฟฟิคล้วนๆ ขอบอกว่าอลังสุดขีด ถ้าเทียบกับคอนเสิร์ตที่เทโรเคยจัดมา ซึ่งมาตรฐานก็จะมีแค่เวที แสงนิดไฟหน่อย และจอมอนิเตอร์ 2 ด้านข้าง!!! คนในอิมแพคจะเหลือเหรอคะ กรี๊ดกร๊าดลุกฮือมันตั้งแต่เพลงแรก เพลงจบม่านปิด เอ้ากรี๊ดๆๆ ฮือฮาอึ้งกันอีก เพราะบีกะแด๊นเซ่อร์ยังชะแว๊บกันมาเต้นหน้าม่านกันต่อ


“แบงค่อกกก ฮาวดูยูฟีลทูไนท์?” คือเสียงทักทายอย่างแอคทีฟของสาวบี ก็แหมนะ ฟังดูเสียงกรี๊ดและปฏิกิริยาตอบรับของคนดูสิเน๊อะ ใครมีซีดีโซโล่ของฉานบ้าง ชุด 1 ล่ะ...ยกมือ ชุด 2 ล่ะ ก็ยังมีคนยกกันให้พรึ่บอีก มาถึงตอนนี้แล้วทุกคนน่าจะเริ่มสังเกต และจับจ้องไปที่กลุ่มนักดนตรีด้านนหลังของสาวบี ผู้หญิงทั้งวงเลยค่ะ มือกีตาร์อย่างเท่ 3 คอรัสงี้ก็ปุ้มปุ้ยปุ๊กลุกไม่ได้สวยเซ็กส์เอ็กซ์แข่งกะบีอะไร ก็ขนาดแด๊นเซ่อร์ยังเด่นสู้บีไม่ได้ งานนี้ที่เป็นผู้ชาย อนุโลมให้แด๊นเซอร์ 4 คนเท่านั้น กับเซ็ทลิสส์ช่วงแรกที่ทยอยกันมาแบบนั่งไม่ติดต้องลุกขึ้นเต้นอย่างเดียว ไล่มาตั้งแต่ Baby Boy, Beautiful Liar, Naughty Girl มาหยุดเอาที่ Me Myself & I เพลงที่ 7 นี่แหละ ก้นคนดูถึงได้มีโอกาสหย่อนลงนั่งเก้าอี้ นึกแล้วก็ยังคึกไม่หาย

ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ถึงเวลาที่ก้นอยู่ไม่สุขต้องลุกขึ้นมาเต้นกันอีกแล้ว หรือประเภทที่ไม่อยากเต้นก็ต้องลุกขึ้นมายืนชะเง้อทำตัวยึกยักเพราะโดนคนข้างหน้าบังกันนี่หว่า Dangerously In Love โนแร็พพี่เจย์อีกละ ต่อด้วยเมดเล่ห์ที่สุดแสนจะคุ้มค่า เพราะ Destiny’s Child แบบ B เหมาเอง ไม่มีมิเชล ไม่มีเคลลี่ ต่อไปนี้คือเพลงของช้าน... ไล่มาตั้งแต่ Independent Woman,Bootylicious,No No No, Bug A Boo, Bills Bills Bills, Cater 2 U, Say My Name, Jumpin’ Jumpin’ Soldier, Survivor ขึ้นเพลงไหนมาแฟนคลับก็กรี๊ดซ้า แล้วก็ไม่หยุดที่จะกรี๊ดแข่งกันด้วย ทางฟากโน้นทีทางนี้ที เสียงเหมือนหมูถูกเชือดบางคนเลยสร้างความฮาให้กับเหล่าคนดูเป็นระยะๆ ยิ่งได้เหล่าแด๊นเซ่อร์ชายมาเต้น ช่วงคั่น เพลง "Party Like a Rockstar" ของ Shopboyz รวมถึงก่อนเข้าเพลง Ring The Alarm ท่าเต้นของแต่ละบึ้ก ขอบอกว่าเสียววูบมาก ^_^! ถอดเสื้อกระชาก โชว์กล้ามทีงี้ เสียงกรี๊ดเฟี้ยวฟ้าวกรี๊ดกันสนั่น เพราะเพลงทีขนมายังเต้นกันได้ต่อมาถึง Check On It, และ Dejavu ก่อนที่มือเบสสาวจะมาตบเบสปิดท้ายด้วยการแลบลิ้นเลียตั้งแต่ล่างไปบนให้อี๋กัน แหม๋! B แว๊บไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกแล้วค่ะ นับได้ตั้ง 7 ชุดแน่ะ เปลี่ยนที ก็ส่งนักดนตรี แด๊นเซ่อร์ มีแม้กระทั่งบัลเล่ห์ มาฉีกขาแอ่นตัวจูบปากกันให้ดูด้วย ว๊ายๆๆๆ
ช่วงนี้เป็นคิวของเอ็มวี Hollywood ขึ้นจอให้แฟนๆ ได้ดูบี กับ red carpet ก่อนที่เวทีและฉากจะเปลี่ยนธีมเข้าสู่ Dream Girl ให้สาวบีนวยนาดเยื้องย่างออกมาเป็น Deena Jones และ Listen ที่เหนือชั้นและทรงพลังขนลุกซู่ B ถามทุกคนว่า...hav a good time tonite? ก่อนที่จะพล่ามยาวเข้าถึงเพลงโปรดของตัวเองขึ้นมาด้วยประโยคฮิต To The Left To The Left..แบบอคูสติกให้ทุกคนร้องต่อจนจบ โอว์! ไม่จริงนะ เกือบทุกคนดันร้องตามได้ด้วย ร้องดังม๊ากค่า ร้องกันได้ด้วยเหรอ เค้าร้องได้แค่ช่วงคอรัสเองนะ อ๊ายอาย แต่ก็พยายามทำปากมุบมิบร้อง สุดยอดมากค่าแฟน Beyonce ....กว่า 2 ชั่วโมงเต็มที่คอนเสิร์ตจบลง 4 ทุ่มครึ่ง ไม่มีอังกอร์ เพราะม่านปิดไปแล้ว ไฟข้างบนแสตนก็เปิดแล้ว แค่นั้นยังไม่พอ ยังได้เห็นรถถอยเข้ามารับใครไม่รุถึงข้างเวทีแล้วก็รีบพุ่งออกไปอีก อะไรจะเริ่ดขนาดนี้ คอนเสิร์ตปิดฉาก ปิดม่าน ไม่มีอังกอร์ ไม่มีใครเหมือน ภาพสุดท้ายของ Beyonce ก็คือพูดคำว่า I love you ชูมือเป็นรูปหัวใจให้แฟนๆ หลังร้อง Happy B Day to you all of you .....ที่เธอร้องต่อจากเพลง happy birthday ก็ขนาด Christina ที่ว่าตื่นตาแล้ว Beyonce นี่ยิ่งกว่า อลังการงานสร้างไม่ต้อง แสงสีอย่างเดียวก็เริ่ดได้


** Set List**
1. Crazy In Love
2.Freakum Dress
3.Greenlight (drum solo)
4.Baby Boy
5.Beautiful Liar
6.Naughty Girl
7.Me Myself & I

~Bumble Bee intro

8.Dangerously In Love

9.Destiny's Child medley
Independent Woman
Bootylicious
No No No
Bug A Boo
Bills Bills Bills
Cater 2 U
Say My Name
Jumpin’ Jumpin’
Soldier
Survivor

(I Be Damn (Gheeto Tango) )
10. Ring The Alarm
11.Upgrade U
12.Bonnie And Clyde
13.Check On It
14.Deja Vu
15.Dreamgirls
16.Listen
17.Irreplaceable
ปล ไม่ยอมเล่น Suga Mama, Get Me Bodied ด้วยเลย ติอีกอย่าง Ring the Alarm ไหงเล่นแค่ครึ่งเพลงล่ะ

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ ขอขอบคุณพี่ส้มนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจากพี่ส้มนะคะ
เรื่องของตัวเองนั้น แล้วแต่ว่าใครจะสนใจ จะเล่าให้ฟังส่วนตัวนะคะ
ข้อมูลที่ได้จากพี่ส้มนี่ละเอียดมาก น่าสนใจด้วย
ขอบคุณ thailadyboyz.net ด้วยนะคะ

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ9

วันถอดสายฉี่ออกแล้ว"




ตอนนี้ก็กลับมาอยู่ที่ห้องของตัวเองแล้วค่ะ ก็ได้แต่นอนอย่างเดียว
ห้องน้ำก็ไม่ต้องเข้า นอนสบายเลย เพราะว่ามีถุงปัสสาวะส่วนตัว ไม่ต้องเดินเเข้าห้องน้ำให้เหนื่อยเลย อิอิ

ส่วนเรื่องอุจจาระนี่ ไม่ต้องพูดถึงค่ะ มันขี้ไม่ออก 555
ดิชั้นโทรไปถามคุณหมอมาเลยค่ะว่า มันเหมือนจะปวดอึ แต่มันอึไม่ออก
คุณหมอก็บอกว่า ถ่ายได้ แต่ห้ามเบ่งมาก
ดิชั้นก็โอเคค่ะ เข้าห้องน้ำแล้ว ไม่เบ่ง! แล้วขี้มันจะออกมั้ยเนี้ย
ความรู้สึกมันคือ หนักๆ หน่วงๆ เหมือนมีอะไรอัดแน่นอยู่แถวบริเวณนั้น
ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ค่ะว่ามันมีอะไรอยู่... ก็เลยไม่ได้ถ่ายค่ะ กลับมานอนตามเดิม

อยู่บ้านตัวเอง 2 วัน พอครบ 2 วันละเดี๋ยวกลับไปชลบุรีอีกที
เพราะถ้าทำครบ 7 วันแล้ว จะต้องถอดสายปัสสาวะออกแล้วค่ะ
ก็ได้แต่ทานยาเอง เพราะคุณหมอมียามาให้พร้อมครบเลยค่ะ
ไม่ว่าจะยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาพาราลดไข้ ปวดก็กินเลยค่ะ หายปวดเลยล่ะ

2 วันนี้ไม่มีอะไรค่ะ นอนพักฟื้นอย่างเดียว สลบไสล ยังทำความสะอาดแผลอะไรไม่ได้ค่ะ
เพราะว่ายังไม่ได้เอาสายฉี่ออก และอะไรที่อัดแน่นอยู่ในช่องคลอดอีกค่ะ






ผ่าตัดครบ 7 วัน


วันเดินทางไปถอดสายปัสสาวะออก...
วันนี้นัดเวลาไว้ช่วงบ่ายค่ะ ความรู้สึกของดิชั้นช่วงนี้คือ อาการมีไข้เล็กน้อย กินอะไรไม่ค่อยได้ด้วย
ท้องว่างมาได้ 4-5 วันแล้วค่ะ เพราะกระเพาะอาหารแทบจะไม่อยากรับอะไรเข้าไปเลย
ก่อนออกไปพบคุณหมอ ก็เลยซัดยาคูลท์ไป 2 ขวดค่ะ แล้วทานยาตามเข้าไป
จะบอกว่ามันไม่เป็นสิ่งดีเลยค่ะ เพราะพอรถออก นั่งรถไปได้สักพัก อาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียนมันถามหานะสิคะ
พูดง่ายๆว่า มันพะอืดพะอม อยากจะอ้วกออกมานั่นเองแหละค่ะ

นั่งรถไปได้สักพัก อาการเริ่มไม่ดีแล้วค่ะ รู้ตัวแล้วล่ะว่า อีกสักพัก "อ้วกพุ่งแน่ๆ"
ดีนะคะ ดิชั้นมีถุงก๊อบแก๊บส่วนตัวพกติดไว้ค่ะ สังหรตั้งแต่ก่อนขึ้นรถว่าอาจจะมีอาการแบบนี้เกิดขึ้นได้
สักพักก็มาแล้วค่ะ... "อ๊วกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!"

... เต็มถุงเลยกู...





พี่คนขับรถหันมามองด้วยความตกใจ แกคงจะกลัวค่ะว่า ดิชั้นจะไปอ้วกใส่รถแก 555
แต่ดิชั้นเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีค่ะ อ้วกดิชั้นเลยไม่ได้เจิมรถพี่แกแต่อย่างใด (แหม๊!!! น่าจะเจิมให้เป็นศิริมงคลเน๊อะ!)
สิ่งที่ดิชั้นเห็นอยู่ในถุงคือ ยาคูลท์ ที่ดิชั้นเพิ่งทานไปสักครู่นั่นเอง ทานไป 2 ขวด ก็ออกมาแค่นั้นแหละค่ะ
รวมกับยาที่ทานไปนั้นก็ออกมาด้วย สรุปว่าไม่มีอะไรออกมาอีกแล้ว เพราะหลายวันนั้น ดิชั้นไม่ได้ทานอะไรลงไปเลย
คุณเพื่อนก็เลยเอายาดมมาให้ดมค่ะ แล้วก็หลับไปเลย

พออ้วกหมดไป ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ได้แต่นอน นอน นอน สลบอยู่เบาะหลังเลยค่ะ
อาการมันไม่ได้ดีขึ้นค่ะ กลับรู้สึกวิงเวียนศีรษะ มึนๆ ก็เลยขอนอนหลับซะเลย
ตอนอยู่บนรถก็ต้องนอนตะแคงนะคะ นั่งไม่ได้เลย ไม่อยากให้แผลผ่าตัดมันกดทับแน่นค่ะ
ก็ได้แต่นอนตะแคง...

ตื่นมาอีกทีก็ถึงชลบุรีแล้ว งัวเงียๆลุกขึ้นมา อาการก็ดีขึ้นกว่าเดิมนิดนึง แต่ไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ เพลียๆ
อยากนอนตลอดเวลา เพราะตั้งแต่อยู่ในโรงพยาบาลและออกจาก รพ.แล้ว ก็ยังคงนอนเกือบตลอดเวลา
ความรู้สึกของมันจะเป็นแบบว่า ไม่ค่อยจะอยากไปไหนค่ะ อยากนอน นอน และก็นอน



...ถึงคลินิก...
ก็เดินเข้าคลินิกคุณหมอสุพรค่ะ เข้าไปก็นอนที่โซฟารอ พี่พยาบาลก็ใจดี เอาผ้าห่มมาให้ค่ะ
จะได้คลุมขาไว้ นอนรอได้สักพัก พยาบาลก็เรียกเข้าห้อง 'เพื่อจะเอาสายฉี่ออกกันแล้วค่ะ
เข้าไปในห้องนั้นปุ้บ พี่พยาบาลก็บอกให้ขึ้นไปนอนรอบนเตียงค่ะ เค้าจัดไว้พร้อมหมดแล้ว
แล้วก็บอกให้ดิชั้นถอดกระโปรงออก โอเค ถอดออกอีกแล้ว (โป๊ให้เค้าเห็นอีกแล้ว)
แก้อีกแล้วววว แล้วแอร์ก็หนาวด้วยสิ ก็เล่นเปิดแอร์ 24 องศาด้วยนะคะ (เค้าบอก) ดิชั้นก็หนาวสั่นแหงกๆๆๆๆๆ
จนทนไม่ไหว ก็เลยบอกพี่เค้าว่าหนาว แล้วไม่ค่อยสบายด้วย กลัวว่าเดี๋ยวไข้จะขึ้น ช่วยปิดแอร์หน่อย
เค้าก็เดินไปปิดค่ะ สักพักพี่พยาบาลอีกคนนึงมา ก็บอกว่า ปิดไม่ได้ ใครบอกให้ปิด
พี่คนนั้นก็บอกว่าอิชั้นหนาว ไม่ไหว กลัวจะไม่สบาย เค้าก็เลยอธิบายให้ฟังว่า
ปิดไม่ได้ค่ะ และต้องเปิด 24 องศาด้วย ไม่เช่นนั้นกลิ่นมันจะออกค่ะ ต้องเปิดความเย็นระดับนี้
กลิ่นมันจะได้ไม่โชยขึ้นมาบ้างบนระดับจมูกค่ะ (อันนี้จากที่เค้าบอกนะคะ)
ดิชั้นก็เลยต้องทนกับความเย็นนั้นต่อไป หนาวก็หนาว สั่นก็สั่น กลัวไข้จะขึ้น แต่ก็ต้องทน

สักพักคุณหมอเดินเข้ามาค่ะ แล้วก็เริ่มกันเลย...
เริ่มแรกจากเอาสายปัสสาวะออกค่ะ โดยให้เรานอนยกชันขาสองข้างขึ้นก่อนค่ะ
คุณหมอทำอะไรไม่รู้อยู่สักพัก แล้วสักพักก็รู้สึก "อุ่นว๊าบบบบบบบบบบบบบบ" ขึ้นมาค่ะ
ถอดออกเรียบร้อยแล้ววววว หมดไปสักทีกับถุงปัสสาวะคู่ชีพ ทีนี้คุณหมอก็คลุกคลิกๆอยู่กับจิ๋มดิชั้นค่ะ
สักพักก็ทำอะไรไม่รู้ตรงบริเวณนั้น แล้วอยู่ๆก็ดึงอะไรไม่รู้ออกมา 'พรึดดด พรืดดดดด พรื้ดดดดดดดดดดดด'
ดิชั้นก็ตกใจ มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนตรงบริเวณช่องคลอดจากที่มันอัดแน่นๆ เหมือนมีอะไรอยู่นั้นมันโล่งขึ้นค่ะ
ก็ลองมองดูว่าหมอเอาอะไรใส่เข้าไป...

อ๋ออออออออ ในที่สุดก็รู้สักทีว่าอะไรอยู่ในช่องคลอดค่ะ
คุณหมอเอาถุงยางอนามัย(เยอะมาก) มัดต่อกัน แล้วก็ยัดไปในช่องคลอดค่ะ
เดาว่าที่ทำเช่นนั้นก็เพื่อ ป้องกันการตีบตันของช่องคลอดค่ะ
ตอนคุณหมอดึงออกมาเนี่ย แกคีบออกมาค่ะ เยอะมาก
ถึงว่าเถอะ ตอนเรานอนพักฟื้นถึงรู้สึกอึดอัดบริเวณนั้นมาก เหมือนมีอะไรอัดแน่นอยู่
พอเอาออกหมดก็โล่งเลยล่ะค่ะ สบายจิ๋มกันเลยทีเดียว 555

แล้วสักพักคุณหมอก็เอาสลิงใส่น้ำแล้วก็ล้างให้ค่ะ ฉีดล้างบริเวณภายนอก
แล้วก็ฉีดล้างบริเวณภายในช่องคลอดให้ เย็นเสียววววว ว๊าบบบบบบบบบ กันเลยค่ะ
ล้างอยู่นานเหมือนกัน แอร์ก็เย็น จิ๋มก็เย็น แทบจะเป็นจิ๋มแช่แข็งกันละ 555

ทีนี้คุณหมอก็ตรวจเช็คนิดหน่อย แกตรวจเช็คช่องคลอดนะคะ

พอล้างเสร็จ ทีนี้คุณหมอก็จะสอนวิธีการแยงโมลแล้วค่ะ
ทีนี้จากที่ชันขาขึ้น ตอนนี้ให้เอาขาลงค่ะ เหยียดราบไปกับเตียง แยกขาออกนิดหน่อย
คุณหมอก็สอนค่ะว่า ช่วงแรกนี้ให้เอาโมลใส่ถุงยางอนามัยที่ทางคลินิกเตรียมไปให้ในกระเป๋าวิเศษ
ขอบอกว่า เค้าให้ถุงยางอนามัยไปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ค่ะ
คุณหมอหยิบถุงยางใส่โมล แล้วก็เอาเจลทารอบๆแท่งโมลที่ใส่ถุงยางนั้น...



แล้วก็เริ่มจะแยงโมลแล้วค่ะ......

เริ่มจาก เอาไปจ่อปากทางช่องคลอด และค่อยๆดันเข้าไป ดันเข้าไป
ดันเข้าไปทีละนิด ทีละนิด อึ๊บ อึ๊บ อ่าาา โอ่ออ โอ้ววว อู๊ววว โอ้ววว อ่าาาา (ไม่ใช่ละ)
มันมีอาการเจ็บนิดๆ แสบหน่อยๆ ค่ะ แล้วคุณหมอก็บอกว่า เวลาแยงโมลให้เหยียดขาอย่างนี้ ห้ามยกชันขาขึ้น
และช่วงแรกยังไม่ต้องดึงเข้า-ออก ให้คาทิ้งไว้แบบนี้ พอหลังจาก 2-3 เดือนแล้ว ค่อยดึงเข้า-ออก ค่ะ
มิเช่นนั้นช่องคลอดใหม่จะฉีกได้

ทีนี้คุณหมอแกก็แยงเข้าไปจนสุด เท่าที่โมลจะเข้าไปได้ลึกค่ะ
และก็วัดความลึกกันเลยทีนี้ เอาไม้บรรทัดมาวัดว่าได้ความลึกแค่ไหน
แล้วก็ถ่ายภาพแท่งโมลเสียบคาจิ๋มมีไม้บรรทัดทาบอยู่ด้วย จะได้รู้ไงคะว่า เนี่ย ทำได้ลึกนะคะคุ๊ณณณณ
ก็โอเคค่ะ ความลึก 6 นิ้ว สำหรับคนไทย ถือว่าได้เยอะมากแล้ว
ของเดิม จะเล็ก จะน้อย จะแค่ไหน คุณหมอแกพยายามทำได้ 6 นิ้วอยู่แล้วค่ะ




มาเล่าต่อถึงตอนคุณหมอแยงโมลนะคะ...

พอดันเข้าไปแล้ว ก็คาทิ้งไว้เลยค่ะ
ถ้าขี้เกียจเอามือดันไว้ ก็ให้เอาขวดใส่น้ำมาดันไว้แทนได้ค่ะ (หมอมีขวดใส่น้ำให้พร้อม)
และให้ทำทิ้งไว้อย่างนี้ 2-3 ชม. ต่อครั้ง วันละ 2 ครั้ง จะได้ไม่ตีบตันค่ะ
แต่ขอบอกเลยค่ะว่า ครั้งนี้ครั้งแรกที่หมอทำให้ดิชั้นนั้น แสบมากกกกกกกกกกกกก เจ็บมากกกกกกกกก
ดิชั้นว่ายกขาชั้นขึ้นยังจะเจ็บน้อยกว่านะ แต่หมอไม่ให้ยกชันขาขึ้นค่ะ ก็ไม่ทราบด้วยว่าเหตุใด
หากให้ดิชั้นยกชันขาขึ้นแล้วแยงโมล มันจะทำให้ดิชั้นอยากแยงโมลบ่อยๆมากขึ้นค่ะ

หมอแยงโมลคาทิ้งไว้ แล้วเอาขวดใส่น้ำดันไว้ให้ค่ะ
แรกๆก็ทนได้ค่ะ หลังๆนี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ร้องไห้โฮเลยค่ะ
พยาบาลแถวนั้นแตกตื่นกับดิชั้นร้องไห้ บอกให้ทน ทน ทนและทน
แต่ดิชั้นบอกว่าทนไม่ไหวแล้ว แค่ครึ่ง ชม.ก็จะตายแล้ว
หากให้ยกชันขาขึ้นจะดีกว่า ก็เลยหยุดแยงโมลค่ะ
ล้าง เช็ด ให้ดิชั้นนิดหน่อย แล้วก็ให้ดิชั้นไปนอนรอข้างนอกตามเดิมค่ะ

แล้วสักพักพี่พยาบาลก็เอาน้ำเปล่ามาให้ดื่มเรื่อยๆ
และบอกว่าทานน้ำเยอะๆ แล้วก็รอจนปวดฉี่และฉี่ออกแล้วค่อยกลับบ้าน
หากฉี่ยังไม่ออก ก็ยังไม่ให้กลับค่ะ แกคงกลัวว่าหากฉี่ไม่ออกแล้วจะมีปัญหาตามมา
ก็เลยต้องให้ฉี่ออกก่อนค่ะ ถึงจะมั่นใจได้ว่า การปัสสาวะนั้นเข้าที่ดีแล้ว
ดิชั้นก็ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆเลยสิคะ กลัวมันจะฉี่ไม่ออก ต้องกินเยอะๆเพื่อที่มันจะได้ปวดแล้วจะได้ฉี่ออก
รอแล้วรออีก มันก็ยังไม่ปวดฉี่ซักที ก็เลยนอนหลับรอไปเลย

ผ่านไปได้สัก 1-2 ชม. ..........

เริ่มปวดฉี่แล้ว ก็เลยวิ่งเข้าห้องน้ำ พยายามนั่งอยู่นานมาก การเบ่งอาจจะยังไม่เข้าที่ เลยเบ่งมากไม่ได้
ก็เลยต้องนั่งให้มันรู้สึกถึงอาการปวด เพื่อให้ฉี่ออกมา แล้วสักพัก.....
ฉี่ออกแล้ววววววววววววววววววว ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกก

พอฉี่ออกดังนั้น ก็รีบเช็ดๆ ทำความสะอาด ออกไปหาเพื่อนที่นั่งรอ บอกกับพี่พยาบาล
แล้วก็เตรียมตัวเดินทางกลับกันเลยค่ะ (คือสงสารเพื่อนกับคนขับรถค่ะ นั่งรอนานมาก)

ก็ขอยาพารากับยาแก้ปวดจากพี่พยาบาลเพิ่มค่ะ เพราะยาใกล้หมด (ขอฟรีค่ะ อะไรหมดก็ขอได้เลย)
แล้วก็เดินทางกลับ กทม. กันเลยค่ะ

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ8

วันออกจากโรงพยาบาล"








วันนี้ก็มาถึงแล้ว จะได้กลับบ้านแล้วค่ะ ครบกำหนดที่อยู่โรงพยาบาลแล้วคือ 5 วัน
หากถ้าใครจะอยู่ต่ออีก 2 วันเพื่อรอเอาสายถุงฉี่ออกก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องเอาถุงฉี่กลับบ้านด้วย
แต่ก็ต้องจ่ายที่เหลืออีก 2 วันนั้นเองด้วยนะคะ ดิชั้นไม่ทราบด้วยสิว่าเท่าไหร่
แต่ก็คงราคาห้องพักวีไอพี่นั่นแหละค่ะ ก็ห้องพักหรูซะขนาดนั้น คืนกี่บาทก็ไม่ทราบได้ค่ะ
ยังไงก็ลองสอบถามพยาบาลดูก่อนได้นะคะ



แต่ดิชั้นเลือกที่จะกลับค่ะ
เช้าๆเพื่อนตื่นมาก็เก็บข้าวเก็บของ พยาบาลก็เข้ามาบอกว่าสายๆค่อยออกไปค่ะ
พอดีดิชั้นโทรนัดคุณลุงคนขับแทกซี่ให้มารับกลับเรียบร้อยค่ะ นัดวันและเวลาเรียบร้อย
พอสายๆ พยาบาลก็มาช่วยเอาดิชั้นลงจากเตียงค่ะ หลังจากที่นอนอยู่บนเตียงมาเต็มๆ 5 วัน
สิ่งแรกที่พยาบาลบอกคือ ค่อยๆลุกค่ะ อย่าลุกพรวดพราดทีเดียว มิเช่นนั้นจะหน้ามืดเป็นลมล้มลงไปทันทีค่ะ
พี่ท่านจะให้ไปอาบน้ำในห้องน้ำค่ะ เพื่อทำความสะอาดร่างกายและทำความสะอาดจิ๊มิ๊ค่ะ
น้ำไม่ได้อาบมา 5 วันแล้ว จะให้กลับบ้านในสภาพศพอีกก็ไม่ไหวนะคะ...

ตอนนี้ก็ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นมาค่ะ แค่ลุกขึ้นหน้าก็วืดไปวืดมาแล้ว
พอทำตัวให้เป็นแนวตั้งกับโลกได้ ก็ยืนพิงกับเตียงไว้ค่ะ คุณพยาบาลแกก็อยู่ข้างๆตลอดเลยค่ะ
เป็นกำลังใจดีมากๆ เหมือนเป็นคนป่วยกายภาพบำบัดยังไงอย่างงั้นเลยค่ะ
สภาพช่วงล่าง ณ ขณะนั้น ก็เอาผ้ามาพันไว้ค่ะ จะเดินโท่งๆเทงๆ ก็อายตูดอยู่ ถ้าตูดขาวจะไม่อายอะไรเล้ยยย!!
และต้องเดินช้า ช้า ค่อย ค่อย ค่ะ รีบไม่ได้ เดี๋ยวหน้ามืดล้มพับไปกองอยู่กับพื้นได้
เดี๋ยวจิ๋มใหม่กระแทกกับพื้นกระเบื้องค่ะ ต้องค่อยๆกันหน่อย
มือนึงก็ต้องถือถุงฉี่ ตุเลง ตุเลง นึกถึงสภาพตัวเองแล้ว อนาถจริงหนอกู!
ถือถุงฉี่นี่ก็ห้ามยกสูงนะคะ ให้มันอยู่ต่ำกว่าระดับช่วงล่างเข้าไว้
มิเช่นนั้น เดี๋ยวฉี่จะไหลย้อนกลับได้!!!... จริงหรือป่าว ไม่รู้ 555

ถึงห้องน้ำปุ้บไอ่ผ้าที่คลุมช่วงล่างอยู่นั้น คุณท่านพี่พยาบาลแกก็บอกให้ถอดออกค่ะ
ว้ายยยยยย!! อายคุณพี่พยาบาลจัง 555
ดิชั้นก็บอกพี่พยาบาลไปว่า... "พี่คะ ปิดประตูห้องน้ำได้รึป่าวคะ หนูอายค่ะ"
พยาบาลสาว "ไม่ได้ค่ะน้อง เดี๋ยวน้องเป็นลมล้มพับลงไป จะยิ่งแย่นะคะ เปิดทิ้งไว้อย่างนี้แหละค่ะ"
ดิชั้น "เออ... โอเคค่ะ โอเค"
พยาบาลสาว "น้องค่ะ ถอดเสื้อด้วยค่ะ แก้ให้หมดเลย"
ดิชั้น "............ ............."


ว้ายยยยยยยยยยยยย อายนะค๊า นึกว่าจะหมดกระบวนการแก้ผ้าให้พยาบาลดูแล้ว ยังมีอีกหรือนี่ 555





โอเค! ถอดก็ถอด ถึงขั้นนี้ละ แก้ผ้าให้พยาบาลดูไปซะเลย 555 (กูไม่องไม่อายมันละ)
แก้ผ้าอาบน้ำให้คนอื่นดู จำได้ว่าล่าสุดเคยแก้ผ้าอาบน้ำให้แม่ดูตอนอายุ 5 ขวบ
เปิดน้ำปุ๊บ! โอ้ววววแม่เจ้าาาา หนาวววววววเจี๊ยบบบบบจับจิ๋มกันเลยค่ะ เอ้ย! จับใจ
กระโดด กระดาก ก็ไม่ได้ เดี๋ยวจิ๊มิ๊น้อยกระทบกระเทือน อาจจะส่งผลต่อมดลูก(ที่ไม่มี)ได้
ความจริงน้ำอาจจะไม่เย็นเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ห้องพักนี่สิคะ แอร์เย็นเจี๊ยบบบบบบบเลย
ยิ่งเปิดน้ำอาบเปิดประตูอีก แหม๋ มันจะหนาวอะไรขนาดนี้ ขนทั้งร่างกายสแตนด์อัพกันเลยทีเดียว
ยกเว้นขนบริเวณจิ๊มิ๊ที่ไม่ลุก เพราะมันเป็นป่าหัวโล้นอยู่เลยค่ะตอนนี้
แล้วพี่พยาบาลก็เอาน้ำยาล้างมาให้ค่ะ ใช้สำหรับล้างแผล
เพราะเห็นเค้าบอกว่า จะช่วยทำให้แผลนั้นไม่ติดเชื้อ ทำความสะอาดแผลผ่าตัดได้ค่ะ
มีลักษณะเป็นสีชมพู เอามาเทลงบนมือ แล้วก็ฟอกๆๆๆให้เกิดฟอง แล้วก็ล้างจิ๊มิ๊กับถูตัวได้เลยค่ะ
ตรงนี้ต้องระมัดระวังนะคะ ต้องถูเบาๆ อย่าถูแรง เดี๋ยวจิ๊จะแหกได้ ต้องเบามือกันหน่อย
ค่อยไปแรงตอนสามีช่วยก็พอคะ 555555555555555555555555555
ก็รีบๆอาบค่ะ ถูๆไถๆไป พยาบาลก็ยืนมองซะอายเลย
รีบๆให้มันเสร็จๆไปซะ จะได้รีบกลับ...

ออกมาจากห้องน้ำก็เช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าค่ะ ดิชั้นเอาเสื้อผ้ามา 2 ชุดค่ะ ก็ใส่เสื้อผ้าหลวมๆไว้ก่อนค่ะ
อ้อ! อย่าลืมเอาชุดที่ใส่ง่ายๆมานะคะ กับกระโปรงผ้าใส่สบายๆ จะได้สวมใส่ง่ายๆในวันกลับได้
ดูอย่างดิชั้นนี่สิคะ เอากระโปรงยีนส์มา 555 มันบางมั้ยเนี่ย อิอิ
แต่ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่โดนจิ๊มิ๊น้อยก็เป็นพอแล้ว

สักพักก็มีราชรถมาเกยค่ะ จอดรออยู่หน้าห้องเลย... "รถเข็น"
ก็เตรียมตัวจะขึ้นนั่งละ แต่ทว่า คงจะนั่งไม่ได้ค่ะ เพราะยังนั่งเต็มๆกันไม่ได้ จิ๊ยังไวต่อสิ่งเร้า
ก็เลยบอกพี่พยาบาลไปค่ะ พี่แกก็เลยเอาห่วงยางมาให้นั่ง ห่วงยางนี้เป็นของ รพ. นะคะ
อยากจะจิ๊กเอากลับมาบ้านซะเหลือเกิน ก็มันเล็กๆพอดีก้นนะสิคะ
ครั้นจะให้อิชั้นออกไปหาซื้อให้ได้แบบนี้มันก็ไม่ค่อยมี มีแต่อันใหญ่ แบบของเด็กเล่นน้ำ
ไซส์ขนาดพิเศษแบบของโรงพยาบาลคงหายากค่ะ



พูดถึงเรื่องห่วงยาง มีพกไว้ก็ดีนะคะ หาซื้อไว้เลย แต่อันเล็กๆขนาดนั้นคงหายาก
ดิชั้นแนะนำให้หาซื้อหมอนรองคอค่ะ (แบบเป่าลม) ที่มันเอามาสวมคอจากด้านหลังค่ะ
ขนาดของหมอนรองคอกำลังพอดีค่ะ เอามานั่งได้ แถมอาจจะดีกว่าห่วงยางด้วยซ้ำ
เวลานั่งก็ให้แผลผ่าตัดจิ๊นั้นอยู่ตรงกลางห่วงเลยนะคะ มันจะได้ไม่กระทบกระเทือนมาก
แล้วมันอันเล็กด้วย พกพาไปไหนได้สะดวกมากมาย
เพราะถ้าใครอยากจะได้ห่วงยางจริงๆ คงหาอันเล็กขนาดนี้ไม่ได้หรอกค่ะ
เพราะขนาดของโรงพยาบาลยังเป็นห่วงยางสีดำ เหมือนเป็นยางในของรถอันเล็กๆเลยค่ะ
ดิชั้นจึงแนะนำว่าให้เป็นหมอนรองคอแบบเป่าลมจะดีที่สุด เพราะขนาดมันเท่ากับของโรงพยาบาลเลย
ยังไงก็เตรียมไว้ก็ดีค่ะ สะดวกดี...



แล้วก็นั่งรถเข็นไปเรื่อยๆ ถุงฉี่ก็แนบไปด้วย แยกจากกันไม่ได้ จนไปถึงรถก็ค่อยๆขึ้นค่ะ
ลำบากมากทุลักทุเลพอสมควร จะแหกขาก้าวทีนึงก็ต้องเกรงใจจิ๊นิดนึงค่ะ
เพิ่งทำมาใหม่ๆ เดี๋ยวรอยตะขาบมันแหกกันพอดี เดี๋ยวจะกลายเป็น "จิ๊ตราตะขาบแหก" ก็เป็นได้ค่ะ
จะเดิน จะเหิน จะก้าว จะย่าง จะตีลังกา180องศา ก็ให้ระวังกันนิดดดดนึงนะคะ

แล้วพอดีรถสูงค่ะ เป็นรถโฟลวีว กว่าจะปีนป่ายขึ้นไปได้ทำเอาเหงื่อตก
ขอนั่งด้านหลังค่ะ ให้เพื่อนนั่งหน้ากับคนขับรถ แต่ทว่านั่งก็ยังไม่ได้ค่ะ ดิชั้นก็ได้แต่นอนค่ะ
เพื่อไม่ให้ตูดนั้นสัมผัสกับพื้นเบาะตรงๆ ห่วงยางพยาบาลก็เอากลับไปแล้ว (ลืมขอซื้อต่อก็ดี)
ประกอบกับดิชั้นยังชินกับสภาพการนอนในโรงพยาบาล มันจะเพลียๆอยากนอนตลอดเวลา
พอรถออกไปได้สักพัก ดิชั้นนั้นก็หลับไปเลย รู้สึกตัวอีกทีก็ถึงกรุงเทพฯแล้วค่ะ

ถึงปุ้บ ก็ขึ้นห้อง ถุงฉี่ก็ถือไปสิคะ อีรุงตุงนัง ดีนะมีเพื่อนคอยช่วยเหลือ
คอยช่วยถือนู่น ถือนี่ให้ ไม่ว่าจะกระเป๋าสัมภาระ กระเป๋าวิเศษกับอุปกรณ์ดูแลจิ๊
แจกันดอกไม้อีก 3 แจกัน และอะไรอีกมากมาย วันไปไม่มากนะคะ
แต่วันกลับทำไมมันเยอะอย่างนี้หว่า...

ถึงห้องก็ไม่รีรอช้าค่ะ ขึ้นนอนบนเตียงเลย ถุงฉี่ก็คู่กายค่ะ ห่างกันไม่ได้ 555
แทบจะนอนกอดกับถุงฉี่เลยทีเดียวเชียว ก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่นอน
เพื่อนวางของจัดนู่นจัดนี่ให้แล้ว ก็กลับค่ะ ต้องขอขอบใจเพื่อนคนนี้จริงๆ
ที่คอยไปเฝ้าดูแลเรา ไม่งั้นเราก็คงตายแน่... ขอบคุณค่ะเพื่อน

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ7

จะแกะที่แพ็คออกแล้ว"


..... พักฟื้นวันที่ 3 .....




ช่วงพักฟื้นมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อจริงๆ ค่ะ คุณๆลองคิดดูสิคะว่า ไม่ได้ลุกไปไหนเลยสักวัน
ได้แต่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนั้นตลอดเวลา ได้แต่ขยับเปลี่ยนท่าไปมาบ่อยๆ
พอเมื่อยปุ้บ ก็เปลี่ยนท่านอน ปวดตรงนั้นปุ๊บ ก็เปลี่ยนท่านอน
ดีที่ว่า ดิชั้นได้เอาโน๊ตบุ๊คไปเล่นแก้เหงาด้วยค่ะ ก็ช่วยได้ดีระดับนึงเลยล่ะ
ดิชั้นเล่นไร้สายนะคะ ต่อกับ air card ค่ะ ก็เลยสามารถเล่นที่ไหนก็ได้ทุกที่ทุกเวลาค่ะ

เช้าคุณหมอสุพรก็จะเข้ามาเช็ค เข้ามาดูทุกเช้า ว่าเราเป็นอย่างไรแล้วบ้าง
แล้ววันนี้ค่ะ หมอก็เข้ามาแล้วพูดบอกว่า "เดี๋ยวครบ 3 วันก็เอาที่แพ็คไว้ออกได้แล้วนะ"
ก็จะได้เอาสายท่อเลือดเสียออกเลยด้วย เวลานั้นดีใจมาก รอ รอ รอ และรอ ค่ะ

ตอนเช้าของทุกวันจะมีพยาบาลเข้ามาเช็ดตัวให้ค่ะ แต่ผมนี่ปล่อยเน่าไปเถอะค่ะ
ดิชั้นอยากสระผมมากกกกกก แต่ทำอะไรไม่ได้เลย ใครมาเห็นในสภาพนั้น จะบอกได้คำเดียวว่า...
"หล่อนโทรมมากกกกกกกกกกกก" เหมือนศพนอนอยู่อย่างไหงอย่างนั้นเลยค่ะ

พักฟื้นนี่ ไม่ค่อยมีอะไรหรอกค่ะ ก็ได้แต่นอนๆๆๆ เตรียมตัวเตรียมใจได้เลยค่ะว่า...
คุณจะได้นอนอยู่อย่างนั้นแหละค่ะ 5-7 วัน นอนถ่างขาอยู่บนเตียงโดยมิได้ไปไหน
ดิชั้นก็พยายามเปลี่ยนท่าบ่อยๆ ตะแคงบ้าง หุบบ้าง ให้มันได้ขยับเขยื้อนบ้าง
พยาบาลเข้ามาเช็คความดันและวัดไข้ทุกชั่วโมงเลยค่ะ...

อ้อ!... ช่วงนี้พยาบาลก็ถามบ่อยเลยค่ะว่า "อยากผายลมมั้ยคะ ถ้าอยากก็ผายลมออกมาได้เลย"
คือดิชั้นเนี่ยจะบอกว่า ดิชั้นผายลมบ่อยมากกกกค่ะ และออกเยอะเสียด้วย
ความรู้สึกเนี่ย รู้สึกว่ามันไม่มีกลิ่นหรอกนะคะ แต่ว่ามันจะเป็นลมออกมาเสียมากกว่า
ลมออกมาเยอะด้วยค่ะ ออกมามันก็อยู่ในแพ็คที่หมอแพ็คนั่นแหละค่ะ ออกไปไหนไม่ได้
เพราะคุณหมอแพ็คให้ดิชั้นซะเป็นแพมเพริส์เลย 555

และความรู้สึกมันจะแน่นๆตรงแถวบริเวณทวารหนักค่ะ ถ่ายก็ไม่ได้
แน่นๆเหมือนมีอะไรอัดๆอยู่แถวบริเวณนั้น แต่เดี๋ยวจะเล่าต่อไปเรื่อยๆ ค่ะว่ามีอะไร
ก็คอยติดตามไปเรื่อยๆ นะคะ...


เข้าวันที่ 3 แล้ว...
คุณหมอก็เข้ามาค่ะ วันนี้มีพยาบาลเข็นเอาเครื่องมือมาด้วย
ใจอิชั้นก็ตุ้มๆ ต่อมๆ แล้วล่ะค่ะ ใกล้จะได้เห็นของจริงแล้วววว
แต่คุณหมอก็บอกก่อนนะคะว่า อย่าเพิ่งไปใส่ใจอะไรตอนนี้ เพราะหน้าตาของมันตอนนี้ยังไม่สวยหรอก
ดูยังไงก็ไม่เหมือน ต้องใช้เวลาอีก 3-6 เดือน ถึงจะเข้าที่
คุณหมอท่านก็คงกลัวเราจะคาดหวังแผลหลังผ่าตัดหน่ะค่ะ บอกไว้กันเราใจเสีย
ดิชั้นก็เข้าใจแหละค่ะ แหม๋ก็แผลผ่าตัดใหม่ๆที่ไหนมันจะสวยล่ะค่ะ จริงมั้ยคะ!

วันนี้ที่คุณหมอเข็นเครื่องมือเข้ามาด้วย เพราะว่าวันนี้เราจะถอดสายเลือดกันค่ะ
และได้ถอดแพ็คเกจแน่นหนาที่คุณหมอได้แพ็คให้ออกสักที
คุณหมอก็บรรจงค่อยๆแกะออกทีละนิด ทีละหน่อย โอ้วววว พอแกะออกหมดแค่นั้นแหละค่ะ...
เย็นวาบบบบบบบบ!!!!!!! กันเลยทีเดียว 555

ทีนี้ก็ค่อยทีละนิดค่ะ คุณหมอเริ่มจับนู่นจับนี่ ดิชั้นไม่เห็นหรอกค่ะ เพราะว่านอนถ่างขา
เกรงมาก เพราะกลัวว่าจะเจ็บ สักพักก็... รู้สึกจี๊ดนึง แล้วก็รู้สึกอุ่นๆ เย็นๆ ขึ้นมานิดนึงค่ะ
แล้วก็รู้สึกมีน้ำอุ่นๆ ออกมาค่ะ.... เรียบร้อยค่ะ คุณหมอถอดสายเลือดออกเรียบร้อยแล้ว
ละทีนี้คุณหมอแกก็ล้างทำความสะอาดให้นิดหน่อย เอาน้ำใส่สลิงค์ล้างเบาๆให้ค่ะ
โอ้ววว ไม่ได้เจ็บแสบประการใดเลยนะคะ เพียงแต่มันเย็บวาบๆ หวิวๆ แปลกๆดีค่ะ

แล้วสักพักคุณหมอแกก็คงจะขอทดสอบอะไรนิดหน่อย แกก็จับนู่นจับนี่ ดิชั้นก็เกร็งสิคะ
กลัวแกจับแรง เพราะแผลมันก็ยังสดใหม่ๆ ทำอะไรรุนแรงไป ก็กลัวว่าจิ๋มจะเหวอะ 555
แล้วสักพักดิชั้นก็รู้สึกจิ๊ดเสียวแปล้บบบบ!!! ขึ้นมาทันใดค่ะ...
ก็เลยรีบบอกคุณหมอไปว่า... "ว้าย คุณหมอคะ หนูเจ็บค่ะ"
คุณหมอก็รีบเอามือออก ละก็บอกว่า "เจ็บเหรอ? ไม่ใช่มั้ง งั้นลองดูใหม่นะ"
คุณหมอท่านก็จับๆ คลำๆ ตรงนั้นอีกทีค่ะ ซึ่งดิชั้นก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าคุณหมอจับอะไร
แล้วแกก็จับ! ตรงนั้น... ทีนี้ก็มาอีกแล้วค่ะแปล้บบบบ!!! ขึ้นมาทันทีเลย ดิชั้นก็สะดุ้งอีกรอบสิคะ
หมอก็พูดขึ้นมาพร้อมกับจับบริเวณตรงนั้นด้วยว่า... "เอาใหม่นะ ตกลงตอนนี้รู้สึกเสียว หรือว่าเจ็บกันแน่"

เอ่อ!... ในใจตอนนั้น สมองกำลังพยายามแยกว่ามันเสียวหรือเจ็บ
ไอ่เราก็ไม่เคยลองอะไรเสียวๆแบบนั้นมาด้วยสิ 55555...
ก็พยายามแยกแยะ ก็รู้สึกว่า... 'เออ ที่เรารู้สึกนั้นมันไม่ใช่เจ็บนะ แต่มันเสียวๆ สยิวๆมากกว่า'
เพราะตอนที่หมอแกคลำตรงนั้นเราเนี่ย เราก็พยายามดิ้นขัดขืน พยายามจะให้หมอเอามือออกเร็วๆ
ก็เลยคิดว่า อย่างนี้คงไม่ใช่เจ็บแล้วล่ะ แต่มันเป็นความเสียวๆ สยิวๆ มากกว่า
ก็เลยรีบบอกคุณหมอไปว่า "เสียวค่ะคุณหมอ เสียวค่ะ" พูดเสร็จแค่นั้น คุณหมอแกก็หยุดทำทันทีเลยค่ะ
แล้วก็เอามือมาตบเข่าดิชั้นเบาๆ แล้วก็พูดว่า "เยี่ยมมาก!"
ก็สรุปมารู้ตอนหลังว่า ที่หมอจับไปนั่นอ่ะคือ คลิสตอริส ค่ะ พูดง่ายๆก็คือ ปุ่มเสียว นั่นเอง 555
แหม๋!! คุณหมอก็นะ ทำเอาหนูใจหายใจคว่ำไปด้วยเลย เกือบเสร็จเพราะนิ้วคุณหมอไปแล้วล่ะสิ อิอิ

พอเสร็จจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ถือว่าที่เราผ่าตัดมาหลายๆชั่วโมงนั้น เป็นผลสำเร็จค่ะ
เพราะมันรับรู้ถึงความรู้สึกเรียบร้อยแล้ว เอาเป็นว่าสยิว เสียว สะท้านทรวงแน่ๆค่ะ ฮี่ๆๆๆ

พอหลังจากถอดแพ็คอันแน่นหนานั้นออกไป ทีนี้มันก็ไม่มีอะไรมาบดบังจิ๋มใหม่ของดิชั้นนะสิคะ
หลังจากถอดแพ็คออก พยาบาลก็เอาผ้าห่มมาคลุมไว้ให้ค่ะ ก็คลุมทั้งช่วงขาเลย
ขอบอกว่า ช่วงนี้จิ๋มโดนลมอะไรเล็กๆน้อยๆ ไม่ค่อยได้ค่ะ เพราะมันเหมือนบอบบางไวต่อสิ่งเร้ามาก
แค่ลมพัดมานิดนึง พลิ้ววววว! มันจะรู้สึกว่า เสียววาบบบบบตรงนั้นเลยค่ะ 555
ขอบอกว่าความรู้สึกไวมากกกกก อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นแผลผ่าตัดใหม่ด้วย
ช่วงแรกตรงบริเวณคลิสตอริสจึงไวต่อสิ่งเร้าอย่างมากกกก
ขนาดผ้าที่พยาบาลเอามาคลุมให้เนี่ย ยังไม่อยากให้มาโดนจิ๋มใหม่เลยค่ะ
โดนนิดนึง สัมผัสนิดดดเดียวก็เสียวเลยค่ะ
นึกไปก็ขำตัวเองไป จะเสียวอะไรกันนักหนาเนี่ย 555
บางทีอยู่ดีๆ ก็รู้สึกเสียวแปล้บขึ้นมานิดนึง อิอิ ตรงนี้ไม่ต้องไปกังวลหรือตกใจหรอกนะคะ
มันเป็นปกติค่ะ ให้รู้สึกเสียวอย่างนี้ดีกว่าไม่เสียวเลยนะคะ
หลังๆไปสักพักก็เข้าที่เองแหละค่ะ เพราะทุกวันนี้ก็ปกติดีแล้ว
ไม่เสียวเว่อร์มากเหมือนช่วงแรกๆ

และบริเวณคลิสตอริสที่หมอสุพรทำเนี่ย ถ้าจำไม่ผิด คุณหมอแกเอาเนื้อส่วนบริเวณหัวของจู๋เก่ามาทำค่ะ
ตรงที่มันมียึดติดกับหนังตรงนั้น เค้าเรียกอะไรดิชั้นก็ไม่รู้แน่ชัด เพราะไม่เคยรู้จักกับจู๋อันเก่ามาก่อน
เอาเป็นว่าคนที่ยังไม่เคยขลิบเนี่ยจะดีค่ะ เพราะเส้นตรงนั้นยังไม่ขาด นำมาทำคลิสตอริสได้สวยงามแน่
ยิ่งคนที่หัวไม่เปิดมาก่อนแล้วด้วยเนี่ย พอนำมาทำเป็นคลิสตอริสแล้ว มันก็เลยยิ่งเสียวสะท้านเป็นธรรมดาค่ะ
เพราะปกติบริเวณหัวอันเก่าของเราเนี่ยยังไม่เคยสัมผัสอากาศข้างนอกเลย
พอมาแปลงทำเป็นคลิสตอริสแล้วเนี่ย มันก็เหมือนโผลออกมาสัมผัสอากาศข้างนอกแล้วล่ะค่ะ
ความเสียวซ่านมันก็เลยมีเป็นธรรมดา...

ทีนี้ก็โล่งแล้วค่ะ ถอดแพ็คออกแล้ว นอนพักฟื้นในโรงพยาบาลต่อไป
รอวันออกจาก รพ. รอวันถอดสายฉี่ รอวันตัดไหม รอรอรอ อยากให้หายยุบบวมไวๆ
จะได้ยลโฉมจิ๋มใหม่ป้ายแดงกันสักที อิอิ...

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ6

พักฟื้นหลังจากผ่าตัดเสร็จ" 23 มีนาคม 2549


..... พักฟื้นวันที่ 1 .....




.... ต่อ จากตอนที่แล้ว....





ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ประมาณ 5-6 โมงเย็นค่ะ ก็ยังมีอาการง่วงอยู่นิดหน่อยค่ะ
ตอนตื่นขึ้นมาพยาบาลเค้าจัดท่านอนให้ตั้งแต่ตอนออกมาจากห้องผ่าตัดใหม่ๆแล้วค่ะ
เค้าเอาหมอมารองตรงขาเราไว้ 2-3 ใบค่ะ หนุนตรงนั้น รองตรงนี้ ทำให้นอนสบายค่ะ
ส่วนตรงที่ผ่าตัด ก็ตึงๆ ยังไม่ปวดค่ะ ยังไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆออกมาค่ะ
ก็นอนได้อย่างเดียว ยังลุกไปไหนไม่ได้ แต่ขาดิชั้นนี่สิคะ หุบไม่ได้เลย 555 นอนถ่างขาอ้าซ่าเลย อิอิ
คือความจริงมันก็หุบได้นะคะ แต่ไม่อยากหุบ เพราะสิ่งที่หอหุ้มตรงนั้นนะสิ มันแน่นซะเหลือเกิน
คือตรงนั้นคุณหมอห่อเป็นแพ็คให้เลยค่ะ เอาผ้าขาว หรือสก็อตเทบผ้าก็ไม่ทราบได้ มาพันรอบๆที่แปลง
แน่นมากค่ะ พี่พยาบาลบอกว่า หมอเค้าพันเป็นบล็อคไว้ให้ มันจะได้สวยงามคงรูป

ชุดที่ใส่ตอนนั้นก็ใส่ชุดของโรงพยาบาลนะคะ ก็ใส่เสื้อของโรงพยาบาล
แต่กางเกงไม่ได้ใส่ค่ะ เพราะผ้าพันตรงนั้นไว้แน่น ก็เลยต้องปล่อยให้มันโปร่งๆ โล่งสบายๆ จะได้ไม่อึดอัด
แต่ก็มีผ้าห่มคลุมไว้ค่ะ เราจะได้ไม่โป๊มากมาย อิอิ

และมันก็มีสายออกมาจากตรงนั้น 2 สายค่ะ สายแรกคือ สายท่อปัสสาวะ และอีกสายคือ สายท่อเลือด
เราได้นอนสบายเลยค่ะ เหมือนปวดฉี่ตลอดเวลา แต่สบายค่ะ ไม่ต้องลุกเข้าห้องน้ำเอง
มันไหลลงถุงปัสสาวะหมดเลยค่ะ นอนอย่างเดียว สบ๊าย สบาย
ส่วนสายท่อเลือดเนี่ย มันถ่ายเทเลือดเสียออกมาค่ะ แต่ไม่มากค่ะ

สักพักก็มีช่อดอกไม้สวยงามจากคุณหมอสุพรมาค่ะ ดีใจมากๆ
พยาบาลเข็นดอกไม้มาให้ค่ะ พร้อมกับของพี่ๆที่ดิชั้นรู้จักอีก 2 ช่อ
รู้สึกดีใจมากเลยค่ะ ที่ยังมีคนเป็นห่วงเรา และแสดงความยินดีกับเรา
พี่พยาบาลก็แนะนำว่า ช่อนี้เป็นของใคร จากของใคร มารายงานให้เราทราบ เพราะเราลุกไม่ได้ค่ะ
ดิชั้นก็เลยบอกว่า ให้เอาวางไว้บนทีวีอีกที จะได้เห็นแล้วสบายใจ อิอิ
สักพักดิชั้นก็นอนหลับไปอีกรอบ...

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ประมาณ 1-2 ทุ่มนี่แหละค่ะ ตื่นขึ้นมาก็หิวเลย 555
ก็แหม๋... ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึง 2 ทุ่ม ก็เลยบอกเพื่อนว่า หิวค่ะ ขออาหารหน่อย
พอดีว่าเค้าเอาอาหารมาเสริฟทิ้งไว้ และดิชั้นยังไม่ได้ทาน เพื่อนก็เลยเอามาให้ดิชั้นทานค่ะ
ก็ทานๆไป มื้อแรกยังทานปกติค่ะ เค้าไม่ได้ห้าม ก็ทานไปค่ะ ก็มันหิว แต่ในใจอยากกินเกี๊ยวน้ำค่ะ
ก็เลยวานเพื่อนออกไปซื้อที่เขามาขายหน้า รพ. เพื่อนก็แสนดีค่ะ จัดให้ดิชั้น ก็ออกไปซื้อมาให้ทาน

เวลานี้ยังไม่มีอาการปวดแต่อย่างใดค่ะ ยังปกติดี ทีแรกนึกว่าจะเจ็บทรมานนะเนี่ย แต่ไม่เลยค่ะ
ก็ตื่นขึ้นมา ดูทีวีบ้าง คุยกะเพื่อนบ้าง ก็ไม่มีอะไรทำค่ะ อิ่มแล้วก็ง่วง ดิชั้นก็เลยนอนหลับต่อ
แต่บอกได้เลยค่ะว่า นอนหลับเนี่ย มันไม่ได้หลับสนิทหรอกค่ะ
ก็เพราะพี่พยาบาลแกเล่นเข้ามาวัดไข้และวัดความดัน ทุก 1 ชม.เลยค่ะ บ่อยมากๆ
พอกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็มาอีกละ 555 แต่ก็ต้องทำค่ะ เผื่อเป็นอะไรขึ้นมา จะได้รักษาทัน
ตอนแรกดิชั้นก็คิดว่าคงไม่มีไข้หรอกนะคะ แต่มีครั้งนึง พี่พยาบาลบอกว่า วัดไข้แล้วอุณหภูมิสูง
ก็เลยเอายาลดไข้มาให้ทาน ส่วนเรื่องยาเนี่ย ไม่ต้องห่วงค่ะ ยามาทุก 4 ชั่วโมงอยู่แล้ว มาตลอดเลย
จะนอนหลับอยู่ยังไง ก็ต้องตื่นมาทานค่ะ แล้วหลับต่อ...

คืนแรกก็เริ่มปวดค่ะ ประมาณดึกๆหลังเที่ยงคืนไปแล้ว
ก็ไม่ได้ปวดมากกกกกกกกขนาดจนอยากขาดใจตายนะคะ
ตอนแรกก็ทานยาแก้ปวดตลอดค่ะ แต่มันก็ต้านทานไม่ได้เลย
จนต้องปลุกเรียกเพื่อนตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน บอกเพื่อนว่า ทนไม่ไหวแล้ว
ไปบอกพยาบาลขอยาแก้ปวดแบบฉีดให้หน่อย ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่ามีหรือไม่มี
แต่ขอไว้ก่อน อยากได้แบบแก้ปวดทันใจเลย เพราะว่ามันปวดค่ะ
สักพักเพื่อนก็ไปถามให้ และก็เดินกลับเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวพยาบาลเอามาฉีดให้
ตอนนี้ดิชั้นดีใจมากเลยค่ะ เพราะจะได้หายปวดสักที

สักพักพี่พยาบาลก็ถือเข็มเล็กๆ เข้ามาค่ะ ตอนแรกนึกว่าเค้าจะฉีดเข้าเส้นเลือดเราเลย
แต่ไม่ค่ะ เค้าฉีดเข้าสายน้ำเกลือเราต่างหาก มันก็ค่อยๆซึมเข้าร่างกายเราทีละนิดๆ
แล้วพี่พยาบาลก็บอกว่า ตัวนี้ฉีดให้ทุก 6 ชม.นะคะ ฉีดบ่อยๆ ไม่ได้ ซึ่งดิชั้นก็โอเคค่ะ
เวลาผ่านไปสักพัก ดิชั้นก็รู้สึกว่าเริ่มดีขึ้น หายปวดแล้วค่ะ ก็เลยนอนหลับสบายเลยทีนี้
แต่ยาทานก็ยังต้องมีทานทุก 4 ชม. เหมือนเดิมค่ะ และวัดไข้วัดความดันทุก 1 ชม. เลยค่ะ
ก็เลยทำให้ได้นอนไม่เต็มร้อย แต่ก็นอนทั้งวันทั้งคืนอ่ะค่ะ 555 เพราะลุกไปไหนไม่ได้
พอง่วงปุ๊บ ก็หลับอีกละ


จนตื่นเช้ามาอีกวันนึง เข้าเช้าวันที่ 24 มีนาคม
แล้วที่ตื่นเนี่ย เพราะคุณหมอสุพรเข้ามาตรวจดูเองเลยค่ะ คุณหมอเข้ามาเช้ามาก
แล้วก็ถามว่า เป็นไง สบายดีมั้ย ปวดมากมั้ย ดิชั้นก็ตอบไปตามความเป็นจริง
และคุณหมอก็บอกว่า ตอนผ่าตัดก็ไม่มีปัญหาอะไร และไม่เสียเลือดมาก หายห่วงได้
เห็นหมอสุพรคุยกับพยาบาลบอกว่า...
ยายังมีใช่ไหม ก็ฉีดให้น้องเค้าตลอดได้เลยนะ(คิดว่าคงเป็นยาแก้ปวดแบบฉีดค่ะ)
คุณหมอเข้ามาได้แป๊บเดียว แล้วก็ออกไปเลยค่ะ อิอิ
(อ้อ ที่แท้เค้าจัดยาแก้ปวดแบบฉีดเตรียมไว้ให้เราอยู่แล้วค่ะ แหะๆ เพิ่งรู้ตอนนี้นี่เอง)

และแล้วสักพัก ก็มีพี่ผู้หญิงจากคลินิกหมอสุพรเข้ามาค่ะ พี่เค้าบอกว่า คุณหมอเข้ามาได้แป๊บเดียวค่ะ
เพราะคนไข้คุณหมอมีทุกห้องเลย คุณหมอจะเข้ามาพบคนไข้ทุกเช้า และทุกคน ค่ะ
รู้สึกคุณหมอดูแลเอาใจใส่ดีค่ะ ปลื้มมากๆ ถึงจะมีเวลาแป๊บเดียว แต่ก็รู้สึกอุ่นใจค่ะ
และพี่ที่มาเค้าก็เอาอุปกรณ์มาให้ค่ะ เค้าบอกว่า เอาไว้ใช้ในวันที่ออกจาก รพ.
ก็มีทั้ง โมล ผ้าอนามัย ถุงยาง(เอาไว้ใส่แท่งโมลขณะโมล) น้ำยาล้าง สำลี ผ้าก็อต ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ฯลฯ
คือเยอะแยะมาก ที่พอจำได้ก็มีเท่าที่บอกนี่แหละค่ะ เค้าใส่มาให้เป็นกระเป๋าเลย ให้เราเอากลับบ้านได้เลยค่ะ
แล้วพี่เค้าก็ยังบอกอีกว่า พยายามนอนเปลี่ยนท่า อย่านอนท่าเดียว เดี๋ยวก้นจะเป็นแผลได้
เพราะนอนท่าเดียวเนี้ย น้ำหนักตัวมันจะลงไปอยู่ที่ก้นหมดค่ะ หากเราไม่เปลี่ยนท่าเลย มันจะปวดก้นและเป็นแผลได้ก
พยายามนอนตะแคงบ้าง สลับข้างบ้าง และที่สำคัญ ให้นอนหุบขาบ้าง อย่าถ่างมาก เดี๋ยวแผลจะฉีกได้
ก็โอเคค่ะ ดิชั้นก็พยายามเปลี่ยนท่าบ้าง เพราะท่าเดียวนั้นมันปวดเมื่อยจริงๆ ค่ะ
และพี่เค้าก็บอกว่า เดี๋ยวคุณหมอก็จะเข้ามาดูทุกวัน ไม่ต้องห่วง เข้ามาพบตลอด มีอะไรก็ถามคุณหมอได้เลย
พี่เค้าพูดจากันดีมากๆค่ะ

พูดถึงเรื่องเปลี่ยนท่านอนนี่ จริงค่ะ ต้องระวังก้นเป็นแผลจริงๆ
แค่วันที่ออกจากห้องผ้าตัดมาเนี่ย ดิชั้นไม่ได้เปลี่ยนท่าเลย เป็นเวลาหลายสิบชั่วโมงค่ะ
พอได้เปลี่ยนท่าแค่นั้นแหละ รู้สึกปวดที่ก้นเลยค่ะ
ส่วนตัวดิชั้นเคยหาข้อมูลมาบ้าง เคยได้ยินว่า ผู้ป่วยอัมพาตที่นอนอยู่บนเตียงเวลานานๆเนี่ย
ต้องมีการทำกายภาพบำบัดด้วย เปลี่ยนท่านอนให้บ้าง ไม่งั้นก้นเป็นแผลค่ะ เพราะมันถูกกดทับเป็นเวลานาน
เปลี่ยนท่าบ่อยๆ ก็ดีค่ะ อย่านอนท่าเดียวเป็นเวลานานๆ จะได้นอนสบายยยยย
เข้าเรื่องต่อเลยค่ะ...

สักพักก็มีอาหารมาเสริฟอีกแล้วค่ะ รอบนี้เป็นอาหารเช้า มีอาหารมาวันละ 3 มื้อค่ะ (เช้า เที่ยง เย็น)
แต่รอบนี้รู้สึกจะทานน้อยลง เพราะไม่ค่อยหิว และไม่ค่อยอยากทานอะไรมากมาย
ทานไปนิเดียว แล้วก็ไม่ทานต่ออีก เพราะไม่ค่อยหิว ก็เลยนอนดูทีวีค่ะ
พอดีช่วงนั้นเค้าเอาเรื่องฟลูเฮาส์มาฉายช่วงวัน จันทร์-ศุกร์ มั้งค่ะ เลยได้ดูทุกเช้าเลย

พอสายๆ ก็มีพยาบาลเข้ามาค่ะ เค้าจะมาเช็ดตัวให้เราค่ะ เพราะเราลุกไปอาบน้ำไม่ได้
เวลานี้พี่พยาบาลเข้ามาก็ดึงผ้าม่านบังไว้เลยค่ะ เพราะดิชั้นจะต้องแก้ผ้าให้เค้าเช็ดตัว 555
ก็บังเพื่อนไว้ค่ะ ไม่ให้เพื่อนดิชั้นมันเห็น เพื่อนก็เลยนอนดูทีวีไป แต่อากาศในห้องมันเย็นค่ะ
ดิชั้นเลยบอกให้พี่เค้าเบาแอร์ก่อน เพราะดิชั้นหนาวววววววว
และสักพักก็เริ่มบรรจงถอดเสื้อออกค่ะ ตอนนี้มันก็เหมือนแก้ผ้าดีๆนี่แหละ
เพียงแต่ตรงที่ผ่าตัดมันมีอะไรแพ็คไว้ เหมือนเราใส่แพมเพิสไว้ นั่นแหละค่ะ
เวลานี้ไม่มีอะไรจะอายแล้วค่ะ โทรมก็โทรม ตัวก็เหนียว พี่เค้าก็เลยจะเช็ดตัวให้ก็เลยยอม
ไม่มีอะไรอายแล้ว และพี่เค้าก็เช็ดตัวให้ ตะแคงซ้าย ขวา เพื่อให้เช็ดหลังได้ แป๊บเดียวเองค่ะ
แล้วก็ทาแป้งให้ทั่วตัวเลย ทาแป้งบนหน้า 555 ว่าไปเหมือนเด็กเลย ทำอะไรเองไม่ได้แล้ว อิอิ
และพี่เค้าก็เอาชุดใหม่มาใส่ให้ ใส่แค่เสื้อเหมือนเดิม แล้วก็เอาผ้าห่มผืนใหม่มาคลุมตรงผ่าตัดไว้เหมือนเดิม
และก็จัดท่านอนให้ดิชั้นใหม่ เอาหมอมารองขา รองคอ หลัง อยากนอนสบายยังไง ก็บอกพี่เค้าไปเลยค่ะ

ทีนี้ก็สบายตัวละ ดีใจ รู้สึกสดชื่นขึ้นมากกกก แต่ผมก็ยังเน่าเหมือนเดิม 555 เพราะไม่ได้สระ
เหม็นหัวตัวเองมาก แต่ก็ต้องทนค่ะ อิอิ สบายตัวก็พอแล้ว
ทีนี้ก็เริ่มว่าง คุยกะเพื่อนไปเรื่อย ดูทีวีบ้าง พอเบื่อก็เล่นเน็ตบ้างค่ะ พอไม่มีอะไรจำทำแล้วจริงๆ ก็จะนอนค่ะ
เพราะเราลุกไปไหนไม่ได้เลย ได้แต่นอน และเปลี่ยนท่า พอหิวน้ำก็เรียกเพื่อนเอาน้ำในตู้เย็นมาให้ทานค่ะ
บางทีก็เกรงใจเพื่อน ก็เลยบอกให้เพื่อนเอาขวดน้ำมาวางให้หัวนอนให้เลยค่ะ จะได้ไม่ต้องลุกเอามาให้บ่อยๆ
แล้วก็ตื่นบ้าง สลับนอนไปเรื่อยบ้างค่ะ มียาทานตลอดทั้งหลังอาหาร และทุก 4 ชม.
พอเริ่มปวด ก็ขอยาแก้ปวดแบบฉีดอีกค่ะ กดกริ่งเรียกได้เลย พี่พยาบาลก็เดินมาถามว่าต้องการอะไร
ก็ให้บอกไปได้เลยค่ะว่า ขอยาแก้ปวดแบบฉีดหน่อย แล้วพี่เค้าก็จะไปเอามาฉีดเข้าสายน้ำเกลือให้ค่ะ

ความรู้สึกส่วนตัวเนี่ย ดิชั้นว่ามันปวดไม่ได้มากมายอะไรนะคะ สำหรับดิชั้นรู้สึกมันไม่ได้ทรมานมาก
แต่พอมันปวด ก็เรียกขอยาแก้ปวดได้ตลอดเวลา (ซึ่งก่อนแปลง ดิชั้นคิดว่ามันคงทรมานมากกว่านี้)
พอรู้อย่างนี้ ดิชั้นเลยสบายใจได้ค่ะ ว่าคงไม่ทรมานมาก ก็คงเหมือนผ่าตัดทั่วๆไปค่ะ ที่ต้องมีเจ็บแผลอยู่บ้าง

ใครที่กลัวการแปลงเพศเนี่ย ดิชั้นว่า หลังแปลงไม่ต้องกลัวอะไรเลยนะคะ
ส่วนตัวดิชั้น ไม่คิดว่ามันน่ากลัวและเจ็บปวดทรมานมากมายเหมือนก่อนแปลงเลย
กลับรู้สึกดีใจและสบายใจมากเสียอีก ที่ได้มีร่างกายเป็น ญ แล้วสักที
เจ็บมันก็เจ็บอยู่แล้วล่ะ เจ็บเหมือนผ่าตัดทั่วๆไปนั่นแหละ ไม่ได้มากมายอะไร
ยาแก้ปวดก็มี ขอได้ตลอดเวลา แล้วพยาบาลจะมาฉีดเข้าสายน้ำเกลือให้ค่ะ

อ้อ... บอกเรื่องน้ำเกลือนิดนึงค่ะ ดิชั้นถามพยาบาลตั้งแต่ตอนให้น้ำเกลือวันแรกแล้วว่า
มันจะบวมน้ำเกลือรึป่าว เห็นเค้าบอกว่ามันจะบวมน้ำเกลือได้ด้วย ซึ่งดิชั้นกลัวมาก กลัวอ้วน
แล้วพี่พยาบาลก็ให้คำตอบว่า... ที่เค้าว่าบวมๆกันหน่ะ เพราะเค้าฉีดให้นอกเส้น(เลือด)
หากฉีดเข้าเส้น(เลือด) มันจะไม่บวม ดิชั้นก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงประการใดนะคะ
ส่วนตัวดิชั้นตอนพักฟื้น ได้รับน้ำเกลือเยอะมากๆ แต่ก็ไม่เห็นบวมแต่อย่างใดเลย
ก็เลยจะบอกว่า เรื่องบวมน้ำเกลือไม่ต้องห่วงค่ะ มันไม่มีบวมอยู่แล้ววว...

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ5

เข้าห้องผ่าตัด" 23 มีนาคม 2549




.... ต่อ จากตอนที่แล้ว....





6.00 น.
... ขณะนี้ก็เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงค่ะ กับการรอรถเข็นมารับเวลาเข้าห้องผ่าตัด
ขอบอกว่าตื่นเต้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
เต้นแร้งเต้นกาอยู่ในห้อง เปิดเพลงจากโน๊ตบุ๊คไป เต้นไป สงบสติอารมณ์ไม่ค่อยได้ ใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัว
ไหว้พระไหว้เจ้า ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ไหว้พ่อไหว้แม่ ไหว้บอกทุกๆคนว่า.. หนูจะได้เกิดใหม่แล้วนะ

ส่วนเพื่อนก็บอกว่าให้ถ่ายรูปช้างน้อยเก็บไว้ เผื่อเดี๋ยวคิดถึงมันจะได้เอามาดู (เวนกำ) 555
ก็คุยกับเพื่อนไปเรื่อยค่ะ ดูวิวนู่นนี่ในห้องไป เพราะวิวสวยมากกกก เหมาะกับการพักฟื้นเลยค่ะ
อ้อ ลืมบอกไปว่า คุณหมอจัดให้เราพักอยู่ใน รพ. 5 วันนะคะ
แล้วหากพอผ่าตัดครบ 7 วัน จะต้องมีการเอาสายฉี่ออกค่ะ
พูดง่ายๆคือ เราต้องอยู่ต่ออีก 2 วันเพื่อให้ครบ 7 วัน
แล้วอีก 2 วันนั้น เราก็ต้องออกค่าห้องพักเองนะคะ ใครจะไม่อยู่พักต่อก็ได้ค่ะ
ก็กลับบ้านไปพักได้ แล้วอีก 2 วันหลังจากออกจาก รพ. ก็ค่อยไปถอดสายฉี่ออกที่คลินิกคุณหมอสุพรค่ะ
แต่ถ้าคุณอยู่ต่อใน รพ. อีก 2 วันเนี่ย ก็จะได้ถอดสายฉี่ออกใน รพ.เลย
จะได้สะดวกค่ะ ไม่ต้องต้องหิ้วถุงฉี่ไปไหนมาไหนด้วย สะดวกสบายกว่าค่ะ
แต่ดิชั้นเลือกที่จะกลับบ้านค่ะ แหะๆ

เวลานี้ก็รอเวลาไปเรื่อยๆ
ถ่ายรูปกับเพื่อนบ้าง เปิดเพลงเต้นไปด้วย แบบว่ามันตื่นเต้นมากกกกค่ะ
ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย รอไปเรื่อยๆจน 7 โมง พยาบาลก็เดินเข้ามาถามความเรียบร้อย
...โกนเรียบร้อยแล้วใช่ไหม...สวนทวารแล้วใช่ป่าว... แล้วก็เอายามาให้ทาน ก็ทานไปค่ะ
ตอนแรกก็ งง เล็กน้อยนะคะ เพราะหมอห้ามทานอะไรก่อนเข้าห้องผ่าตัด ไม่ว่าจะน้ำก็ตาม
ก็เลยถามเค้าว่า ทานน้ำได้เหรอคะ เพราะคุณหมอห้ามทานอะไรเลยก่อนเข้าห้องผ่าตัด
พี่พยาบาลแกก็บอกว่า "ทานได้ค่ะ ไม่เป็นอะไร"
"พี่คะแล้วผมยาวอย่างนี้ทำยังไงดีคะ" ดิชั้นถามด้วยความสงสัย
"อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเข้าห้องผ่าตัดเดี๋ยวเค้าเก็บผมให้ค่ะ" พี่พยาบาลตอบ
แล้วแกก็เดินสำรวจนู่นนี่ในห้อง แล้วสักพัก ก็มีอาหารมาเสริฟค่ะ แต่ดิชั้นก็ทานไม่ได้
ก็เลยให้เพื่อนที่เค้ามาเฝ้าดิชั้นนั่นแหละทานค่ะ

อ้อ... เรื่องอาหารสำหรับคนเฝ้าไข้ไม่มีนะคะ
หากคนเฝ้าหิว ก็ต้องลงไปหาทานแถวหน้าโรงพยาบาลค่ะ เห็นเพื่อนดิชั้นลงไปกินบ่อยๆ
แต่ทว่าดิชั้นไม่ค่อยหิวค่ะ ซึ่งเป็นปกติของคนที่ผ่าตัด มันจึงไม่ค่อยหิวมากมาย
อาหารคนไข้ในแต่ละมื้อของดิชั้น จึงตกไปถึงท้องของคุณเพื่อนอยู่บ่อยๆ 555

แล้วสักพักพี่พยาบาลก็เอาชุดมาให้เปลี่ยนอีกทีนึง รอบนี้ชุดเป็นกระโปรงสีชมพูค่ะ
เดาว่าคงจะง่ายต่อการถอดในในห้องผ่าตัด เค้าจะได้ถอดให้เราได้สะดวก
และก็รอๆๆๆๆๆๆๆ รอเมื่อไหร่จะถึง 7 โมงครึ่ง





เวลา 7.30 น. มีคนมาเคาะประตูห้องค่ะ รถเข็นมารับแล้ววววววววววววววววววววววววววววว
คุณๆผู้อ่านข๋าาาา เวลานี้นะ หัวใจดิชั้นมันตุ๊มๆ ต่อมๆ มากกกกกกค่ะ เหมือนเกอรี่เบอรี่เข้าสิงดิชั้นเลยทีเดียว
ตอนนี้ก็รีบลาเพื่อน บอกเพื่อนไปว่า "เดี๋ยวกูไปเกิดใหม่ก่อนนะ แล้วบ่ายๆ เจอกันนะมึง แล้วเจอกันนะ"
บอกได้ตอนนี้เลยค่ะว่า กำลังใจสำคัญมาก อย่าลืมเอาเพื่อนสนิทหรือคนที่เรารักไปเฝ้านะคะ
เพราะกำลังใจมันสำคัญมากๆค่ะ ถ้าไปคนเดียวนี่ เหงาๆ ยังไงก็ไม่รู้....

มีคนมารับ 2 คนค่ะ คนนึงเป็นพยาบาล อีกคนนึงเป็นบุรุษพยาบาล เข็นเตียงมารอรับดิชั้นอยู่หน้าห้องพัก
ดิชั้นก็ค่อยๆขยับตูดขึ้นไปนอนขนเตียงค่ะ (เตียงสูงจัง อิอิ) นอนเสร็จ ทุกอย่างพร้อม ก็มุ่งหน้าสู่ห้องผ่าตัดค่ะ
คุณบุรุษพยาบาลเข็นไปเรื่อยๆค่ะ และพี่พยาบาลสาวก็เดินตามมาด้วยหนึ่งคน ถือแฟ้มอะไรสักอย่างมาด้วย
ก็เข็นไปเรื่อยๆ เข้าลิฟท์ > ลงหรือขึ้นไม่รู้ > เข็นๆๆๆ > และแล้วก็ถึงประตูหน้าห้องผ่าตัด
ก็รอมีคนมาเปิดประตู แล้วสักพักก็เข้าไปข้างในค่ะ เจอพี่พยาบาลคนนึงมารับที่หน้าประตู
ดูเค้าเป็นคนพูดจาดีมากกกกค่ะ "ตื่นเต้นรึป่าว" พี่เค้าถาม
"มากกกกกกกกกกกกกกค่ะ ตื่นเต้นมากที่สุดในชีวิต" ดิชั้นตอบ 555
ก็ถามไปนู่นนี่ไปเรื่อยๆ พูดจาดีมาก เค้าคงรู้ว่าเราตื่นเต้นมาก
ก็เลยพยายามชวนคุยนู่นนี่ เพื่อให้เราคลายความวิตกกังวลไป
แล้วเค้าก็เอาเตียงอีกอันมาไว้ข้างๆ เพื่อเปลี่ยนเตียงรถเข็นค่ะ ขยับตัวเปลี่ยนเตียงแล้ว
ทีนี้ก็เข็นเข้าห้องผ่าตัดที่อยู่ข้างในแล้วล่ะค่ะ ผ่านประตูเยอะมากกกกกกกกก เข้าไปหลายชั้นมากๆ
จนมาถึงห้องๆนึงค่ะ คิดว่าห้องนี่แหละที่ชั้นจะต้องถูกตอนแน่ๆ

เตียงก็ค่อยๆเข็นเข้าไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ผ่านหมอ ผ่านพยาบาล ผ่านวิสัญญี ผ่าน... ฯลฯ
คนในห้องนี้เยอะมากๆๆๆๆๆๆ ค่ะ ใครเป็นใครบ้างตำแหน่งไหนบ้าง ดิชั้นไม่สามารถทราบได้ว่าทุกคนทำอะไร
แต่ทุกคนที่อยู่ในห้องผ่าตัด ล้วนแล้วคือคนที่จะช่วยคุณหมอในการผ่าตัดวันนี้ทุกคน
ไม่ได้นับนะคะว่ากี่คน แต่รู้ว่าเยอะมากค่ะ คร่าวๆก็ประมาณ 20 คนเห็นจะได้
แต่ละคนก็คุยเสียงดังเซ็งแซ่กันไปเรื่อยเปื่อย......

แล้วเค้าก็เข็นดิชั้นไปตรงบริเวณผ่าตัดค่ะ มีไฟอันใหญ่ๆ เครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมด
พอเตียงไปถึงแถวนั้น เค้าก็ให้ดิชั้นเปลี่ยนเตียงอีกที เค้าเอาเตียงมาไว้ใกล้ๆ แล้วให้เราขยับไปนอนอีกเตียงนึงค่ะ
พอดีนี้เค้าก็เอาผ้ามาคลุม แล้วบอกว่า ถอดช่วงล่างออกเลย ก็คือถอดกระโปรงออกเลยนั่นแหละค่ะ
ให้ถอดในผ้าคลุมนั่นค่ะ ดิชั้นก็ค่อยๆถอดๆ กลัวว่าเด่วผ้าหลุดแล้วจะโป๊ต่อหน้าธารกำนัล 555
แล้วเดี๋ยวสักพักก็มีคนเอาสายนู่นนี่มาให้ใส่ค่ะ ใส่สายให้น้ำเกลือตรงข้อมือ เอาที่วัดชีพจรมาใส่ให้
นู่น นี่ เยอะมากค่ะ แล้วก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ แล้วก็มีถามประวัติเคยผ่าตัดไหม พ่อแม่เป็นเบาหวานรึป่าว โรคหัวใจรึป่าว
โรคประจำตัว เคยเป็นไรมาก่อนรึป่าว บลา บลา บลา.... แล้วก็เสร็จค่ะ

แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นหมอสุพรมาเลยนะคะ พยาบาลก็ให้เรานอนรอไปสักพัก
ดิชั้นก็นอนไปเรื่อยๆ อากาศหนาวมากค่ะ สั่นๆๆๆ 555 แอร์เย็นเจี๊ยบบบบบบบบบบบบบบ
มองดูนาฬิกาในห้องผ่าตัดไปเรื่อยๆ พอดีมีนาฬิกาตรงปลายเตียงข้างบนค่ะ ก็มองไป...

"เอ... 8 โมงแล้ว ยังไม่เจอหมอเลย"...........?..........?...?

แล้วจู่ๆ ก็สลบไปตอนไหนไม่ทราบได้ค่ะ
ตื่นมาอีกทีก็รู้สึกตัวอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัดแล้ว บุรุษพยาบาลกำลังเข็นดิชั้นกลับห้องค่ะ
"...เฮ้ย! เสร็จแล้วเหรอวะเนี่ย..." ในใจดิชั้นคิดตอนนั้น
เพราะมันรู้สึกว่าเร็วมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เหมือนนอนหลับไปไม่กี่นาทีแล้วตื่น งง มากกกก
ตอนนั้นขอคลำก่อนเลยค่ะ ถึงจะสะลึมสะลือไม่มีแรงตื่นก็ตาม แต่ขอคลำก่อนเหอะ ว่าหมอตัดออกไปหมดรึยัง
ในใจตอนนั้นคิดว่า หมอทำเสร็จแล้วเหรอ? ทำไมเร็วจัง? หรือว่าหมอทำให้แค่ครึ่งเดียว? ยังทำไม่เสร็จ?
หรือว่าต้องมาทำต่อทีหลัง?... ในใจตอนนั้นคิดไปหมดค่ะ เพราะมันไวจริงๆ

พอถึงห้องพัก เค้าก็อุ้มดิชั้นเปลี่ยนเตียงค่ะ ให้ไปนอนของห้องพักอันแสนจะนอนสบายยยย
ตอนนี้ยังมึนมากค่ะ สะลึมละลือ อาจจะด้วยเพราะฤทธิ์ของยาสลบที่มันยังไม่หมด
เวลานั้นก็กึ่งหลับ กึ่งตื่น หลับบ้างตื่นบ้าง ก็เลยได้มองนาฬิกาในห้องพักตอนนั้นว่า มันก็บ่าย 2 แล้ว
ไอ้เราก็เลยโล่งใจ ว่าตอนนั้นคงเสร็จแล้วล่ะ เพราะมันผ่านมา 6 ชั่วโมงแล้ว หมอคงให้เราเรียบร้อยแล้ว
ก็เลยสลบ นอนหลับปุ๋ยยยยยยยยยยยยไปเลย เพราะยังไงก็สบายใจละ อิอิ

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ4

วันผ่าตัดแปลงเพศ" 23 มีนาคม 2549
.....ขั้นตอนเตรียมความพร้อม ทำความสะอาดร่างกาย.....




.... ต่อ จากตอนที่แล้ว....




....... "คุณคะ ตื่นได้แล้วค่ะ ดิชั้นทำความสะอาดให้นะคะ" พยาบาลอายุสัก 40 กว่าเข้ามาปลุก
ด้วยอาการสะลึมสะลืองัวเงียของดิชั้น ก็ได้แต่ตอบไป "ออ เหรอคะ ได้ค่ะ"
"...............สงสัยที่พยาบาลนัดไว้คงจะมาแล้วล่ะ..........." ดิชั้นคิดในใจ

เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ดิชั้นต้องสอบถามค่ะ ว่าเค้าจะมาทำความสะอาดส่วนไหนให้ดิชั้นกันแน่...
"มาทำอะไรเหรอคะพี่"... ดิชั้นเอ่ยปากถามพี่พยาบาลค่ะ
"มาโกนขนและสวนทวารให้น้องไงคะ" พี่เค้าตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ
"...... ว้ายยยยยย แม่เจ้า ......" ดิชั้นแทบอยากจะกรี๊ดดดดออกมาเป็นเสียงดังๆ 555
"หนูขอโกนเองได้รึป่าวคะพี่" ดิชั้นรีบถามพี่พยาบาลไปอย่างรวดเร็ว ก็ใครจะกล้าให้คนอื่นมาโกนขนตัวเองล่ะค่ะ
"ถึงน้องโกนเองยังไง พี่ก็ต้องตรวจดู และโกนให้อีกทีนึง เพราะยังไงก็ต้องโกนให้เกลี้ยงหมดจดค่ะ" พี่พยาบาลตอบ
"อ่อ ค่ะๆ ได้ๆ" ในใจดิชั้นนี่ แทบอยากจะกรี๊ดดด ไม่เคยมาแก้อะไรอย่างนี้ต่อหน้าใครเลยนะเนี่ย

"น้องคะ ถอดออก!!!" พี่พยาบาลพูด แหะๆ อาจจะไม่ขนาดนี้ค่ะ อิอิ
แล้วพี่เค้าก็เอาพสาติกมาปูบนเตียงนอน เพราะป้องกันเตียงเลอะ เปื้อน จากการทำความสะอาดดังกล่าว
และเวลานั้นดิชั้นค่อยๆขยับร่างกาย ขึ้นไปนอนบนพลาสติกทีละนิด ทีละนิด
ก็แหม๋ แอร์เย็นก็เย็น มาแก้กางเกงอีก แล้วพลาสติกรองก้นก็เย็นอีก ขนมันไม่ลุกก็ให้มันรู้ไปสิคะ
นี่ดีนะเนี่ย ที่งูหนูมันไม่ตื่น ถ้ามันตื่นนะ พี่พยาบาลต้องไปเรียกบุรุษพยาบาลมารับผิดชอบนะคะ 5555

คุณๆข๋า คิดดูสิคะ ดิชั้นเผยช้างน้อยต่อหน้าพยาบาลค๊าาาาาาา... ยอมรับว่าอายมากกกก ถึงมากที่สุดดด
ดิชั้นพยายามไม่มองนะคะ บิดหน้าหนีไปทางอื่น แบบว่าอายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อุปกรณ์ในการโกนขนก็มี มีดโกนอันใหญ่ๆ , มีขันน้ำใส่น้ำมาพร้อม , ละก็สบู่ ......

และแล้วเสียงโกนดังก็เริ่มขึ้นนน.... 'แขว๊กกกกกกกกกก แคว๊กกกกกกกกกก' 555
โอ้วววว ไม่เคยโกนมาก่อน เป็นอะไรที่เสียวมาก เอ้ย! ไม่ใช่สิ อิอิ
ก็เจ็บนิดหน่อยค่ะ เพราะพี่พยาบาลโกนไปก็คุยไปด้วย บอกเราว่า ขนตรงนี้มันจะเส้นใหญ่ แข็ง และหนา
ทำให้เวลาโกนอาจจะเจ็บกว่าขนบริเวณอื่นๆ แต่ดิชั้นก็ทนได้ค่ะ ไม่ได้เจ็บไรมากมาย แต่มันอายมากกว่านี้สิ

ส่วนเรื่องความสะอาด หายห่วงค่ะ พี่เค้าก็ใส่ถุงมือด้วย เพราะต้องจับช้างน้อยของเราด้วย จับบิดไปบิดมา
ว้ายยย...!! อย่าบิดมากนะคะคุ๊ณพี่!! เดี๋ยวถ้ามันฟูขึ้นมา พี่ท้องขึ้นมา ไม่รับผิดชอบนะคะ 555 ล้อเล่นค่ะๆ
พี่พยาบาลก็โกนของเค้าไปเรื่อยๆ ตามหน้าที่เค้าแหละค่ะ ส่วนดิชั้นก็พยายามหลับตา ไม่มอง
มองไปทางอื่น ในใจก็คิดว่า เมื่อไหร่จะเสร็จ เมื่อไหร่จะเสร็จ...

อยู่ๆ พี่พยาบาลก็พูดขึ้นมาว่า "น้องคะ นอนตะแคง แล้วยกขาขึ้นค่ะ" ว๊ายยยยยยยย
คุณพี่จะทำอะไรหนูคะเนี่ยยย 555 ในเมื่อดิชั้นขัดขืนไม่ได้ ก็ต้องจำยอมทนให้พี่เค้าทำหน้าที่ของเค้าต่อไป
ดิชั้นก็ต้องเปลี่ยนท่านอน นอนตะแคงแล้วยกขาขึ้นนิดนึง หรือจะเรียกว่าชันขาขึ้นมาหน่อยก็ได้ค่ะ
เพราะว่า.... พี่เขาจะโกนตรงตรงบริเวณตูด!!
คือเค้าคงกะว่า ต้องกำจัดขนบริเวณนั้นออกไปให้หมดค่ะ จะได้ไม่มีปัญหาในขณะเวลาทำการผ่าตัด
แล้วลองคิดดูสิคะ เอามีดโกนมาโกนขนตรงแถวตูดดดด มันจะเกิดอะไรขึ้น
'แคว๊กกกกกกก แคว๊กกกกกกก' มันสยิวกิ้วแค่ไหนคะคู๊ณณณณณณ ดิชั้นก็ขมิบตูดสิคะ 555555

แล้วขอบอกเลยค่ะว่าตอนนั้นหนาวมากกกกค่ะ แอร์เย็นมากกกกกกก
แถมต้องแก้ช่วงล่าง แล้วน้ำมาโดนแถวบริเวณนั้นอีก โอ้ววว สุดยอดจริงๆ
นอนให้พี่เขาโกนขนไป ไอ่เราก็สั่นแหง่กๆๆๆๆๆ เฮ้อออ!! อายมากค่ะ

อ้อ ส่วนเพื่อนที่มันนอนข้างๆนั่น ไม่ต้องกลัวนะคะ ว่ามันจะเห็นดิชั้น 555
เพราะเค้ามีม่านกั้นค่ะ ยังไงมันก็ไม่เห็น แล้วเพื่อนมันก็คงไม่ตื่นมาเช้าขนาดนั้นด้วยหรอก
ไม่งั้นได้อายเพื่อนด้วยแน่ๆ กลัวเพื่อนจะเห็นช้างน้อยเราค่ะ 555555
เกิดมายังไม่เคยเปิดช้างน้อยให้ใครดูเลย นอกจากพ่อแม่ อิอิ

ก็โกนอยู่ได้สักพัก จนคิดว่าเกลียงแล้วล่ะ พี่พยาบาลก็บอกให้ดิชั้นเข้าไปล้างในห้องน้ำค่ะ
ล้างน้ำสบู่ออก ล้างขนออก แล้วออกมาให้พี่เค้าตรวจเช็คดูสภาพอีกที ว่ามันเกลี้ยงแล้วจริงๆหรือยัง
ดิชั้นก็เอาผ้าขนหนูพันตัวค่ะ แล้ววิ่งไปห้องน้ำ...
แหะๆ อายเพื่อนหน่ะค่ะ เพราะต้องเดินผ่านเพื่อนเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ก็รีบๆล้าง แล้วเอามาให้พี่เค้าตรวจอีกที
ก็โอเค เป็นอันว่าผ่าน โกนหมดเกลี้ยงจริงๆ





ขั้นตอนการโกนขนก็เสร็จไปแล้วหนึ่งขั้นตอนนะคะ.......
ต่อไปก็คือขึ้นตอน การสวนทวารค่ะ... "น้องคะ แหกตูด" อิอิ ล้อเล่นๆ
อ่อ.. ก่อนขึ้นเตียงได้เดินไปสำรวจอุปกรณ์สวนทวารดูค่ะ ก็มีภาชนะใส่น้ำสบู่ค่ะ สายยางที่จะเอาสวนทวาร...
พี่พยาบาลบอกว่าต้องใช้น้ำสบู่สวนค่ะ เพราะจะได้รู้ว่ามันสะอาดจริงๆ ซึ่งดิชั้นก็คิดว่าน้ำสบู่นี้เค้าคงใช้ทางการแพทย์อยู่แล้วค่ะ เลยไม่ห่วงอะไร คิดว่าคนอื่นๆ ก็คงต้องเคยได้สวนทวารมาแล้วแน่ๆ ก็เลยไม่กังวลมากมายค่ะ แต่ว่าในใจก็กลัวอยู่เล็กน้อยค่ะ

ตอนนี้ก็ขึ้นนอนบนเตียงตามเดิมค่ะ...
ตอนนี้ก็นอนตะแคงอย่างเดียวเลย ห้ามยกขาขึ้น ให้ขาเราขนานราบกับพื้นไปเลย เพื่อง่ายต่อการสวนทราร
พอได้เวลาพี่เค้าก็เอาสายยางค่อยๆสอดเข้าไปค่ะ ทีละนิด ทีละนิด นึกภาพออกมั้ยคะ 555
มันจะรู้สึกยังไง คิดง่ายๆนะคะ ดิชั้นเนี่ย ไม่เคยอะไรกับใครมาก่อนเลย ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม
พูดได้เต็มปากง่ายๆเลยว่า สดและซิง ล้านนนนเปอร์เซ็น ทั้งปาก ตูด ไม่เคยมาก่อนจริงๆ ค่ะ
แต่วันนี้ ดิชั้นไม่ซิงแล้วล่ะค่ะ ก็โดนพี่พยาบาลแกสวนทวารไปแล้วนะสิ

ช่วงเวลานี้ พี่พยาบาลจะสอดสายยางเข้าไปลึกเหมือนกันนคะ เวลานี้ขมิบไม่ได้เลยค่ะ ต้องหายใจเข้าออกลึกๆ ดิชั้นนี่แทบจะอยากดิ้นพรวดพล่าน แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องทนค่ะ ต้องทน คำเดียวเท่านั้นจริงๆ ตอนสอดเข้าไปเนี่ย จะรู้สึกแบบว่าอยากถ่ายมาก รู้สึกเลยค่ะว่าสายยางมันเข้าไปในลำไส้ทีละนิดๆ แล้วตอนหลังพี่แกก็รีบดันด้วยสิ อิชั้นจะบ้าตาย สยิวก็สยิว ปวดอึก็ปวดอึ นี่ขนาดยังไม่ได้ปล่อยน้ำสบู่เข้าไปนะคะ... พอสายยางเข้าไปได้ลึกระดับนึงแล้ว พี่พยาบาลก็จะค่อยๆ ปล่อยน้ำสบู่ไหลเข้าไปตามสายยางทีละนิด ทีละนิด เวลานี้แหละค่ะ ที่จะแทบจะอยากเบ่งออกมาสุดๆ แล้วพี่พยาบาลบอกว่า... "ถ้าทนไม่ไหวก็บอกนะคะ"

แล้วพี่แกก็ค่อยๆปล่อยน้ำสบู่เข้าไปเรื่อยยยย เรื่อยยย... จน! "ไม่ไหวแล้วค่ะพี่"....
"โอเคค่ะ" พี่พยาบาลตอบ เวลานั้น ดิชั้นก็ไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ ก็เลยบอกพี่แกไป แต่แกก็ยังบอกว่า...
"ทนนิดนึงนะคะ อีกนิดนึง" แล้วแกก็จะรีบดึงสายยางออกอย่างรวดเร็ว
แล้วก็ให้อิชั้นวิ่งเข้าห้องน้ำโดยด่วนค่ะ เกือบไม่ทัน แล้วก็เบ่งมันออกสู่ชักโครกค่ะ.... โคร่กกกกก
เข้าห้องน้ำเบ่งออกจนหมด แล้วก็เดินออกมา..

"ม๊ะ มาต่อเร็ว" พี่พยาบาลพูด... ว้ายยย! นึกว่าหนเดียวเสร็จนะ สวนต่อเหรอคะเนี่ยยยย!
"ต้องสวน 2-3 ครั้งค่ะ ถึงจะสะอาด" พี่พยาบาลบอก
"...เอาก็เอาวะ..." ดิชั้นคิดในใจ

ก็เลยนอนให้พี่เค้าสวนทวารอีก 2-3 รอบ ขั้นตอนก็เหมือนเดิมค่ะ ทรมานนิดหน่อย แต่ก็ต้องทน
เพื่อความสะอาดของร่างกาย และลำใส้ จะได้ไม่มีปัญหาตอนผ่าตัดไงคะ
และแล้วก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ก็หมดแล้วค่ะ ไม่มีอะไรเสียวสยิวอีกแล้ว 555

ดูนาฬิกาอีกที ก็ 6 โมงแล้วล่ะ...
แล้วพี่พยาบาลก็บอกว่า "เดี๋ยวประมาณ 7 โมงครึ่ง จะมีรถเข็นมารับนะคะ เพื่อเข้าห้องผ่าตัด" โอเคค่ะ...
เวลานี้ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้วสิคะ เพื่อนเล็กก็ตื่นพอดี ก็เลยเปิดม่านตรงระเบียงออก
อู๊วววววว!! แม่จ้าวววววววว มองออกไปเป็นทะเลค่ะ ห้องพักดีมากกกก บรรยากาศดีมากกกกกก
เพิ่งมาเห็นตอนเช้าว่า ห้องพักนี้เริ่ดดดจริงๆ สมกับที่ชั้นเสียเงินไปแสนห้าจริงๆเล้ยยยยยย..........
คุ้มค่าแล้วล่ะ กับห้อง VIP อิอิ

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ4

วันผ่าตัดแปลงเพศ" 23 มีนาคม 2549
.....ขั้นตอนเตรียมความพร้อม ทำความสะอาดร่างกาย.....




.... ต่อ จากตอนที่แล้ว....




....... "คุณคะ ตื่นได้แล้วค่ะ ดิชั้นทำความสะอาดให้นะคะ" พยาบาลอายุสัก 40 กว่าเข้ามาปลุก
ด้วยอาการสะลึมสะลืองัวเงียของดิชั้น ก็ได้แต่ตอบไป "ออ เหรอคะ ได้ค่ะ"
"...............สงสัยที่พยาบาลนัดไว้คงจะมาแล้วล่ะ..........." ดิชั้นคิดในใจ

เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ดิชั้นต้องสอบถามค่ะ ว่าเค้าจะมาทำความสะอาดส่วนไหนให้ดิชั้นกันแน่...
"มาทำอะไรเหรอคะพี่"... ดิชั้นเอ่ยปากถามพี่พยาบาลค่ะ
"มาโกนขนและสวนทวารให้น้องไงคะ" พี่เค้าตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ
"...... ว้ายยยยยย แม่เจ้า ......" ดิชั้นแทบอยากจะกรี๊ดดดดออกมาเป็นเสียงดังๆ 555
"หนูขอโกนเองได้รึป่าวคะพี่" ดิชั้นรีบถามพี่พยาบาลไปอย่างรวดเร็ว ก็ใครจะกล้าให้คนอื่นมาโกนขนตัวเองล่ะค่ะ
"ถึงน้องโกนเองยังไง พี่ก็ต้องตรวจดู และโกนให้อีกทีนึง เพราะยังไงก็ต้องโกนให้เกลี้ยงหมดจดค่ะ" พี่พยาบาลตอบ
"อ่อ ค่ะๆ ได้ๆ" ในใจดิชั้นนี่ แทบอยากจะกรี๊ดดด ไม่เคยมาแก้อะไรอย่างนี้ต่อหน้าใครเลยนะเนี่ย

"น้องคะ ถอดออก!!!" พี่พยาบาลพูด แหะๆ อาจจะไม่ขนาดนี้ค่ะ อิอิ
แล้วพี่เค้าก็เอาพสาติกมาปูบนเตียงนอน เพราะป้องกันเตียงเลอะ เปื้อน จากการทำความสะอาดดังกล่าว
และเวลานั้นดิชั้นค่อยๆขยับร่างกาย ขึ้นไปนอนบนพลาสติกทีละนิด ทีละนิด
ก็แหม๋ แอร์เย็นก็เย็น มาแก้กางเกงอีก แล้วพลาสติกรองก้นก็เย็นอีก ขนมันไม่ลุกก็ให้มันรู้ไปสิคะ
นี่ดีนะเนี่ย ที่งูหนูมันไม่ตื่น ถ้ามันตื่นนะ พี่พยาบาลต้องไปเรียกบุรุษพยาบาลมารับผิดชอบนะคะ 5555

คุณๆข๋า คิดดูสิคะ ดิชั้นเผยช้างน้อยต่อหน้าพยาบาลค๊าาาาาาา... ยอมรับว่าอายมากกกก ถึงมากที่สุดดด
ดิชั้นพยายามไม่มองนะคะ บิดหน้าหนีไปทางอื่น แบบว่าอายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อุปกรณ์ในการโกนขนก็มี มีดโกนอันใหญ่ๆ , มีขันน้ำใส่น้ำมาพร้อม , ละก็สบู่ ......

และแล้วเสียงโกนดังก็เริ่มขึ้นนน.... 'แขว๊กกกกกกกกกก แคว๊กกกกกกกกกก' 555
โอ้วววว ไม่เคยโกนมาก่อน เป็นอะไรที่เสียวมาก เอ้ย! ไม่ใช่สิ อิอิ
ก็เจ็บนิดหน่อยค่ะ เพราะพี่พยาบาลโกนไปก็คุยไปด้วย บอกเราว่า ขนตรงนี้มันจะเส้นใหญ่ แข็ง และหนา
ทำให้เวลาโกนอาจจะเจ็บกว่าขนบริเวณอื่นๆ แต่ดิชั้นก็ทนได้ค่ะ ไม่ได้เจ็บไรมากมาย แต่มันอายมากกว่านี้สิ

ส่วนเรื่องความสะอาด หายห่วงค่ะ พี่เค้าก็ใส่ถุงมือด้วย เพราะต้องจับช้างน้อยของเราด้วย จับบิดไปบิดมา
ว้ายยย...!! อย่าบิดมากนะคะคุ๊ณพี่!! เดี๋ยวถ้ามันฟูขึ้นมา พี่ท้องขึ้นมา ไม่รับผิดชอบนะคะ 555 ล้อเล่นค่ะๆ
พี่พยาบาลก็โกนของเค้าไปเรื่อยๆ ตามหน้าที่เค้าแหละค่ะ ส่วนดิชั้นก็พยายามหลับตา ไม่มอง
มองไปทางอื่น ในใจก็คิดว่า เมื่อไหร่จะเสร็จ เมื่อไหร่จะเสร็จ...

อยู่ๆ พี่พยาบาลก็พูดขึ้นมาว่า "น้องคะ นอนตะแคง แล้วยกขาขึ้นค่ะ" ว๊ายยยยยยยย
คุณพี่จะทำอะไรหนูคะเนี่ยยย 555 ในเมื่อดิชั้นขัดขืนไม่ได้ ก็ต้องจำยอมทนให้พี่เค้าทำหน้าที่ของเค้าต่อไป
ดิชั้นก็ต้องเปลี่ยนท่านอน นอนตะแคงแล้วยกขาขึ้นนิดนึง หรือจะเรียกว่าชันขาขึ้นมาหน่อยก็ได้ค่ะ
เพราะว่า.... พี่เขาจะโกนตรงตรงบริเวณตูด!!
คือเค้าคงกะว่า ต้องกำจัดขนบริเวณนั้นออกไปให้หมดค่ะ จะได้ไม่มีปัญหาในขณะเวลาทำการผ่าตัด
แล้วลองคิดดูสิคะ เอามีดโกนมาโกนขนตรงแถวตูดดดด มันจะเกิดอะไรขึ้น
'แคว๊กกกกกกก แคว๊กกกกกกก' มันสยิวกิ้วแค่ไหนคะคู๊ณณณณณณ ดิชั้นก็ขมิบตูดสิคะ 555555

แล้วขอบอกเลยค่ะว่าตอนนั้นหนาวมากกกกค่ะ แอร์เย็นมากกกกกกก
แถมต้องแก้ช่วงล่าง แล้วน้ำมาโดนแถวบริเวณนั้นอีก โอ้ววว สุดยอดจริงๆ
นอนให้พี่เขาโกนขนไป ไอ่เราก็สั่นแหง่กๆๆๆๆๆ เฮ้อออ!! อายมากค่ะ

อ้อ ส่วนเพื่อนที่มันนอนข้างๆนั่น ไม่ต้องกลัวนะคะ ว่ามันจะเห็นดิชั้น 555
เพราะเค้ามีม่านกั้นค่ะ ยังไงมันก็ไม่เห็น แล้วเพื่อนมันก็คงไม่ตื่นมาเช้าขนาดนั้นด้วยหรอก
ไม่งั้นได้อายเพื่อนด้วยแน่ๆ กลัวเพื่อนจะเห็นช้างน้อยเราค่ะ 555555
เกิดมายังไม่เคยเปิดช้างน้อยให้ใครดูเลย นอกจากพ่อแม่ อิอิ

ก็โกนอยู่ได้สักพัก จนคิดว่าเกลียงแล้วล่ะ พี่พยาบาลก็บอกให้ดิชั้นเข้าไปล้างในห้องน้ำค่ะ
ล้างน้ำสบู่ออก ล้างขนออก แล้วออกมาให้พี่เค้าตรวจเช็คดูสภาพอีกที ว่ามันเกลี้ยงแล้วจริงๆหรือยัง
ดิชั้นก็เอาผ้าขนหนูพันตัวค่ะ แล้ววิ่งไปห้องน้ำ...
แหะๆ อายเพื่อนหน่ะค่ะ เพราะต้องเดินผ่านเพื่อนเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ก็รีบๆล้าง แล้วเอามาให้พี่เค้าตรวจอีกที
ก็โอเค เป็นอันว่าผ่าน โกนหมดเกลี้ยงจริงๆ





ขั้นตอนการโกนขนก็เสร็จไปแล้วหนึ่งขั้นตอนนะคะ.......
ต่อไปก็คือขึ้นตอน การสวนทวารค่ะ... "น้องคะ แหกตูด" อิอิ ล้อเล่นๆ
อ่อ.. ก่อนขึ้นเตียงได้เดินไปสำรวจอุปกรณ์สวนทวารดูค่ะ ก็มีภาชนะใส่น้ำสบู่ค่ะ สายยางที่จะเอาสวนทวาร...
พี่พยาบาลบอกว่าต้องใช้น้ำสบู่สวนค่ะ เพราะจะได้รู้ว่ามันสะอาดจริงๆ ซึ่งดิชั้นก็คิดว่าน้ำสบู่นี้เค้าคงใช้ทางการแพทย์อยู่แล้วค่ะ เลยไม่ห่วงอะไร คิดว่าคนอื่นๆ ก็คงต้องเคยได้สวนทวารมาแล้วแน่ๆ ก็เลยไม่กังวลมากมายค่ะ แต่ว่าในใจก็กลัวอยู่เล็กน้อยค่ะ

ตอนนี้ก็ขึ้นนอนบนเตียงตามเดิมค่ะ...
ตอนนี้ก็นอนตะแคงอย่างเดียวเลย ห้ามยกขาขึ้น ให้ขาเราขนานราบกับพื้นไปเลย เพื่อง่ายต่อการสวนทราร
พอได้เวลาพี่เค้าก็เอาสายยางค่อยๆสอดเข้าไปค่ะ ทีละนิด ทีละนิด นึกภาพออกมั้ยคะ 555
มันจะรู้สึกยังไง คิดง่ายๆนะคะ ดิชั้นเนี่ย ไม่เคยอะไรกับใครมาก่อนเลย ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม
พูดได้เต็มปากง่ายๆเลยว่า สดและซิง ล้านนนนเปอร์เซ็น ทั้งปาก ตูด ไม่เคยมาก่อนจริงๆ ค่ะ
แต่วันนี้ ดิชั้นไม่ซิงแล้วล่ะค่ะ ก็โดนพี่พยาบาลแกสวนทวารไปแล้วนะสิ

ช่วงเวลานี้ พี่พยาบาลจะสอดสายยางเข้าไปลึกเหมือนกันนคะ เวลานี้ขมิบไม่ได้เลยค่ะ ต้องหายใจเข้าออกลึกๆ ดิชั้นนี่แทบจะอยากดิ้นพรวดพล่าน แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องทนค่ะ ต้องทน คำเดียวเท่านั้นจริงๆ ตอนสอดเข้าไปเนี่ย จะรู้สึกแบบว่าอยากถ่ายมาก รู้สึกเลยค่ะว่าสายยางมันเข้าไปในลำไส้ทีละนิดๆ แล้วตอนหลังพี่แกก็รีบดันด้วยสิ อิชั้นจะบ้าตาย สยิวก็สยิว ปวดอึก็ปวดอึ นี่ขนาดยังไม่ได้ปล่อยน้ำสบู่เข้าไปนะคะ... พอสายยางเข้าไปได้ลึกระดับนึงแล้ว พี่พยาบาลก็จะค่อยๆ ปล่อยน้ำสบู่ไหลเข้าไปตามสายยางทีละนิด ทีละนิด เวลานี้แหละค่ะ ที่จะแทบจะอยากเบ่งออกมาสุดๆ แล้วพี่พยาบาลบอกว่า... "ถ้าทนไม่ไหวก็บอกนะคะ"

แล้วพี่แกก็ค่อยๆปล่อยน้ำสบู่เข้าไปเรื่อยยยย เรื่อยยย... จน! "ไม่ไหวแล้วค่ะพี่"....
"โอเคค่ะ" พี่พยาบาลตอบ เวลานั้น ดิชั้นก็ไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ ก็เลยบอกพี่แกไป แต่แกก็ยังบอกว่า...
"ทนนิดนึงนะคะ อีกนิดนึง" แล้วแกก็จะรีบดึงสายยางออกอย่างรวดเร็ว
แล้วก็ให้อิชั้นวิ่งเข้าห้องน้ำโดยด่วนค่ะ เกือบไม่ทัน แล้วก็เบ่งมันออกสู่ชักโครกค่ะ.... โคร่กกกกก
เข้าห้องน้ำเบ่งออกจนหมด แล้วก็เดินออกมา..

"ม๊ะ มาต่อเร็ว" พี่พยาบาลพูด... ว้ายยย! นึกว่าหนเดียวเสร็จนะ สวนต่อเหรอคะเนี่ยยยย!
"ต้องสวน 2-3 ครั้งค่ะ ถึงจะสะอาด" พี่พยาบาลบอก
"...เอาก็เอาวะ..." ดิชั้นคิดในใจ

ก็เลยนอนให้พี่เค้าสวนทวารอีก 2-3 รอบ ขั้นตอนก็เหมือนเดิมค่ะ ทรมานนิดหน่อย แต่ก็ต้องทน
เพื่อความสะอาดของร่างกาย และลำใส้ จะได้ไม่มีปัญหาตอนผ่าตัดไงคะ
และแล้วก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ก็หมดแล้วค่ะ ไม่มีอะไรเสียวสยิวอีกแล้ว 555

ดูนาฬิกาอีกที ก็ 6 โมงแล้วล่ะ...
แล้วพี่พยาบาลก็บอกว่า "เดี๋ยวประมาณ 7 โมงครึ่ง จะมีรถเข็นมารับนะคะ เพื่อเข้าห้องผ่าตัด" โอเคค่ะ...
เวลานี้ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้วสิคะ เพื่อนเล็กก็ตื่นพอดี ก็เลยเปิดม่านตรงระเบียงออก
อู๊วววววว!! แม่จ้าวววววววว มองออกไปเป็นทะเลค่ะ ห้องพักดีมากกกก บรรยากาศดีมากกกกกก
เพิ่งมาเห็นตอนเช้าว่า ห้องพักนี้เริ่ดดดจริงๆ สมกับที่ชั้นเสียเงินไปแสนห้าจริงๆเล้ยยยยยย..........
คุ้มค่าแล้วล่ะ กับห้อง VIP อิอิ

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ3

พฤหัสบดี ที่ 23 มีนาคม 2549

"วันผ่าตัดแปลงเพศ"... วันแห่งการรอคอยมาถึงแล้ว

ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง รอมานานแสนนาน และแล้วก็ถึงวันที่รอคอยยยย...
ช่วงคืนวันที่ 22 ก่อนที่จะก้าวข้ามไปถึงวันที่ 23 นี้ เพื่อนๆดิชั้นมาให้กำลังใจ และรอส่งอย่างล้นหลาม
เพื่อนๆ มาหาที่ห้องค่ะ มานั่งคุย ช่วยเก็บสัมภาระใส่กระเป๋า เพื่อที่จะได้นำไปใช้ตอนว่างๆอยู่ที่โรงพยาบาล
ของที่ดิชั้นจะต้องนำไปที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ โน๊ตบุ๊คค่ะ เพื่อที่จะได้เล่นเน็ตเวลาว่าง จะได้ไม่เบื่อ
โดยเล่นเน็ตผ่าน Air Card ... เสื้อผ้าไม่ต้องเอาไปเยอะค่ะ เสื้อผ้าใส่วันไป และเสื้อผ้าใส่วันกลับก็พอ
ของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย หากใครมีหนังสือหนังหา วีซีดี หนัง ฯลฯ เอาไปได้ก็เอาไปเลยค่ะ
แบบว่าเวลาตอนคุณนอนอยู่ใน รพ.เนี่ย จะได้ไม่เบื่อ จะได้มีอะไรทำ...

วันนี้ดิชั้นนำเพื่อนไป 1 คนค่ะ ชื่อ เล็ก(ดำ) อิอิ... หลังจากสอบถามเพื่อนหลายๆคน ว่ามีใครว่างบ้าง
ใครพอจะว่างหยุด 5 วัน เพื่อไปอยู่เฝ้าเป็นเพื่อนเราบ้าง ก็มีอิเพื่อนคนนี้คนเดียวนี่แหละค่ะที่ว่าง
คนอื่นๆมันก็ติดเรียนบ้าง ติดธุระบ้าง ก็เลยไปไม่ได้ พอดีเล็กมันว่าง ก็เลยมีคนเฝ้าเราแล้ววว...
วันนี้เราจะเดินทางออกจาก กทม. เวลาโดยประมาณเที่ยงคืนค่ะ เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลประมาณตี 1
การเดินทางของเราวันนี้เราใช้บริการรถแทกซี่ค่ะ เหมาจาก กทม.ไป ราคา 1,200 บาท

... ราคารถแทกซี่แต่ละคันไม่เท่ากันนะคะ อยู่ที่การต่อรองค่ะ เหมาไปเท่าไหร่ก็คุยกันได้เลย
ขอแนะนำว่าให้เช็คราคาและติดต่อกับแทกซี่ก่อนจะไปค่ะ อย่างเช่นเวลาไปไหนมาไหน ก็ลองถามๆดู
ว่าหากไปชลบุรีคิดราคาเท่าไหร่ ต้องบอกว่า อ.เมือง จ.ชลบุรี นะคะ หากเค้าคิดราคาประมาณ 900-1,000 บาท
ก็ให้รีบขอเบอร์ไว้ด่วนเลยค่ะ แล้วบอกเค้าว่า วันไหนจะไปจะโทรบอก หรือบอกวันคร่าวๆให้เค้ารู้ไว้ก่อนก็ได้
พอถึงเวลาไปจริงๆ เราจะได้ไม่ต้องไปโบกรถตรงเอาเวลาจะไป... แต่ขอบอกเลยค่ะว่า แทกซี่เค้าอยากไปอยู่แล้ว เพราะว่าเค้าขับไปส่งเราเนี่ย 1-2 ชม.เอง แต่ได้เงินไปแล้วประมาณ 1,000 บาท ซึ่งบางทีเค้าวิ่งมาทั้งวัน เค้ายังได้ไม่ถึง 1,000 เลย หากเราเหมาไปแบบนี้ รับรองเค้าสนใจอยู่แล้วค่ะ แต่ก็เลือกดีๆ นะคะ และเดินทางเวลากลางคืนด้วย ขอให้ดูแทกซี่ดีๆ ไว้ใจได้ ทางที่ดีควรหาแบบที่เราติดต่อมาไว้ก่อน หรือคนอื่นแนะนำ และเวลานั่งไปควรมีเพื่อนนั่งไปด้วย จะดีที่สุดค่ะ....
แนะนำเรื่องรถที่จะไปแล้ว ต่อไปก็เดินทางกันเลยค่ะ...

นัดคุณลุงแทกซี่มารอที่หน้าอพาร์ทเม้นเวลาเที่ยงคืนค่ะ.........
พอถึงเวลาเที่ยงคืนมาปุ๊บ... คุณลุงขับแทกซี่โทรมาบอกว่าถึงแล้ว คราวนี้ก็ร่ำลาเพื่อนๆ มีเพื่อนไปส่งขึ้นรถด้วย
เราแบบใจนี่ตื่นเต้น สยิว เสียว เอ้ย!... ไม่ใช่ละ อิอิ แต่ก็ตื่นเต้นนะคะ บอกไม่ถูกเลยทีเดียว
ขึ้นรถออกไปได้สักพัก ก็คุยกับเพื่อนบ้าง คุยกับคุณลุงบ้าง... ขึ้นทางด่วนโทลเวย์ค่ะ ไปกี่ครั้งก็ขึ้นโทลเวย์
เพราะไม่ถึงชั่วโมง มันก็ถึงชลบุรีแล้วค่ะ แนะนำเลยนะคะ ถ้าไปก็ขึ้นโทลเวย์เลยดีกว่า เร็วดี

... พอถึง จ.ชลบุรี (เวลาโดยประมาณก็ 1.00 น. ของวันที่ 23 มีนาคม 2549)
เราก็ตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลเอกชล กันเลยค่ะ ถึงปุ๊บก็ไปเค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของ รพ.ก่อนเลย
เราก็เลยยื่นซองที่ทางคลินิกให้เราไปยื่นกับ รพ. พยาบาลเปิดซองดู และถามอะไรนิดหน่อย เราก็บอกว่า...
"มาแปลงเพศค่ะ เป็นคนไข้ของคุณหมอสุพร"... แล้วพยาบาลก็จะให้เราทำประวัติอะไรนิดหน่อย เขียนประวัติส่วนตัว
เขียนเสร็จก็ให้นั่งรอแป๊บบบ.. แล้วสักพักก็เรียกเข้าห้องตรวจแถวนั้นค่ะ เค้าก็จะให้เราเอกซ์เรย์ค่ะ
ก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเขียว แล้วก็ไปเอกซ์เรย์ร่างกาย เอกซ์เรย์ปอด อะไรนิดหน่อย ละก็เสร็จ...
เปลี่ยนเสื้อผ้าตามเดิม ละก็มานั่งรอข้างนอกต่อ...

...สักพักมีบุรุษพยาบาลเข้ามา และก็ให้สายข้อมือของโรงพยาบาลค่ะ เค้าเรียกกันว่าอะไรก็ไม่ทราบนะคะ
แต่ว่ามีชื่อดิชั้น เหมือนให้รู้ว่าคนนี้เป็นผู้ป่วยในนะ ประมาณนี้แหละ แล้วสักพักบุรุษพยาบาลก็เอารถเข็นมารับค้า
โอ้ววววว... ดิชั้นเดินได้ค่ะ แต่ยังไงก็ต้องนั่งค่ะ เหมือนเป็นธรรมเนียมมั้ง เค้าจะเข็นเราไปส่งที่ห้องพักค่ะ
ก็เลยต้องนั่ง ก็เข็นๆไป ขึ้นลิฟท์ไปชั้นไหนจำไม่ได้ละ เปิดประตูห้องเข้าไปแค่นั้นแหละ ห้องสวยดี
กว้างขวาง สะอาดสะอ้าน น่าอยู่ แอร์เย็นเจี๊ยบบบ มีทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ ดูๆแล้วห้อง VIP เลยล่ะค่ะ
มองตรงไปตรงระเบียงจะมีผ้าม่านผืนใหญ่กันอยู่ค่ะ ปิดบังตรงระเบียงทั้งหมดเลยค่ะ ก็เลยไปแง้มๆผ้าม่านดู
ก็เป็นกระจกบานใหญ่มองออกไปข้างนอกได้ค่ะ เตียงอยู่ติดตรงระเบียงพอดี มองออกไปข้างนอกก็ไม่เห็นอะไร
เพราะมันมืดค่ะ ก็เลยปิดตามเดิม... สักพักพยาบาลก็เอาชุดผู้ป่วยในมาให้เราเปลี่ยนค่ะ เป็นสีชมพูสดใส แหะๆ
เราก็เปลี่ยนตามนั้น และขึ้นนอนบนเตียง (พยาบาลสั่งให้ขึ้นไปนอน ) และก็บอกรายละเอียดต่างๆให้ทราบ
เรียกด่วน กดปุ่มนี้ มีอะไรก็เรียกได้ ใช้บริการอันนี้ได้ อันนี้ไม่ได้ ก็บอกไป บลา บลา บลา.....
แล้วพยาบาลบอกว่า เดี๋ยวตอนตี 5 จะมีพยาบาลมาสวนทวารและโกนขนให้นะคะ
ว้ายยย... ทำไรไม่ได้ ก็เลยรับปากไป ค่ะๆ แหะๆ

พอคุณพี่พยาบาลสาวออกไป ก็เดินสำรวจห้องอีกนิดหน่อยค่ะ ตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้ เวลา ณ ขณะนั้นก็ประมาณ ตี 2 เห็นจะได้
ก็คุยกับเพื่อนนิดหน่อยค่ะ มันดึกมากแล้ว ก็เลยปิดไฟนอนกัน อ้อ! ในห้องนั้นมันไม่มีเตียงสำหรับคนมาเฝ้านะคะ
แต่ว่ามีโซฟานอนได้ค่ะ คนมาเฝ้าสามารถนอนได้เลย สบายค่ะ ขอผ้าห่ม หมอน ฯลฯ ก็ได้เลยค่ะ
พอได้เวลาก็นอนหลับปุ๋ยยยยไปเลย...

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ2

วันพฤหสบดีที่ 9 มีนาคม 2549 , ก่อนวันผ่าตัดแปลงเพศ 2 อาทิตย์
...วันนี้มีนัดตรวจเลือดกับหมอสุพรค่ะ นัดตรวจกันที่คลินิกเลย ช่วงเวลาที่นัดคือช่วงบ่ายค่ะ
วันนี้รีบเร่งอย่างมาก เพราะช่วงเช้ามีส่งรายงานโปรเจคกับอาจารย์ที่ปรึกษาค่ะ

พอเสร็จจากส่งรายงาน เราก็ทานข้าวกัน
และวันนี้เพื่อนดิชั้นมันก็อาสาที่จะพาไปส่งที่คลินิกหมอสุพร จ.ชลบุรี ค่ะ
คือวันนี้ไปอย่างทุลักทุเล เพราะเนื่องด้วยว่า ไม่ได้เตรียมเงินมา... ก็จะให้เตรียมมาได้ไงล่ะ
ไม่กล้าถือเงินคนเดียวไปทั้งหมดนิ ก็ตั้ง 150,000 ใครจะกล้าพกล่ะ
ไอ่ครั้นจะกด ATM มันก็ได้ไม่ถึงแสนห้า เพราะเกินวงเงินกดต่อวัน (กด ATM ได้ไม่เกิน 100,000 บาท/วัน)
วันนี้ก็เลยต้องรีบไปให้ถึง จ.ชลบุรี ค่ะ ให้ไปถึงก่อนที่คลินิกเค้าจะปิด พอดีนัดกันไว้ช่วงบ่ายค่ะ
ส่วนเรื่องเงินก็ตัดสินใจได้ว่า จะไปถอนเงินจากธนาคารโดยตรงเลย จะได้เงินมาก้อนเดียวทั้งหมด
ไปถึงชลบุรีก็บึ่งไปธนาคารก่อนเลยค่ะ เข้าไปถอนโดยตรงกับเคาท์เตอร์ธนาคาร
ได้เงินมาปุ๊บก็เหลียวซ้ายและขวา มีบอร์ดดี้การ์ดประกบ 2 ข้าง อิอิ
ได้เงินมาก็รีบไปคลินิกอย่างเร่งด่วนนนนนนนน.......

เข้าไปถึงคลินิกปุ๊บ ก็นั่งรอค่ะ เพื่อเรียกตัวไปเจาะเลือด
ตอนแรกกลัวมากเลยนะคะ ไม่เคยบริจาคเลือด ไม่เคยเจาะเลือดด้วยเข็มใหญ่ขนาดนี้
แต่ก็คิดซะว่า เอาไงก็เอากันวะ เดินทางมาถึงขนาดนี้แล้ว เรื่องแค่เจาะเลือดมันเล็กน้อยนิดเดียวเอง เพราะยังไงเดี๋ยวผ่าตัด มันต้องเยอะกว่านี้แน่นอน นั่งรอได้สักพัก พยาบาลก็เรียกเข้าห้องค่ะ เข้าไปก็นั่งรอพี่พยาบาลมา เขาถือขวดเล็กๆ มา 1 ขวด กับเข็ม ตอนแรกตกใจค่ะ ถามเค้าว่า โห.. พี่ เอาเลือดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ เค้าก็ยิ้มมม และก็ตอบว่า "ค่ะ"
ความจริงก็ไม่เยอะหรอกค่ะ เมื่อเทียบกับการบริจาคเลือด

พอเห็นเข็มนี่กลัวมากๆ เพราะหัวเข็มใหญ่ เจาะทีนึงคงสะดุ้งน่าดู ก็เลยถามพี่พยาบาลไปว่า มันจะเจ็บรึป่าวคะ
พี่เค้าก็บอกว่าไม่เจ็บหรอก นิดเดียว แล้วก็ยื่นข้อพับตรงแขนให้เค้าค่ะ พยาบาลบอกต่ออีกว่า ถ้าเข็มเจาะลงไปแล้ว อย่าสะดุ้งพับแขนเก็บเข้ามานะคะ ไม่งั้นจะเจ็บมากกกก ดิชั้นโอเค และก็พยายามไม่มองเข็มและตอนเจาะเลยค่ะ หันมองทางอื่นเอา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นลมเอาได้ 555

ก็หันไปทางอื่น นั่งคิดนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย.......... "เรียบร้อยค่ะ" พี่พยาบาลพูด
โอ้ววววววววว มันจะช่างรวดเร็วอะไรเช่นนี้เนี่ยคะ 555
และพี่พยาบาลก็เอาพาสเตอร์มาปิดแขนให้ เป็นอันว่า วันนี้เสร็จแค่นี้ค่ะ
มันเป็นอะไรช่างง่ายและรวดเร็วจริงๆ เลยเนี่ย บึ่งรถมาจาก กทม เพื่อมาเจาะเลือด ไม่ถึง 5 นาที 555555+
แต่ก็ยอมค่ะ จะยังไงเราก็ทนได้ ไกลแค่ไหนเราก็ไปได้ เพื่อความเป็นหญิงเต็มตัวของเราค่ะ

เจาะเลือดเสร็จก็ออกมานั่งรอค่ะ สักพักพยาบาลก็เรียกเข้าไปคุยและจ่ายเงินค่าตรวจเลือด
ค่าตรวจเลือด 500 บาทค่ะ และก็ให้จ่ายค่าผ่าตัดอีก 150,000 ค่ะ พร้อมกันทีเดียวเลย
คิดดูสิคิ เงินแสนห้า หลุดลอยออกไปจากมือเรา เก็บมานานหลายปี คิดถึงตอนที่ต้องเสียเงินไปสิคะ
โอ้ววว มันน่าเสียดายเน๊อะ แต่ก็เอาไงเอากัน เดินทางมาขนาดนี้แล้ว ก็เลยจ่ายไปทั้งหมดเลยค่ะ แสนห้า
จ่ายเงินกันเสร็จ พยาบาลก็เขียนกระดาษอะไรสักอย่าง แล้วก็นำใส่ซองให้เรา และอธิบายให้เราฟังว่า
ผลตรวจเลือดเดี๋ยวจะโทรไปแจ้งนะคะ ส่วนกระดาษในซองนี้ ให้นำไปยื่นให้กับทางโรงพยาบาลในวันที่ 23 มี.ค.49
เพื่อ admit เข้าโรงพยาบาล ยื่นซองนี้ให้เค้าแล้วเดี๋ยวเค้าก็รู้เรื่องเองค่ะ...

โรงพยาบาลที่หมอสุพรใช้ในการผ่าตัดคือ โรงพยาบาลเอกชล จ.ชลบุรี นะคะ
คลินิกของคุณหมอสุพรกับโรงพยาบาลก็ไม่ไกลกันมากค่ะ โรงพยาบาลเอกชลเลยไปนิดหน่อยเอง
มาถึงตรงนี้ หลายๆ คนจะมีคำถามว่า ทำไมไม่แปลงเพศกับโรงพยาบาลเลยแต่ทีแรก?
หรือไม่ก็จะถามว่า แปลงกับ รพ.ไหน?... การแปลงเพศสมัยนี้ยังไงก็ต้องแปลงเพศในโรงพยาบาลอยู่แล้วล่ะค่ะ
เพียงแต่ว่าเราเลือกหมอผู้ที่จะให้การผ่าตัดเรา ว่าจะเป็นหมอท่านไหนเท่านั้นเอง
ซึ่งหมอเก่งๆ ดังๆ สมัยนี้เค้ามาเปิดคลินิกเป็นของตัวเองกันหมดแล้ว
หากมีคนไข้จะผ่าตัด ก็จะไปเช่าพื้นที่ห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลนั้นๆเอาค่ะ
ซึ่งโรงพยาบาลที่คุณหมอสุพรใช้เป็นประจำคือ โรงพยาบาลเอกชล จ.ชลบุรี ค่ะ
ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่า คุณหมอสุพรเป็น ผอ.โรงพยาบาลนี้ด้วย...

พยาบาลอธิบายให้ฟังว่า... วันที่ 23 มี.ค.49 นั้น เราจะได้ผ่าตัดในช่วงเวลา 8 โมง
ขอให้เรานั้นอดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 23 ไปเลย ห้ามกินอะไรตั้งแต่ช่วงเวลาเที่ยงคืน แม้แต่น้ำเปล่าก็ห้าม
และให้ admit เข้าโรงพยาบาลในช่วงเวลา เที่ยงคืน - ตี 5 ของวันที่ 23 มี.ค.49 และพยายามอย่าให้มาเกินเวลาตี 5
ไม่ต้องเตรียมชุดอะไรไปมาก แต่ให้เตรียมชุดวันกลับค่ะ ให้เป็นเสื้อสวมใส่ง่าย และเป็นกระโปรงเบาบางๆ ใส่สบาย
จะได้สวมใส่ในวันที่กลับบ้านได้ค่ะ... เป็นอันว่าวันนี้ตรวจเลือดเสร็จเรียบร้อย นัด อธิบายหลายๆอย่างก่อนแปลงเพศ
ก็เสร็จเรื่องของวันนี้ไปหนึ่งวัน... ต่อไปก็รอผลของการตรวจเลือดนี่แหละค่ะ

ช่วงเวลานี้เพื่อนดิชั้นเค้าก็บ่นๆ ค่ะ บอกว่าจ่ายไปแสนห้า แล้วได้แค่กระดาษมา 2-3 แผ่นแค่เนี้ย ใบเสร็จก็ไม่ได้
ไม่กลัวโดนเขาหลอกรึยังไง ดิชั้นบอกตรงๆเลยค่ะว่า เวลานั้นอะไรก็ไม่สนใจแล้วล่ะ เราเชื่อใจหมอ และก็อยากทำเร็วๆ
คิดแค่นี้จริงๆ สมองอันน้อยๆของดิชั้น ไม่ได้คิดเลยว่าจะโดนหลอกอะไรหรือเปล่า
หมอระดับนี้ มีชื่อเสียงระดับนี้ เค้าไม่มาทำให้ชื่อเสียงเค้าเสียหายหรอกค่ะ ลูกค้าก็เยอะ เก่งก็เก่ง
เงินค่าศัลยกรรมเดือนๆนึง หมอท่านได้เยอะกว่าเงินเราขี้ประติ๋วเสียอีก อิอิ
ดิชั้นก็เข้าใจนะคะว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่เราคนทำก็ต้องเชื่อใจคุณหมอค่ะ

พอทำธุระเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินทางกลับ กทม กันเลยค่ะ...
ความจริงตอนแรกพยาบาลบอกว่า อีก 3 ชม. จะโทรบอกผลเลือดค่ะ แต่รอไปรอมา 3 ชม. ก็ยังไม่เห็นมีโทรเข้ามาเลย
รอแล้วรอเล่า รอ รอ รอ และรอ ก็ยังไม่โทรมา 1 วันก็แล้ว 2 วันก็แล้ว จนวันที่ 3 ตัดสินใจโทรไปถาม
ก็ได้คำตอบมาว่า................ "ผลตรวจเลือดผ่านค่ะ" มันเป็นอะไรที่ยกภูเขาออกจากอกจริงๆ
ถึงแม้เราก็รู้ว่าผลเลือดเรานั้นผ่านแต่ทีแรกอยู่แล้วล่ะ เพราะเราไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงเลย
และก็คิดว่าเพื่อนๆ ทุกคนที่เคยตรวจเลือดและรอผลตรวจเลือด ก็คงเป็นแบบนี้เช่นเดียวกันค่ะ

สรุปเป็นว่า ผลตรวจเลือดเราหายห่วง สบายใจได้ ที่เค้าไม่โทรบอกเนี่ย จงจำขึ้นได้เลยค่ะว่า ผลตรวจเลือดของเราผ่าน
เค้าจึงไม่ได้โทรมาบอก คิดในทางกลับกัน หากผลตรวจเลือดของเราไม่ผ่านเนี่ย เค้าจะรีบโทรมาแจ้งเราซะอีก ถูกไหมคะ

วันนี้ก็ดีใจสุดๆ เลยค่ะ รออีกไม่นานก็จะได้ตายแล้วเกิดใหม่แล้วล่ะ
2 อาทิตย์มันช่างเป็นเวลาที่รอคอยอยากให้มาถึงไวๆ ซะจริงๆ เลย ตื่นเต้น ดีใจ อยากให้วันๆนั้นมาถึงเร็วๆเลยล่ะค่ะ

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ1

ขออนุญาติพี่ส้มนำมาลงนะคะ
วันนั้น (เสาร์ ที่ 11 ก.พ. 2549) ก็นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงค่ะ ดิ้นไปดิ้นมาว่าจะเอายังไงดี รู้สึกไม่ดีเวลามองเห็นจูดี้ตัวเอง ก็เลยคิดว่าเราเข้าไปคุยกับหมอก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เข้าไปคุยจะได้รู้ข้อมูลมากยิ่งขึ้น เหมือนเป็นการศึกษาข้อมูลไปด้วยเรื่อยๆ พอดีมีเบอร์คลินิกหมอสุพรอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่เคยคิดจะโทรไป (เป็นคนไม่ค่อยกล้าโทรไปหาใครก่อน) แต่ก็ยังกดโทรศัพท์ไปที่คลินิกค่ะ กะว่าจะโทรถามราคาก่อน กะยังไม่ถามข้อมูลเชิงลึก คุยไปคุยมา ไม่รู้อีท่าไหน ไปนัดคิวเค้าเพื่อเข้าไปคุยกับคุณหมอเลยค่ะ ก็เลยนัดไปอีก 1 อาทิตย์ค่ะ นัดคุยวันที่ (เสาร 18 ก.พ. 49) ต้องก่อนเที่ยงค่ะ! ไม่งั้นคุณหมอไม่อยู่

เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์พอดี ไวเหมือนโกหก... ถึงเสาร์ที่ 18 ก.พ.49 แล้ว พอดีว่าก่อนวันเสาร์ที่จะนัดเป็นวันงานบายเนียร์ของคณะค่ะ งานเลิกดึก แถมน้องรหัสมานอนด้วยที่ห้องอีก พอเช้ามาก็ 8 โมงแล้วค่ะ ก็เลยชวนน้องรหัสไปด้วยกันเลยกับเพื่อนสาวดิชั้นอีกคน แล้วไหนจะอาบน้ำแต่งตัวอีกกว่าจะได้ออกห้องก็เกือบ 10 โมงแล้วค่ะ วันนั้นไปกัน 3 คนค่ะ มีดิชั้น เพื่อนดิชั้น และน้องรหัส พอเราพร้อมก็รีบวิ่งออกไปโบกแทกซี่ ถามราคาว่า ไปชลบุรีคิดราคาเท่าไหร่และให้รอรับกลับด้วยนะ รอไม่นาน 1-2 ชม. แทกซี่เค้าบอก 1,000 บาท โอเค ตกลง ไปโลดดด

รีบมากค่ะ เพราะว่าเราสายกันแล้ว พอไปถึงชลบุรีก็งงๆกับถนนหนทางนิดหน่อย แต่ก็ได้โทรคุยกับพยาบาลของคลินิกเป็นระยะๆ ค่ะ ก็บอกทางเรื่อยๆ ดีที่ว่าทางไม่ซับซ้อนมาก และอยู่ติดถนนใหญ่ ก็เลยทำให้ไม่ลำบากมากมาย จนไปถึงที่คลินิกเวลา 11.30 น. ค่ะ สุดยอดดดดดดดไปเลยค่ะ กลัวว่าจะมาสายมากๆ เพราะถ้าไปถึงเที่ยงปุ๊บ คุณหมอจะไม่อยู่แล้ว ดีนะที่เราไปทัน พอเข้าไปถึงในคลินิกปุ๊บ ต่างชาติเยอะมากค่ะ ส่วนใหญ่ก็คนไข้ของหมอสุพรทั้งนั้น

เข้าไปปุ๊บก็กราบสวัสดีคุณหมองามๆ 1 ครั้ง กลัวว่ากราบไม่งามเดี๋ยวคุณหมอจะทำจิ๊หนูให้ไม่งามไปด้วย อิอิ เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวไม่ทราบค่ะ แต่ก็เอาไว้ก่อน จิ๊จะได้สวยๆ นั่งคุยปุ๊บคุณหมอก็อธิบายต่างๆ นาๆ เปิดภาพประกอบให้ดูด้วยว่า เทคนิคที่คุณหมอทำเป็นอย่างไร ทำคลิสตอริสอย่างไร ช่องคลอดทำอย่างไร เอาส่วนไหนมาทำ อธิบายทุกอย่างค่ะ มีอะไรถามได้เลย อยากรู้ สงสัยอะไร ถามคุณหมอตอนนี้ได้เลยค่ะ แล้วคุณหมอก็จะมีถามนิดหน่อยค่ะว่า... ระหว่างความเหมือน กับความรู้สึก ต้องการอะไรมาอันดับแรก (ความจริงอยากเลือกทั้งสองเลยนะคะ ยังไงก็ต้องเลือกอันไหนมาก่อนค่ะ) ดิชั้นคิดว่าฝีมือของคุณหมอระดับนี้แล้ว ความเหมือนคุณหมอคงเก่งอยู่แล้ว ก็เลยขอเลือกความรู้สึกมาอันดับ 1 และความเหมือนมาอันดับ 2 ค่ะ

และสักพักคุณหมอก็จะถามพวกคำถามจิตวิทยาค่ะ ใช้ชีวิตแบบผู้หญิงมานานเกิน 1 ปีรึยัง?.. 4 ปีแล้วค่ะ , เริ่มอยากเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?... ตั้งแต่จำความได้ค่ะ , มีแฟนไหม?... เคยมีค่ะ , ทานฮอร์โมนเพศมานานรึยัง?... นาน 3-4 ปีแล้วค่ะ ถามอะไรอีกรึป่าวไม่แน่ใจ จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ แต่ที่ถามๆ ก็น่าจะมีแค่นี้แหละ...

อ้อ.. เพิ่มเติมหน่อย แล้วคุณหมอก็ถามเพิ่มว่า ต้องการความลึกเท่าไหร่ค่ะ ดิชั้นก็ตอบไปแบบสมน้ำสมเนื้อ
ซัก 6 นิ้วก็กำลังดีค่ะ... หมอก็บอกว่า โอเคดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป...
ความจริงเรื่องความลึกเนี่ย ของหมอสุพรท่านจะทำขั้นต่ำให้ได้ 6 นิ้วอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าขอบคุณจะเล็กแค่ไหน
ก็ทำขั้นต่ำให้ลึกได้ 6 นิ้ว เรื่องความลึกเนี่ยไม่ต้องห่วงนะคะ คุณหมอทำให้ได้อยู่แล้วค่ะ

ดิชั้นถามคุณหมอแล้วนะคะว่า ต้องไปพบจิตแพทย์เพื่อทำแบบทดสอบอะไรรึป่าว แต่คุณหมอบอกไม่ต้องค่ะ หมอบอกว่าหมอถามแค่นี้ก็โอเคแล้ว และคงบวกกับที่ดูสภาพร่างกายเรา ดูกริยามารยาท พูดจา และบรรลุนิติภาวะแล้ว คุณหมอจึงสอบถามเองเลยค่ะ ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ทีแรกนึกว่าจะต้องไปทำแบบทดสอบกับจิตแพทย์เสียอีก แล้วสักพักคุณหมอก็บอกว่า เดี๋ยวหมอขอตรวจหน่อยนะ แป๊บเดียว...

จากนั้น พยาบาลก็เดินเข้ามาแล้วบอกว่า "น้อง!คะ ถอดออก!!!" อิอิ ล้อเล่นๆ
พยาบาลบอกให้ถอดกระโปรงออกค่ะ ดิชั้นก็อายสิคะ พยาบาลคงเห็นว่าดิชั้นเคอะเขินก็เลยบอกว่า
"งั้นเดี๋ยวพี่เอาผ้าบังให้นะคะ พี่ไม่มองค่ะ น้องถอดแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงนะคะ"
ในที่สุดก็รวบความความกล้า ถอดกระโปรงออก แล้วก็โก่งตูดไปนอนบนเตียง เอ้ย! นอนหงายค่ะ
พยาบาลก็ค่อยๆ เอาผ้าคลุมมาปิดที่เราแก้ออกค่ะ แต่ชีก็ไม่ดูนะคะ โล่งไปหน่อย เพราะดิชั้นอายยยย
แล้วสักพักคุณหมอก็เดินมา เปิดผ้าออกดู แล้วก็ปิดผ้า แค่เนี่ย!!! ดูแป๊บเดียวจริงๆ
หนูก็นึกว่าคุณหมอจะดูนานกว่านี้นะเนี่ย 555... หมอดูเสร็จก็ปิดผ้า ดิชั้นก็ลงเตียงใส่กระโปรงตามเดิม
แล้วก็กลับมานั่งคุยกับคุณหมออีกนิดหน่อย

หมอก็บอกว่าดีนะหัวยังไม่เปิด (ว๊ายยยยยยยยยยยยย! อายจัง )
เพราะจะเอาบริเวณส่วนหัวนั้นมาทำเป็นคลิสตอริส หากยังไม่ได้ทำไรกะมันมาก่อน ก็จะดีมาก

และคุณหมอก็บอกหากจะแปลงเพศ ก็ให้หยุดยาฮอร์โมนก่อนแปลงเพศ 1-2 เดือน
(พอดียังไม่ได้นัด ต้องไปคุยคิว นัดคิวกับพยาบาลอีกทีค่ะ) ส่วนใครทานอะไรก็บอกหมอตอนนี้ได้เลยค่ะ

เสร็จปุ๊บ ก็ออกไปข้างนอก ไปคุยเรื่องนัดคิววันแปลงเพศกับพยาบาลอีกทีค่ะ
คือตอนแรกกะมาคุยปรึกษาหมออย่างเดียว คงยังไม่นัดทำค่ะ แต่ไปๆมาๆ ไหงกลายนัดวันทำไปแล้วเนี่ย 555
ตัดสินใจเร็วมาก เพื่อนดิชั้นยังงงค่ะว่า นัดทำแล้วเหรอ...

พยาบาลก็บอกคิวว่าได้ประมาณเดือน เม.ย.-พ.ค. นะคะ ดิชั้นเกรงว่ามันจะนานไป (แต่ความจริงก็ไม่นานแล้วนะคะ)
เพราะปกติคิวหมอสุพรจะนานกว่านี้ บางคนรอตั้ง 6-7 เดือนเลยค่ะ
ดิชั้นก็เลยถามพยาบาลว่า มีคิวไวกว่านี้ไหม พอดีจบปุ๊บก็อยากจะทำเลยค่ะ
เค้าก็ดูๆ คิวให้ แล้วก็บอกว่า เดือนหน้าพอได้ค่ะ วันที่ 27 มีนา'49 ดิชั้นก็ถามว่า เร็วสุดแล้วเหรอคะ มีไวกว่านี้ไหม
พยาบาลก็บอกว่า มีอีกวันก็ 23 มีนา'49 แค่นี้จริงๆ แล้วค่ะ... ดิชั้นก็ตกลงปลงใจโอเคโป๊ะเช๊ะวันนี้เลย
ก็นับจากวันที่ไปตรวจก็อีก 1 เดือนเองค่ะ ถือว่าเร็วมากค่ะสำหรับคิวของคุณหมอสุพร
เพราะปกติมันน่าจะต้องนานกว่านี้ ก็ดีใจค่ะที่ได้ทำเลย...

แล้วสักพักพยาบาลก็บอกนัดวันมาตรวจเลือดค่ะ ก่อนแปลงเพศอีก 2 อาทิตย์
และให้จ่ายมัดจำวันนี้ก่อนเลย โอ้แม่เจ้า!... หนูไม่ได้เตรียมมา
และมันก็กี่หมื่นจำไม่ได้แล้ว ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณ 30,000-50,000 บาท นี่แหละค่ะ
ก็เพราะพอดีว่าดิชั้นเพิ่งไปตัดสินใจที่คลินิกวันนั้นว่าจะผ่าตัด ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะนัดวันทำเลย
ก็เลยไม่ได้พกเงินเตรียมไปสักบาท ก็เลยคุยกับพยาบาลสาวของเค้าว่า เดี๋ยววันตรวจเลือดมาจ่ายได้ไหมคะ
พยาบาลตอบว่า "ได้ค่ะ ถ้ามาจ่ายวันตรวจเลือด ก็ต้องจ่ายทั้งหมด 150,000 บาทเลยนะคะ"
อึ้งคิดไปสักพัก... ก็ตกลง เพราะอย่างไรก็ต้องจ่ายค่าแปลงเพศก่อนวันผ่าตัดอยู่แล้ว
ไหนเค้าจะไปจองห้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลอีก ค่าห้องพักเราอีก
ดังนั้นอีกสองอาทิตย์ ถ้าจ่ายค่าแปลงเพศทั้งหมดก็โอเคแล้วล่ะ...

และวันนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นพิธีการพบหมอและตรวจร่างกายค่ะ ยังไงก็ต้องจ่ายค่าทำก่อนวันแปลงเพศค่ะ
เพราะหมอจะได้ไปจองคิวห้องผ่าตัดและห้องพักรอไว้ให้เราค่ะ ยังไงก็ต้องจ่ายเงินทั้งหมดก่อนวันแปลงอยู่ดี
หากใครนัดคิวก็ต้องมีเงินจ่ายค่ามัดจำไว้นะคะ ไม่งั้นคิวของคุณอาจจะหลุดลอยไปหาคนอื่นที่จ่ายเงินมัดจำก่อนก็เป็นได้

สรุปวันนี้ที่ไปคุย ถือว่าเป็นอะไรที่รวดเร็วมาก เพราะจากที่ยังไม่คิดจะนัดทำ ก็ได้นัดวันทำเลย
ก็พอดีว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์นั้นกำลังอยู่ในช่วงทำโปรเจคจบ และก็คาดเอาไปเองว่า
กลางๆเดือนมีนาคม ดิชั้นคงทำโปรเจคผ่านและจบแล้ว ก็เลยนัดทำไปก่อนเลย...

ช่วงเวลานี้ก็ทำโปรเจคให้ผ่านก่อน และรออีก 2 อาทิตย์มาตรวจเลือดและจ่ายเงินทั้งหมดค่ะ...
ยังไงเดี๋ยวจะมาเล่าต่อนะคะ วันนี้การคุยวันแรกและตรวจวันแรกได้ผ่านพ้นไป
ตอนแรกก็กลัวนะคะ คิดหนักเหมือนกันที่จะต้องมาเปิดให้หมอดู คิดหนักตั้งแต่ก่อนมาแล้วค่ะ
แต่พอผ่านไป มันไวมากๆจริงๆ ไม่มีอะไรให้คิดมาก แค่หมอเปิดดู แป๊บเดียวจริงๆค่ะ 3 วินาที แล้วก็ปิดผ้า
ไม่ได้นานอย่างที่คิด...

เด็กคนนี้ ร้องเพลงได้เข้าขั้นทีเดียว ยอมรับเลยค่ะ

beyonce live in BKK



เดินทางมาเมื่อคืน วันที่ 28 ตุลาคม พักอยู่แถวๆสาทรเนี่ยแหละ เตรียมขึ้น คอนเสิรตวันที่30 นี้ เด๋วมารายงานให้ฟังนะคะ อ้อ ใน MSN ก็เตรียมพรีวิวคอนเสิรตเหมือนกัน รอติดตามชมได้สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสได้ไปชมนะคะ


แถมรูปน่าชมมากๆ จากสาวน่ารักๆจากฮอลีวูด รักใครชอบใครก็อุดหนุนกันเองนะ อยากถ่ายบ้างจัง คงสวยไม่สู้เขาแน่

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ผู้เข้าชมขึ้นหลักพันแล้ว ไม่น่าเชื่อเลย ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้าเยี่ยมชมบล็อกนะคะ
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ยอดผู้เข้าชมขึ้นหลักพันแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ

ติดตามเรื่องครั้งหนึ่ง... ถึงคนที่เคยรัก ตอนล่าสุดได้ได้เร็วๆนี้นะคะ คาดว่าน่าจะก่อนวันที่24 กันยา
จะพยายามมาอัพรูปและเรื่องราวต่างๆค่ะ
เสร็จจากการสอบและงานที่แสนลำเค็ญ แสนเข็นไปแล้ว ทีนี้และจะลุยต่อให้จบเลยละคะ
เข้ามากันบ่อยๆนะคะ

รักทุกท่านค่ะ

R-Ka

the black eyed peas live in BKK 2007

ไม่ต้องพูดพล่ามสาธยายถึงหน้างาน ขอข้ามมันไปเลยนะคะ ก็แหมนะ…งานนี้เค้ามีแต่สาว เก๋ สวยเริ่ดกันทั้งนั้นเรยย โดยเฉพาะบรรดาสาวๆ ประเภทที่ชอบปาร์ตี้กันหลังสี่ทุ่ม และสาวๆ เอ่อแบบว่า ผิวเข้ม โชว์นมต้มหนีบมากะฝรั่ง ยืนซดเบียร์ฮวกๆ ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน...หน้างานนอกจากจะมีบู้ทเป๊ปซี่ที่เรียกความครึกครื้นด้วยการเล่นเกมส์แจกเสื้อ BEP เป๊ปซี่ ที่บังเอิ๊นๆ ไปเจอตลาดนัดแถวบ้าน ยกมาขายเป็นลังตัวละ 79 บาทถูกมั่กมากเลยค่า บู้ท Beyonce โปรโมทคอนเสิร์ต มีให้เข้าไปถ่ายวิดีโอร้องเพลงของสาวบี เล่นเกมส์ชิงบัตรคอนเสิร์ตด้วย ด้านเสื้อทัวร์ที่มาขาย น่าผิดหวังมากค่า.. หมวกเสื้อ 700-800 บาท มีของ Click Five ด้วยนะคะ อุตส่าห์เตรียมสะตังค์จะมาสอยแจ็คเก็ตแนวๆ Fergie ซะหน่อยก็ไม่มี

>>คอนเสิร์ตนอกปกติของที่นี่จะเริ่มเวลา 2030น. แต่ทุ่มห้าสิบ หนุ่มๆ Click 5 ก็ตะกุยกีตาร์ร้องแง้วๆ เล่นก่อนเวลาตั้ง 10 นาทีแน่ะ “Bankok make some noise!!” เสียงนาย Kyle นักร้องนำสุดหล่อของวงที่วันนี้หนีบกีต้าร์ไฟฟ้าอย่างเท่ ผิดกับโชว์เคสเมื่อวาน ลีลาของคุณน้องดุดันเหมือนกีต้าร์กิ๊บสันที่ตะกุยยังไงยังงั้น ตางี้...ถลึงเกลือกกลิ้งเป็นไข่นกกระทา แต่ก็ยังหล่อได้ใจอยู่ด้วยทรงผมที่ปรกปิดหน้า อยากไปซับเหงื่อเสยผมให้จังเลย

>>มาถึง Long Way To Go ก็เกือบจบซะละ ต่อด้วย Happy Birthday ซิงเกิ้ลใหม่ที่จะตัดแถบเอเชีย และ Empty ซิงเกิ้ลที่ 2 ของอัลบั้มนี้ ที่แอบคล้าย Coldplay ม๊ากมาก บรรยากาศในฮอล์สวยมั่กๆ เลยค่ะ สาวๆ ให้ความร่วมมือหยิบ cellphone หรือมือถือที่นาย Kyle แกร้องขอ โบกไปมาบนแสตน ส่วนพวกยืนบัตรแพงๆ นี่ คงตั้งใจมาแด๊นซ์ดู Bep จิงๆ แหละ ยืนซดเบียร์สิงห์แก้ว Gwen Stefani อยู่ข้างนอกนู่น แต่ก็ถือได้ว่านี่คือวงเปิดที่มีคนดูมากที่สุดเลยนะคะ

>>ก็แหมนะ... ของเค้าอิมพอร์ตนี่นา ไม่ใช่วงโนเนมที่ไหนหรือวงพี่ไทยที่จะดูเมื่อไหร่ก็ได้ซะเมื่อไหร่ ยิ่งเพลงของ Click Five เป็นพ็อพร็อคฟังง่ายๆ เด่นด้วยเสียงอิเลคโทนแบบยุค 80’ หรือจะดิสโก้ไปเลยก็มีเพลงจี๊ดๆ แบบ Headlight Disco เพลงโปรดของนาย Kyle ที่เก็บไว้เป็นไฮไลท์ของคอนเสิร์ตด้วยความที่เพลงนี้หนุ่ม Kyle แกบอกว่าเล่นแล้วมันส์ คนฟังรึก็หนุก แต่สงสัยคนจะไม่เก็ตแฮะ Jenny พอจะมีสาวๆ ข้างหน้าร้องได้บ้าง แต่ Cacth Your Wave ซิงเกิ้ลดังจากอัลบั้มที่แล้วนี่นาย Kyle เอ่ยปากให้ช่วยร้องหน่อย แต่ขอโทษ...เพลงนี้วิทยุบ้านเราไม่เล่นฮ่ะ แต่ก็ต้องขอชมว่า 5 หนุ่มเค้าเล่นกันได้ใจจริงๆ อัดซะ 10เพลงรวด 1 ชั่วโมงเต็มเล่นผิดกันลิบลับกับโชว์เคสเมื่อวาน อูยยN เกิดแน่นอนค่าคุณน้องขา เพลงก็ดีคนร้องก็หล่อ ยังไม่ดังก็ต้องถูกใช้งานหนักลิ้นห้อยเป็นธรรมดา เพราะอีตอนคอนเสิร์ตเลิก คุณพี่ออกมาก่อนตอน 2230. เห็นบู้ทขายซีดีของ Warner ประกาศปาวๆ ซื้อซีดี ซื้อเสื้อ รอรับลายเซ็นจาก 5 หนุ่ม Click Five มานั่งแจกกะมือได้เลย โฮ่ะๆ โปรโมทกันสุดฤทธิ์เลยนะเค่อะ


>>2100น. ไฟดับ อินโทรขึ้นมาแล้ว เจ๊เฟอร์ Fergie เอาสะดือกับสะโพกโยกเอวขึ้นจอยักษ์ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดๆๆ แล้วก็กรี๊ด ของสาวก อีก 3 คุณพี่ Will.I Am, Taboo, Alp De Ap งี้ก็วาดเสต็ปโชว์ลีลาแต่ละดึ้บเรียกเสียงกรี๊ดซ้า เปิดตัวด้วย Hey Mama แต่ก็ต้องพ่ายให้กับ ท่าจับนมเขย่าขึ้นจอยักษ์ด้านหลัง (นึกภาพเสื้อที่เฟอร์ใส่ประกอบ) สะใจหนุ่มๆ เป็นยิ่งนัก...แบงคอกกกก เสียงคุณพี่ Will.I Am กล่าวทักทายยกมือไหว้ง๊ามงาม กล่าวคำว่า “สวัสดีครับ” และส่งมุขเอาใจพี่ไทย “สวัสดีครับ” “สวัสดีครับ” มือทำท่าแสครชแผ่นซะ 2 จึ้ก “แบงคอก Best place in Asia is here in ไต้ย์แลนด์” ดูท่าพี่วิลจะญาติดีกะเมืองไทยม๊ากมาก ก็เล่นมาครั้งนี้ครั้งที่ 3 แล้วนี่คะ มามันทุกเวิล์ดทัวร์ ตั้งแต่เริ่มดัง จับเอาสาว Fergie มาแทนสาวร้องแบ็คอัพคนก่อนชื่อ Kim Hill ไล่มาตั้งแต่ Elephunk Tour – 2004 ,Monkey Business Tour - 2006 และครั้งนี้กับ Black Blue And You Tour ที่เป็ปซี่เป็นสปอนเซอร์หลักร่วมกับ BEC TERO ผู้จัดระดับโปร ที่เคยพาพี่ช้างพี่ลิงมาให้สาวกไทยได้ดู สดๆ ร้อนๆ ไปเมื่อเดือนกค.ปีที่แล้วนี่เอง คอนเสิร์ตนี้ความที่มีมาติดๆ บิ๊กๆ ทั้งน้านถึง 3 คอนเสิร์ตรวด คนดูก็เลยประมาณกลางแค่ 80% เหลือพื้นที่โล่งๆ ให้ยืนเต้นตรงไหนก็ได้

>> Dump Diddly มีผู้ชายตัวอ้วนกลม ขึ้นมาช่วยแร็พด้วยค่ะ ต๊กกะใจหมด ก้านคอคลับก็ไม่ใช่ นึกว่า BEP ไปรับ Sean Kinston มาเป็นสมาชิกคนใหม่ซะอีก ?? “เมื่อกี๊บอกไปว่าไทยแลนด์คือประเทศที่เจ๋งที่สุดในเอเชียของพวกเรา เพราะอะไรรู้แมะ” ดูพี่วิลแกหาเรื่องเข้าเพลงสิคะ “เพราะ เพราะ..you guy tha best girl in asia มอบเพลงนี้ให้สาวๆ ที่นี่ไปเลย My Hump ชะอุ๊ย!!! มีแด๊นเซอร์นวยนาดออกมาโชว์ hump ด้วย ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าครั้งที่แล้วที่เจ๊ Fer เธอบังคับให้นมเขย่าเองได้ นอกจากคนจะคอยจ้องดูเจ๊ Fer ที่มาครั้งนี้ ท้องไม่เหี่ยวเหมือนงวดที่แล้ว หน้าก็อัดคอลลาเจนมาอย่างดี นี่ขนาด 32 เองนะเนี่ย ค่อยสมกับเป็นเจ้าของซิงเกิ้ลอันดับ 1 บิลบอร์ดตั้ง 3 เพลงหน่อย

>> Shut Up เพลงนี้เป็นการร้องง้องอนกันของเจ๊ Fer กับเฮีย Will ขอบอกว่าหมั่นไส้ปนฮาอีเจ๊ Fer มากๆ เธอใส่แอ็คติ้งเข้ามาในเพลงด้วยค่ะกลัวไม่รู้ว่าฉันน่ะเล่นหนังมาแล้วนะ ถึงบทจะน้อยและโดนน้ำซัดก็เหอะ กล้องก็ซูมหน้าขึ้นจอแบบชนิดที่ว่า ต๊ายดูสิ Fergie โกรธมาก Fer งอน น้อยใจสุดๆ Fer น้ำตาปริ่มกำลังจะร้องไห้ ฮือๆ ไม่นะ อย่าร้องนะ อ๊าย Fergie ตีลังกาด้วยมือข้างเดียว มือถือไมค์ปากก็ร้อง “Stop the talking baby,or I start walking baby ,Is that all there is” ทีละ 3 ตลบ ไปกลับ รวมเป็น 6 อึ้งไปเลยสิคะ

>>คุณพี่ Will I Amยังอยู่ต่อด้วยเพลง Gone Going จากนั้นก็เข้าสคริปต์ที่เตรียมมาหาว่ามีข่าวร้าย Bep วงแตก แต่ไม่ได้แยกวงคร้าบบ ขอบคุณที่ช่วยกันสนับสนุนอัลบั้มของ Fergie แล้วคุณพี่ก็นำสนอขายของ แนะนำโซโล่ของตัวเองด้วยซะเลย นี่ละคร้าบเพลงของผม I Got It From My Mama ขอบอกว่า 3 สาวแด๊นเซอร์ผิวสีที่ทำหน้าที่ร้องท่อนคอรัสของพี่วิลไปด้วยเนี่ย แม่ให้มาน้อยมากๆ จิงๆ ^_^!

>> อุ๊ยเจ๊ Fer เปลี่ยนชุดนวดนาดนุ่งสั้นสวมมงกุฏหยั่งกะเชียร์ลีดเดอร์ออกมากับช่วงโซโล่ของตัวเองร้อง Big Girl Don’t Cry ที่หลายคนทำเนียนร้องตามกันได้ด้วยช่วงคอรัส เจ๊คุยว่า ขอแอ็บแบ๊ว…อ๊ะไม่ใช่สิ...“ไง ? เดี๊ยนดู girly มะ จะได้เข้ากะเพลง Glamorous ไงล่ะ”… ขอบอกว่าเพลงนี้ขึ้นต้นมาใช้แบ็คกิ้งแทร็คเยอะมากกว่าครึ่งค่อนเพลง จนไอ้เราเกือบนึกว่าเจ๊ลิปซะแล้น แต่พอถึงช่วงที่ต้องใช้เสียงเต็มสตรีมขึ้นมา Fergie ก็ไม่แพ้ดิว่านางไหน .

>>...”ปาร์ตี้ยังไม่จบนะขอบอก” พี่วิลโฆษกหน้าทะเล้นของวงขอเสียงสาวกซะหน่อย ..“ได้ข่าวว่าคนที่นี่เค้าปาร์ตี้กันตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 7 โมงเช้า” โห+++ ความรู้ใหม่เลยนะคะเฮีย ช่วงนี้ล่ะค่ะที่ขาแด๊นซ์เริ่มซากันละเพราะพี่เล่นย้อนอดีตขุดเอาเพลงสมัยปี 1998 “Que Dices” ไล่เรียงไปถึงแร็พหูดับตับไหม้กับ Falling Up ที่หยิบเอาเพลง Seven Nation Army ของ The White Stripe มาแซมเปิ่ล มีเจ๊ Fergie ขึ้นไปยืนเล่นกีตาร์ที่ดูยังไงเจ๊ก็เล่นไม่เป็น เต๊ะจุ๊ยอยู่กลางเวทีให้ดู ... “เป็นงาย ลีลาเล่นกีต้าร์เฟคๆ ของชั้น ร็อคได้ใจดีไหม”… บลาๆ อีเจ๊พยายามพูดด้วยสำเนียงอังกฤษ พูดเองก็บ่นเองว่าสำเนียงอังกฤษตัวเองไม่ได้เรื่องเลย แต่ก็ใช่ว่าจะร้องเพลงนี้ไม่ได้ซะเมื่อไหร่เข้าเพลง London Bridge ที่ร้องเป็นภาษาคนฟังรู้เรื่องมากกว่าคอนเสิร์ตครั้งที่แล้วตอนอัลบั้มออกใหม่ๆ เยอะเลย อ๊ะ! เข้าช่วงโซโล่ของเจ๊อีกแล้ว เจ๊บอกว่าชอบผัดไทยใส่กุ้งมากค่ะ ของเจ๊ต้องหนักพริกออก spicy นะค๊า ทุกคนหิวไหม? แหมเข้าเพลงอีกแล้วเนี่ย Fergielicious นี่เอง ขอบอกว่าเพลงนี้จะมันส์มากๆ ถ้าร้องตามอีเจ๊เธอได้ แต่ก็ไม่มีใครร้องได้ อันนี้ขอชมด้วยความปลาบปลื้มเลยว่า Fergie ร้องได้เหมือนซีดีมั่กๆ ต่อด้วย More เพลงโฆษณาเป็ปซี่ ปิดท้ายด้วย Don’t Phunk With My Heart ที่สาวกออกเสต็ปแด๊นซ์กันใหญ่ เพลงจบเท่านั้นแหละ ทุกคนก็ทำทีเป็นร่ำลา โดยพี่ Will I Am ตีหน้าเศร้าบอกว่า เพลงสุดท้ายแล้วพวกเราต้องรีบขึ้นเครื่องไปอินโดต่อ ว่าแล้วก็ลาไปดื้อๆ

>> พี่ wil ทำแสบมากนะคะ เกือบหลงกลอารามที่รีบกลับก่อนเพราะกลัวรถติด เกือบไม่ได้เห็นคลื่นมหาชนส่งเสียงเรียกก็แล้ว ปรบมือก็แล้ว ดังสนั่นลั่นอิมแพ็คได้ใจมากๆ ทั้งๆ ที่ไฟก็ยังดับ ไม่ได้ทำเนียนเปิดไฟไล่ 5 นาทีผ่านไปน๊านนาน ทั้ง 4 พร้อมนักดนตรีก็ยกพลกันขึ้นให้ทีมงานแด๊นเซ่อร์แต่ละคนวาดลวดลายอย่างฮา แด๊นซ์กันต่อด้วย Pump It ส่วนตัวเองก็ขอลามันซะตั้งแต่ตรงนี้ โดยที่คนข้างๆ เกิดคำถามขึ้นว่าทำไม Fergie ร้องโซโล่อยู่คนเดียว อะไรจะรักกันขนาดน้าน ก็แหม คุณพี่ Will.I.Am แกเป็นโปร์ดิวเซอร์ และเจ๊เฟอร์ก็เป็นศิลปินเบอร์แรกของ Will.I.Am Music Group ที่เบอร์ต่อๆ ไปที่จะออกเร็วๆ นี้ ก็มีคิวของพี่ Apl's กะ Taboo อยู่ด้วย รักกันม๊ากๆๆ ค่ะ Black Eyed Peas เนี่ย นี่ถ้างวดหน้ามาทัวร์เมืองไทยเพราะตา 2 คนนี่ออกอัลบั้มอีกถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากันอีกทีเพลงดีก็ว่ากันไป แต่คอนเสิร์ตครั้งนี้ ถ้าพูดถึงความมันส์ อ๊ะยกนิ้วให้

The Click Five set list
1.Long Way To Go
2.Happy Birthday
3.Empty
4.Just The Girl
5.Addicted To Me
6.? ที่มือเบสร้องอ่ะ
7.When I’m Gone
8.Catch Your Wave
9.Jenny
10.Headlight Disco

The Black Eyed Peas set list
1.Hey Mama
2.Dum Diddly
3.My Humps
4.Bebot
5.Don’t Lie / Sweet Child O’ Mine 1 นาที
6.Shut Up
7.Gone Going
8.I Got it From my Mama (Will.i.am solo)
9-10.Big Girls Don’t Cry / Glamorous (Fergie solo)
11.Que Dices / Hands Up 40 วิ
12.Mas que Nada
13.Fallin Up
14-15. London Bridge / Fergilicious (Fergie solo)
16.More (Pepsi Song)
17.Don’t Phunk with my heart
--Encore---
18.Pump It
19.Where is the Love?
20.Let’s Get it Started

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2550

อ่านดวงมา ของตัวเอง โดนจริงๆ


ราศีสิงห์ - ผู้หญิง (15 ส.ค. -14 ก.ย. )

ผู้หญิงที่โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน สาวราศีสิงห์มักตัวสูง หรือค่อนข้างสูง เราจะไม่ค่อยเห็นสาวราศีสิงห์ เตี้ย สั้น หรือตันๆ... เธอเดิน อย่างสง่าผ่าเผย มั่นใจทุกย่างก้าวแบบนางพญา ไม่ว๊อกแวีกมองซ้ายแลขวา อย่างกับว่าไม่มีใครอยู้ข้างๆด้วยซํ้าไปเธอจะแต่งตัวใบแบบฉบับของเธอ แต่ตามสมัย เธอมั่นใจเรื่องการเลือกเสื้อผ้า และการแต่งตัวมาก อย่าซื้อเสื้อโหล หรือแบบ 3 ตัวร้อยให้เธอเป็นของขวัญ เธอเกลียดของแบบนั้น อย่าซื้อเสื้อผ้าที่ดูแล้วไม่ใช่ตัวเธอเลย เธอชอบเสื้อ เครื่องประดับ แปลกๆ ไม่ซ้ำ ไม่โหล การที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนคือสิ่งที่เธอชอบถ้าอยากรู้จักสาวราศีนี้ ต้องใจเย็น เพราะเธอระวังการคบหา หรือสนิทกับใครสักคนมาก เธอเป็นคนเปิดใจกว้าง แต่ไม่เปิดโอกาสให้ คนใกล้ชิดเธอได้ง่ายๆ เธอชอบคำชม คำพูดหวานๆ แต่ไม่มากนักมันเลี่ยนเธอยิ้มให้กับทุกคน แต่ลึกๆเธอคิดว่า เธอเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ เธอชอบที่จะเป็นคนคุมสถานการ์ณ เพราะมันเป็นสัญชาติญาณของเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่สง่า มีเสน่ห์ดึงดูดสูง ดังนั้นอยากได้เป็นแฟน ต้องลงแรงเพราะคู่แข่งเยอะหน่อยสาวผู้เย่อหยิ่ง อย่าไปลองความมั่นใจของเธอเด็ดขาด เวลาโมโหเหมือนพายุ เฮอร์ริเคนดีๆนี่เอง แต่พอลืมแล้ว ก็คือแมวน้อยตัวเล็กๆ ที่น่ารักอีกครั้ง แต่อย่าเชื่อว่าเธอเป็นลูกแมวเสียล่ะ... เธอเป็นคนจำอะไรได้นานๆ เธอชอบความจำที่หวานชื่น ดังนั้น หากวันหนึ่งคุณไปเจอ รูปของเธอกับแฟนเก่า หรือจดหมายรักเก่าๆที่ทำให้อยากอ้วกแตก ก็เข้าใจเธอหน่อย รูปเก่าๆพวกนี้ ไม่ได้แปลว่า เธอยังรักแฟนเก่า เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงสาวที่มีผู้ชายตามจีบตลอด หากคุณเป็นคนมาจากตระกูลดี นามสกุลดัง หรือตำแหน่งดีหรือสูง ก็นำหน้าคนอื่นไปหลายก้าว เธอไม่ชอบความจน เพราะเธอคิดว่า ความรักจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟไม่ได้เธอเป็นคนชอบกีฬา หรือเป็นนักกีฬา หากอยากจีบสาวราศีนี้ เตรียมเงินในกระเป๋าเยอะหน่อย มื้อแรกที่พาออกเดท พาไปกินอาหารจานด่วน หรือกล่องโฟมไม่ได้เด็ดขาด แต่ต้องเป็นที่หรู ดังที่สุดในเมือง ถึงจะดีพอ... เธอไม่ใช่คนงก หรือมักได้ ดังนั้นเธออาจซื้อของขวัญให้คุณ แพงกว่าของที่คุณให้เธอเสียอีก... เธอชอบความ หะ-หรู-หะ-หรา ไม่ชอบของถูก หรืออาหารถูกๆ หากคุณไม่ใช่ลูกคนมีเงิน หรือหาเงินได้มากๆ ก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรร หาของแปลกให้เธอแทนของแพง ของแปลกที่คุณลงแรง ทำออกมาได้ไม่ซั้าใคร ดูดี ก็ทำให้เธอซึ้งใจได้ คุณสามารถคิดอย่างประหยัดได้ แต่ว่าจะงก หรือเป็นพวก Cheap กับเธอไม่ได้เด็ดขาด

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ไปใบหยกกันมาหรือยัง

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม อาร์มีโอกาสได้ไปอาคารใบหยก 2 มา อาคารใบหยก 2 เป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 309 เมตร จุดชมวิวในอาคารอยู่ที่ชั้น 77 และจุดชมวิวนอกอาคารชั้น 84 มีทั้งหมด 88 ชั้น

Zone ของอาคารใบหยก2

ชั้นที่ 1-4 เป็นศูนย์การค้าเสื้อผ้า
ชั้นที่ 5-11 เป็นที่จอดรถ
ชั้นที่ 12-16 ไม่ทราบอ่ะค่ะ
ชั้นที่ 17 เป็น Rainbow Hall เป็นห้องประชุม, ห้องจัดเลี้ยง ฯลฯ
ชั้นที่ 18 เป็น Lobby ค่ะ
ชั้นที่ 19 และ 21 ไม่ทราบอ่ะ
ชั้นที่ 20 เป็นสระว่ายน้ำและฟิดเนส เซ็นเตอร์
ชั้นที่ 22-74 เป็นโรงแรม
ชั้นที่ 75 ไม่ทราบอ่ะ
ชั้นที่ 76&78 เป็นร้านอาหารชื่อว่า Bangkok Sky Restaurant
ชั้นที่ 77 เป็นจุดชมวิวในอาคาร
ชั้นที่ 79 เป็นร้านอาหารจีนชื่อ Stella Palace Chinese Restaurant
ชั้นที่ 80-82 ไม่ทราบอ่ะ
ชั้นที่ 83 เป็น Roof Top Bar & Music
ชั้นที่ 84 เป็นจุดชมวิวนอกอาคาร
และชั้นที่ 85-88 ไม่ทราบอ่ะ


ข้อมูลเกี่ยวกับอาคาร* ตัวอาคารมีความสูง 309 เมตร เทียบเท่ากับคน 82 ต่อตัวกันขึ้นไป* มีบันไดตั้งแต่ชั้นล่างสุดถึงชั้นบนสุด 2,060 ขั้น ใช้เวลาเดินขึ้นไปกว่า 1 ชั่วโมง * หน้าต่างมีจำนวนทั้งสิ้น 1,740 บาน เท่ากับหน้าต่างของตึกแถวรวมกันกว่า 200 คูหา * เสาเข็มตึกเจาะลงใต้ดินที่ความลึก 65 เมตร หรือตึกถึง 22 ชั้น* พื้นที่ใช้สอยภายในตัวอาคารคิดเป็น 179,400 ตรม. จะเท่ากับพื้นที่สนามฟุตบอล 30 สนาม

ชื่อร้านอาหาร
ภัตตาคารจีนสเตลล่า พาเลซ ชั้น 79 โรงแรมใบหยกสกาย
รายการอาหาร
หมูหันฮ่องกง เป็ดปักกิ่ง ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว ซุปเสฉวน สาคูแคนตาลูป และบุฟเฟต์ติ่มซำ
ความประทับใจ
อาหารอร่อย เป็นอาหารจีนสไตล์ฮ่องกง บรรยากาศเป็นส่วยตัว เห็นวิวกรุงเทพฯ มุมสูงทุกโต๊ะ เฉพาะเสาร์-อาทิตย์ มีบุฟเฟต์ติ่มซำลอยฟ้า ราคา 300 บาท
สถานที่
โรงแรมใบหยกสกาย (ใบหยก 2) อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย , เปิดบริการ : 18.00-23.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.00-14.00 น. มีบุฟเฟต์ติ่มซำลอยฟ้า


ชื่อร้านอาหาร
ห้องอาหารบางกอกสกาย ชั้น 76, 78 โรงแรมใบหยกสกาย
รายการอาหาร
บุฟเฟต์นานาชาติทั้งคาว-หวานกว่า 100 ชนิด กลางวัน 310 บาท เย็น 410 บาท
ความประทับใจ
อาหารอร่อยดี วิวสวยมาก กลางวันถ้าอากาศดีจะเห็นภูเขาจ.ชลบุรี ด้วยตาเปล่า ส่วนตอนเย็นโรแมนติกสุด ๆ แสงไฟระยิบระยับสุดลูกหูลูกตา
สถานที่
โรงแรมใบหยกสกาย (ใบหยก 2) อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย , เปิดบริการ : กลางวัน 11.00-14.00 น. เย็น 17.30-22.00 น.

when i was young

when i was young
like a boy

จัดให้เต็มๆ

จัดให้เต็มๆ
มองไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนน่ารักไง คนไรก็ไม่รู้