ทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราจริงๆ
แต่ที่เขวไปได้ขนาดนี้ มันมาจากการที่ว่า ความจริงปีนี้เราตั้งใจจะเดินทางไปต่างประเทศ ปล เลือกๆไว้ในโซนแอฟริกา และตะวันออกกลาง ไปทำงานเป็นอาสาสมัครให้กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นองคกรของเกาหลี และย้ำว่าเป้นองคกรของคริสเตียน
สมัครตั้งแต่ช่วงกรกฎาคม และจะคัดเลือก เก็บคะแนนจากการร่วมกิจกรรมต่างๆมาเรื่อยๆและจะตัดสินในวันเสารที่จะถึงนี้ว่า นักศึกษาคนไหนจะได้เดินทางไปบ้าง ทั้งยังต้องส่งผลคะแนนไปเปรียบเทียบกับผู้เข้าร่วมโครงการจากประเทศอื่นๆด้วย แต่ละประเทศที่จะเดินทางไป ก็มีโควต้าของมันว่า รับแค่กี่คน ค่าใช้จ่าย องคกรนี้จะออกให้ทั้งหมด ยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบิน กะ ทำหนังสือเดินทาง ที่เราต้องออกเอง และพ็อกเก็ตมันนี่ ที่เราพกไปเท่าไรก็ได้ ตามใจ (จริงๆแล้วเอาไปแค่ไหนก็ไม่ได้ใช้เพราะเขาจะริบเก็บไว้และคืนให้เมื่อเราเดินทางกลับ)
การทำงานคือการ ไปใช้ชีวิตกับผู้คนที่นั่น เรียนรู้วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมต่างๆและ ช่วยเหลืออาสาพัฒนาท้องถิ่น รวมไปถึงอาจจะสอนหนังสือ และดูแลผู้ป่วยเอสด์ หรือผู้ประสบภัยธรรมชาติ ไม่ได้ไปสบาย อีกทั้งเราทราบว่าเจตนาอีกส่วนหนึ่งคือการเผยแพร่ศาสนา ทางองคกร เรียกนักศึกษาที่เดินทางไปว่า กู๊ด นิวส โคร หรือ มิชชั่นนารีชั่วคราว
เรายอมรับว่าเราทำงานอยู่ทุกวัน เก้บหอมรอมริบมาเพื่อการเดินทางครั้งนี้อย่างจริงจัง เราตั้งใจว่าจะไป ลำบากแค่ไหนก็จะไป ยอมเลิกกับแฟนคนปัจจุบันเพียงเพราะ ต้องการไม่ให้ตัวเองมีกังวลอะไรที่นี่อีก เรามันแย่ ที่คิดไปเองแบบนั้น ทั้งๆที่เราหมายมั่นว่า จะเดินทางจริงๆในต้นเดือนพฤษภาคม ตอนนั้น เรามีเงินเก็บพอ และจัดการ เรื่องงานและธุระปะปังทั้งหลายที่ไทยนี้ได้หมด
จนกระทั่งเมื่อต้นมกราคม ผู้ดูแลโครงการ หรือถ้ามองจากภายนอก ก็คือบาทหลวงเรียกเราไปพบเป็นการส่วนตัว การคุยอันยาวนาน3-4 ชั่วโมง เป้นช่วงเวลาที่ทำให้เราอึดอัด ไขว้เขว และรู้สึกแย่ เราไม่ได้มีอคติกับศาสนา แต่ทำไมทุกถ้อยคำท่านพยายามตอกย้ำว่าเราเป็นตัว เป็นอะไรที่น่ารังเกียจ เขาพยายามให้เราเปิดใจ และ พูดในสิ่งที่เราอัดอั้น ปกปิด กลายเป้นว่าทำให้เรากลัวไปเลย เหมือนเขากำลัง คุกคามตัวตนของเราทางอ้อม พระเจ้าของเขากับของเรามันกลายเป้นคนละคน ท่านย้ำว่า เราเปลี่ยนแปลงได้ อยู่ที่ใจเรา ทำได้ตั้งแต่วันนี้ อยู่ที่ใจเรา เราเป็นลูกแกะที่หลงทาง
กลับบ้านมากินไม่ได้นอนไม่หลับไปเลย คลื่นไส้ เวียนหัว ตัดสินใจที่จะโดดเดี่ยวองคกรนี้ออกไปไม่ขอข้องแวะด้วยอีก ไม่ใช่เพราะรังเกลียดแต่
เราต่างมีทางเดินที่ต่างกันมาก ทางขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน
กลับมาตั้งใจทำงานและเรียนตามเดิมดีกว่า
เราไม่อยากให้ใครมองว่าเรื่องนี้เป้นประเด็นของศาสนานักหรอกนะ เราไม่ได้จงเกลียดจงชังองคกรนี้หรอก เพียงแต่เรารู้สึกว่า สังคมกำลังตีกรอบเราให้อยู่ในพื้นที่เล็กๆ และมองข้ามเหมือนเราไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ
ชายกับ หญิง วัดคุณค่า ความเป้นคนกันที่ไหน
อะไรที่วัดมาตราฐานของความเป็นมนุษย์กันล่ะ
ตอนปีใหม่เดินทางไปฮ่องกง ยังโดนเหยียดตราหน้า กักเป็นชั่วโมง เพราะหาว่าเราจะมาขายบริการ เสียดแทงความรู้สึกที่สุด
ตอนนี้บอกตรงๆว่าเหนื่อย... พยายามสวยไป แต่งโน่นเสริมนี่ก็เท่านั้น เรียนไปเท่านั้น ทำงานไปก็เท่านั้น กันตาย มีกินมีใช้ไปวันๆ
เราเคยวางอนาคตไว้เป็นขั้นๆ และพยายามไปทีละอย่างๆ ไม่อยากซ้ำกับข้อผิดพลาดของตัวเองในอดีต อุตส่าห์วาดไว้อย่างนั้น แต่อย่างว่า ปัจจัยภายในดีแค่ไหน ถ้าไม่มีปัจจัยภายนอกเกื้อหนุนมันก็ไปไม่รอด
........................โอยๆๆ บ่นยาวมาก ขี้เกียจอ่านก็ไม่ว่ากันหรอกนะคะ........................................
ปล ไอ้งานที่บอกว่า มีคนติดต่อมาน่ะ ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ทางใต้เลย ทางบ้านเขาก็เป็นห่วงไม่อยากให้ไป เลยสองจิตสองใจอยู่นี่
ส่วนเรื่องเรียนนิติวิทยาศาสตร์นั้น อยากเรียนจริงๆเพราะมีพื้นฐานตอนมอปลายอยู่ สายวิทย์-คณิต เรียนแล้วก็ไม่ได้ทิ้งเพราะต้องสอนการบ้านน้อง แมร่ง...........ยัยคนนี้ เพื่อนก้อไม่ถาม ครูก็ไม่ถาม กวนแต่เราอยู่ได้ บางทีต้องมานั่งเฝ้ามัน ทำเรื่องกรดเบส สอนแคลคูลัส จำจี้จำไชให้ท่องสูตรฟิสิกส์อีก
กรรม
ถ้าทำงานตรงนี้มันคงดีกว่าและน่าสนุก เรียนไหวหรือเปล่าไม่รู้ จะพยายามสอบเข้าให้ได้ จะดับเครื่องชนลองซักตั้ง
แม้จะต้องปลงผมเป็นทอมก็ตาม...................ตลกสภาพตัวเองจริงๆ มีนม ผมสั้นๆ...ฮาน่าดู อาร์ก้า
Mariah Carey - Bye Bye
lay on my high-heels
RKA chating
วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น