ขอน้อมอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

เว็บนี้สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว



ร่วมเติมเต็มทุกหัวใจของคนที่มีรักได้ที่นี่

แล้วคุณจะรู้ว่า
ปรารถนาจะเป็นผู้สั่งการ
หัวใจคือผู้เร่งเร้าให้รุ่มร้อน
เรือนกายคือผู้ปฏิบัติตามปรารถนา
ทุกสิ่งจะเป็นไปตามครรลองของมันเองทุกประการ

ที่นี่จะรวมบทวิจารณ์ รวมถึงข่าวสารสาระที่เป็นประโยชน์ต่างๆไว้
โดยเฉพาะที่มาจากความคิดเห็นของผู้แต่งเอง
ทั้งนี้ผู้แต่งจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆ อันเกิดจากการนำข้อความดังกล่าวที่ปรากฏในบล็อกไปใช้อย่างไม่เหมาะสม
เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น ติชม กันเยอะๆนะคะ
ขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ด้วยความปราถนาดี

R-ka



ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าชมได้อีกบล็อกนึง คือ

http://www.rka-state.vox.com/


Mariah Carey - Bye Bye

lay on my high-heels

lay on my high-heels
งานบายเนียรปี2008 ค่ะ

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เล่าบรรยากาศการแปลงเพศ9

วันถอดสายฉี่ออกแล้ว"




ตอนนี้ก็กลับมาอยู่ที่ห้องของตัวเองแล้วค่ะ ก็ได้แต่นอนอย่างเดียว
ห้องน้ำก็ไม่ต้องเข้า นอนสบายเลย เพราะว่ามีถุงปัสสาวะส่วนตัว ไม่ต้องเดินเเข้าห้องน้ำให้เหนื่อยเลย อิอิ

ส่วนเรื่องอุจจาระนี่ ไม่ต้องพูดถึงค่ะ มันขี้ไม่ออก 555
ดิชั้นโทรไปถามคุณหมอมาเลยค่ะว่า มันเหมือนจะปวดอึ แต่มันอึไม่ออก
คุณหมอก็บอกว่า ถ่ายได้ แต่ห้ามเบ่งมาก
ดิชั้นก็โอเคค่ะ เข้าห้องน้ำแล้ว ไม่เบ่ง! แล้วขี้มันจะออกมั้ยเนี้ย
ความรู้สึกมันคือ หนักๆ หน่วงๆ เหมือนมีอะไรอัดแน่นอยู่แถวบริเวณนั้น
ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ค่ะว่ามันมีอะไรอยู่... ก็เลยไม่ได้ถ่ายค่ะ กลับมานอนตามเดิม

อยู่บ้านตัวเอง 2 วัน พอครบ 2 วันละเดี๋ยวกลับไปชลบุรีอีกที
เพราะถ้าทำครบ 7 วันแล้ว จะต้องถอดสายปัสสาวะออกแล้วค่ะ
ก็ได้แต่ทานยาเอง เพราะคุณหมอมียามาให้พร้อมครบเลยค่ะ
ไม่ว่าจะยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาพาราลดไข้ ปวดก็กินเลยค่ะ หายปวดเลยล่ะ

2 วันนี้ไม่มีอะไรค่ะ นอนพักฟื้นอย่างเดียว สลบไสล ยังทำความสะอาดแผลอะไรไม่ได้ค่ะ
เพราะว่ายังไม่ได้เอาสายฉี่ออก และอะไรที่อัดแน่นอยู่ในช่องคลอดอีกค่ะ






ผ่าตัดครบ 7 วัน


วันเดินทางไปถอดสายปัสสาวะออก...
วันนี้นัดเวลาไว้ช่วงบ่ายค่ะ ความรู้สึกของดิชั้นช่วงนี้คือ อาการมีไข้เล็กน้อย กินอะไรไม่ค่อยได้ด้วย
ท้องว่างมาได้ 4-5 วันแล้วค่ะ เพราะกระเพาะอาหารแทบจะไม่อยากรับอะไรเข้าไปเลย
ก่อนออกไปพบคุณหมอ ก็เลยซัดยาคูลท์ไป 2 ขวดค่ะ แล้วทานยาตามเข้าไป
จะบอกว่ามันไม่เป็นสิ่งดีเลยค่ะ เพราะพอรถออก นั่งรถไปได้สักพัก อาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียนมันถามหานะสิคะ
พูดง่ายๆว่า มันพะอืดพะอม อยากจะอ้วกออกมานั่นเองแหละค่ะ

นั่งรถไปได้สักพัก อาการเริ่มไม่ดีแล้วค่ะ รู้ตัวแล้วล่ะว่า อีกสักพัก "อ้วกพุ่งแน่ๆ"
ดีนะคะ ดิชั้นมีถุงก๊อบแก๊บส่วนตัวพกติดไว้ค่ะ สังหรตั้งแต่ก่อนขึ้นรถว่าอาจจะมีอาการแบบนี้เกิดขึ้นได้
สักพักก็มาแล้วค่ะ... "อ๊วกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!"

... เต็มถุงเลยกู...





พี่คนขับรถหันมามองด้วยความตกใจ แกคงจะกลัวค่ะว่า ดิชั้นจะไปอ้วกใส่รถแก 555
แต่ดิชั้นเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีค่ะ อ้วกดิชั้นเลยไม่ได้เจิมรถพี่แกแต่อย่างใด (แหม๊!!! น่าจะเจิมให้เป็นศิริมงคลเน๊อะ!)
สิ่งที่ดิชั้นเห็นอยู่ในถุงคือ ยาคูลท์ ที่ดิชั้นเพิ่งทานไปสักครู่นั่นเอง ทานไป 2 ขวด ก็ออกมาแค่นั้นแหละค่ะ
รวมกับยาที่ทานไปนั้นก็ออกมาด้วย สรุปว่าไม่มีอะไรออกมาอีกแล้ว เพราะหลายวันนั้น ดิชั้นไม่ได้ทานอะไรลงไปเลย
คุณเพื่อนก็เลยเอายาดมมาให้ดมค่ะ แล้วก็หลับไปเลย

พออ้วกหมดไป ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ได้แต่นอน นอน นอน สลบอยู่เบาะหลังเลยค่ะ
อาการมันไม่ได้ดีขึ้นค่ะ กลับรู้สึกวิงเวียนศีรษะ มึนๆ ก็เลยขอนอนหลับซะเลย
ตอนอยู่บนรถก็ต้องนอนตะแคงนะคะ นั่งไม่ได้เลย ไม่อยากให้แผลผ่าตัดมันกดทับแน่นค่ะ
ก็ได้แต่นอนตะแคง...

ตื่นมาอีกทีก็ถึงชลบุรีแล้ว งัวเงียๆลุกขึ้นมา อาการก็ดีขึ้นกว่าเดิมนิดนึง แต่ไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ เพลียๆ
อยากนอนตลอดเวลา เพราะตั้งแต่อยู่ในโรงพยาบาลและออกจาก รพ.แล้ว ก็ยังคงนอนเกือบตลอดเวลา
ความรู้สึกของมันจะเป็นแบบว่า ไม่ค่อยจะอยากไปไหนค่ะ อยากนอน นอน และก็นอน



...ถึงคลินิก...
ก็เดินเข้าคลินิกคุณหมอสุพรค่ะ เข้าไปก็นอนที่โซฟารอ พี่พยาบาลก็ใจดี เอาผ้าห่มมาให้ค่ะ
จะได้คลุมขาไว้ นอนรอได้สักพัก พยาบาลก็เรียกเข้าห้อง 'เพื่อจะเอาสายฉี่ออกกันแล้วค่ะ
เข้าไปในห้องนั้นปุ้บ พี่พยาบาลก็บอกให้ขึ้นไปนอนรอบนเตียงค่ะ เค้าจัดไว้พร้อมหมดแล้ว
แล้วก็บอกให้ดิชั้นถอดกระโปรงออก โอเค ถอดออกอีกแล้ว (โป๊ให้เค้าเห็นอีกแล้ว)
แก้อีกแล้วววว แล้วแอร์ก็หนาวด้วยสิ ก็เล่นเปิดแอร์ 24 องศาด้วยนะคะ (เค้าบอก) ดิชั้นก็หนาวสั่นแหงกๆๆๆๆๆ
จนทนไม่ไหว ก็เลยบอกพี่เค้าว่าหนาว แล้วไม่ค่อยสบายด้วย กลัวว่าเดี๋ยวไข้จะขึ้น ช่วยปิดแอร์หน่อย
เค้าก็เดินไปปิดค่ะ สักพักพี่พยาบาลอีกคนนึงมา ก็บอกว่า ปิดไม่ได้ ใครบอกให้ปิด
พี่คนนั้นก็บอกว่าอิชั้นหนาว ไม่ไหว กลัวจะไม่สบาย เค้าก็เลยอธิบายให้ฟังว่า
ปิดไม่ได้ค่ะ และต้องเปิด 24 องศาด้วย ไม่เช่นนั้นกลิ่นมันจะออกค่ะ ต้องเปิดความเย็นระดับนี้
กลิ่นมันจะได้ไม่โชยขึ้นมาบ้างบนระดับจมูกค่ะ (อันนี้จากที่เค้าบอกนะคะ)
ดิชั้นก็เลยต้องทนกับความเย็นนั้นต่อไป หนาวก็หนาว สั่นก็สั่น กลัวไข้จะขึ้น แต่ก็ต้องทน

สักพักคุณหมอเดินเข้ามาค่ะ แล้วก็เริ่มกันเลย...
เริ่มแรกจากเอาสายปัสสาวะออกค่ะ โดยให้เรานอนยกชันขาสองข้างขึ้นก่อนค่ะ
คุณหมอทำอะไรไม่รู้อยู่สักพัก แล้วสักพักก็รู้สึก "อุ่นว๊าบบบบบบบบบบบบบบ" ขึ้นมาค่ะ
ถอดออกเรียบร้อยแล้ววววว หมดไปสักทีกับถุงปัสสาวะคู่ชีพ ทีนี้คุณหมอก็คลุกคลิกๆอยู่กับจิ๋มดิชั้นค่ะ
สักพักก็ทำอะไรไม่รู้ตรงบริเวณนั้น แล้วอยู่ๆก็ดึงอะไรไม่รู้ออกมา 'พรึดดด พรืดดดดด พรื้ดดดดดดดดดดดด'
ดิชั้นก็ตกใจ มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนตรงบริเวณช่องคลอดจากที่มันอัดแน่นๆ เหมือนมีอะไรอยู่นั้นมันโล่งขึ้นค่ะ
ก็ลองมองดูว่าหมอเอาอะไรใส่เข้าไป...

อ๋ออออออออ ในที่สุดก็รู้สักทีว่าอะไรอยู่ในช่องคลอดค่ะ
คุณหมอเอาถุงยางอนามัย(เยอะมาก) มัดต่อกัน แล้วก็ยัดไปในช่องคลอดค่ะ
เดาว่าที่ทำเช่นนั้นก็เพื่อ ป้องกันการตีบตันของช่องคลอดค่ะ
ตอนคุณหมอดึงออกมาเนี่ย แกคีบออกมาค่ะ เยอะมาก
ถึงว่าเถอะ ตอนเรานอนพักฟื้นถึงรู้สึกอึดอัดบริเวณนั้นมาก เหมือนมีอะไรอัดแน่นอยู่
พอเอาออกหมดก็โล่งเลยล่ะค่ะ สบายจิ๋มกันเลยทีเดียว 555

แล้วสักพักคุณหมอก็เอาสลิงใส่น้ำแล้วก็ล้างให้ค่ะ ฉีดล้างบริเวณภายนอก
แล้วก็ฉีดล้างบริเวณภายในช่องคลอดให้ เย็นเสียววววว ว๊าบบบบบบบบบ กันเลยค่ะ
ล้างอยู่นานเหมือนกัน แอร์ก็เย็น จิ๋มก็เย็น แทบจะเป็นจิ๋มแช่แข็งกันละ 555

ทีนี้คุณหมอก็ตรวจเช็คนิดหน่อย แกตรวจเช็คช่องคลอดนะคะ

พอล้างเสร็จ ทีนี้คุณหมอก็จะสอนวิธีการแยงโมลแล้วค่ะ
ทีนี้จากที่ชันขาขึ้น ตอนนี้ให้เอาขาลงค่ะ เหยียดราบไปกับเตียง แยกขาออกนิดหน่อย
คุณหมอก็สอนค่ะว่า ช่วงแรกนี้ให้เอาโมลใส่ถุงยางอนามัยที่ทางคลินิกเตรียมไปให้ในกระเป๋าวิเศษ
ขอบอกว่า เค้าให้ถุงยางอนามัยไปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ค่ะ
คุณหมอหยิบถุงยางใส่โมล แล้วก็เอาเจลทารอบๆแท่งโมลที่ใส่ถุงยางนั้น...



แล้วก็เริ่มจะแยงโมลแล้วค่ะ......

เริ่มจาก เอาไปจ่อปากทางช่องคลอด และค่อยๆดันเข้าไป ดันเข้าไป
ดันเข้าไปทีละนิด ทีละนิด อึ๊บ อึ๊บ อ่าาา โอ่ออ โอ้ววว อู๊ววว โอ้ววว อ่าาาา (ไม่ใช่ละ)
มันมีอาการเจ็บนิดๆ แสบหน่อยๆ ค่ะ แล้วคุณหมอก็บอกว่า เวลาแยงโมลให้เหยียดขาอย่างนี้ ห้ามยกชันขาขึ้น
และช่วงแรกยังไม่ต้องดึงเข้า-ออก ให้คาทิ้งไว้แบบนี้ พอหลังจาก 2-3 เดือนแล้ว ค่อยดึงเข้า-ออก ค่ะ
มิเช่นนั้นช่องคลอดใหม่จะฉีกได้

ทีนี้คุณหมอแกก็แยงเข้าไปจนสุด เท่าที่โมลจะเข้าไปได้ลึกค่ะ
และก็วัดความลึกกันเลยทีนี้ เอาไม้บรรทัดมาวัดว่าได้ความลึกแค่ไหน
แล้วก็ถ่ายภาพแท่งโมลเสียบคาจิ๋มมีไม้บรรทัดทาบอยู่ด้วย จะได้รู้ไงคะว่า เนี่ย ทำได้ลึกนะคะคุ๊ณณณณ
ก็โอเคค่ะ ความลึก 6 นิ้ว สำหรับคนไทย ถือว่าได้เยอะมากแล้ว
ของเดิม จะเล็ก จะน้อย จะแค่ไหน คุณหมอแกพยายามทำได้ 6 นิ้วอยู่แล้วค่ะ




มาเล่าต่อถึงตอนคุณหมอแยงโมลนะคะ...

พอดันเข้าไปแล้ว ก็คาทิ้งไว้เลยค่ะ
ถ้าขี้เกียจเอามือดันไว้ ก็ให้เอาขวดใส่น้ำมาดันไว้แทนได้ค่ะ (หมอมีขวดใส่น้ำให้พร้อม)
และให้ทำทิ้งไว้อย่างนี้ 2-3 ชม. ต่อครั้ง วันละ 2 ครั้ง จะได้ไม่ตีบตันค่ะ
แต่ขอบอกเลยค่ะว่า ครั้งนี้ครั้งแรกที่หมอทำให้ดิชั้นนั้น แสบมากกกกกกกกกกกกก เจ็บมากกกกกกกกก
ดิชั้นว่ายกขาชั้นขึ้นยังจะเจ็บน้อยกว่านะ แต่หมอไม่ให้ยกชันขาขึ้นค่ะ ก็ไม่ทราบด้วยว่าเหตุใด
หากให้ดิชั้นยกชันขาขึ้นแล้วแยงโมล มันจะทำให้ดิชั้นอยากแยงโมลบ่อยๆมากขึ้นค่ะ

หมอแยงโมลคาทิ้งไว้ แล้วเอาขวดใส่น้ำดันไว้ให้ค่ะ
แรกๆก็ทนได้ค่ะ หลังๆนี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ร้องไห้โฮเลยค่ะ
พยาบาลแถวนั้นแตกตื่นกับดิชั้นร้องไห้ บอกให้ทน ทน ทนและทน
แต่ดิชั้นบอกว่าทนไม่ไหวแล้ว แค่ครึ่ง ชม.ก็จะตายแล้ว
หากให้ยกชันขาขึ้นจะดีกว่า ก็เลยหยุดแยงโมลค่ะ
ล้าง เช็ด ให้ดิชั้นนิดหน่อย แล้วก็ให้ดิชั้นไปนอนรอข้างนอกตามเดิมค่ะ

แล้วสักพักพี่พยาบาลก็เอาน้ำเปล่ามาให้ดื่มเรื่อยๆ
และบอกว่าทานน้ำเยอะๆ แล้วก็รอจนปวดฉี่และฉี่ออกแล้วค่อยกลับบ้าน
หากฉี่ยังไม่ออก ก็ยังไม่ให้กลับค่ะ แกคงกลัวว่าหากฉี่ไม่ออกแล้วจะมีปัญหาตามมา
ก็เลยต้องให้ฉี่ออกก่อนค่ะ ถึงจะมั่นใจได้ว่า การปัสสาวะนั้นเข้าที่ดีแล้ว
ดิชั้นก็ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆเลยสิคะ กลัวมันจะฉี่ไม่ออก ต้องกินเยอะๆเพื่อที่มันจะได้ปวดแล้วจะได้ฉี่ออก
รอแล้วรออีก มันก็ยังไม่ปวดฉี่ซักที ก็เลยนอนหลับรอไปเลย

ผ่านไปได้สัก 1-2 ชม. ..........

เริ่มปวดฉี่แล้ว ก็เลยวิ่งเข้าห้องน้ำ พยายามนั่งอยู่นานมาก การเบ่งอาจจะยังไม่เข้าที่ เลยเบ่งมากไม่ได้
ก็เลยต้องนั่งให้มันรู้สึกถึงอาการปวด เพื่อให้ฉี่ออกมา แล้วสักพัก.....
ฉี่ออกแล้ววววววววววววววววววว ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกก

พอฉี่ออกดังนั้น ก็รีบเช็ดๆ ทำความสะอาด ออกไปหาเพื่อนที่นั่งรอ บอกกับพี่พยาบาล
แล้วก็เตรียมตัวเดินทางกลับกันเลยค่ะ (คือสงสารเพื่อนกับคนขับรถค่ะ นั่งรอนานมาก)

ก็ขอยาพารากับยาแก้ปวดจากพี่พยาบาลเพิ่มค่ะ เพราะยาใกล้หมด (ขอฟรีค่ะ อะไรหมดก็ขอได้เลย)
แล้วก็เดินทางกลับ กทม. กันเลยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

when i was young

when i was young
like a boy

จัดให้เต็มๆ

จัดให้เต็มๆ
มองไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนน่ารักไง คนไรก็ไม่รู้