การเป็นจอมทัพของจักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศสนั้นจำเป็นต้องสรรหาแม่ทัพที่จะต้องนำทัพไปรบในสมรภูมิต่างๆ ซึ่งแน่นอนทีเดียวที่ต้องพิจารณาถึงความสามารถของนายทหารอันมีความกล้าหาญ เฉลียวฉลาดรอบคอบ รอบรู้อย่างพร้อมมูล และที่สำคัญที่สุดซึ่งเป็นคำถามสุดท้ายของจักรพรรดินโปเลียนในการตัดสินพระทัยขั้นสุดท้าย
นายทหารคนนี้เป็นคนโชคดีหรือเปล่า?
เรื่องโชคดีนี่สำคัญจริงๆ นะ ซึ่งจะเป็นหลักการของผู้เขียนในการทำนายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2551 นี้ว่าใครน่าจะได้เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก
การสรรหาผู้ที่จะเป็นตัวแทนของพรรคการเมืองหลัก 2 พรรคของสหรัฐอเมริกา คือ พรรครีพับลิกัน กับ พรรคเดโมแครต เพื่อที่จะเป็นผู้แข่งขันในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า Primary บ้าง caucus บ้าง โดยจะเริ่มขึ้นที่มลรัฐไอโอวา วันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2551 เป็นต้นไป และการสรรหาตัวแทนของแต่ละพรรคนั้นก็จะดำเนินไปในมลรัฐต่างๆ จนกระทั่งถึงเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม แต่ละพรรคก็จะจัดประชุมตัวแทนของพรรคจากทุกมลรัฐขึ้นเพื่อให้ได้ตัวแทนของพรรค 1 คนเพื่อที่จะไปแข่งขันเพื่อรับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต่อไปในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2551
ขณะนี้ทางฝ่ายพรรครีพับลิกันที่ครองทำเนียบขาวอันเป็นทำเนียบของประธานาธิบดีอยู่นั้นต้องสรรหาตัวแทนคนใหม่แทนประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เป็นตัวแทนของพรรคในการชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องประธานาธิบดีบุชหมดสิทธิที่จะสมัครเข้าแข่งขันเพื่อเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 เนื่องรัฐธรรมนูญได้จำกัดเวลาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไว้เพียง 8 ปีเท่านั้น
ซึ่งตัวแทนของพรรครีพับลิกันนั้นไม่มีใครเด่นเลย ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกากำลังตกต่ำขนาดหนักโดยที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกากำลังมีหนี้สินล้นพ้นตัวและใช้นโยบายการคลังแบบขาดดุลอย่างมโหฬารมาติดต่อกันหลายปีแล้ว
ประกอบกับมีปัญหาเรื่องการทัพอเมริกันต้องติดกับตกค้างอยู่ที่อัฟกานิสถานและอิรักซึ่งสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายต่อวันอย่างมหาศาล มิหนำซ้ำทหารอเมริกันก็ถูกลอบสังหารไม่เว้นแต่ละวันในอิรักและอัฟกานิสถาน
ดังนั้น จึงสามารถฟันธงได้แน่นอนว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งนี้พรรครีพับลิกันต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนไม่ว่าทางพรรคจะส่งใครเป็นตัวแทนของพรรคเข้าชิงชัยก็ตาม
เนื่องจากชื่อเสียงหรือจุดแข็งของพรรครีพับลิกันมีอยู่ 2 ประการ คือ ความมีวินัยทางการคลังโดยพรรครีพับลิกันจะยืนยันถึงการมีนโยบายการคลังแบบสมดุลเป็นนโยบายประจำของพรรค และพรรครีพับลิกันได้ชื่อว่าเป็นพรรคที่ดำเนินนโยบายต่างประเทศเก่งกว่าพรรคเดโมแครต
แต่ขณะนี้พรรครีพับลิกันสูญเสียจุดแข็งทั้งสองประการนี้ไปแล้วโดยสิ้นเชิงจากการบริหารงานของพรรครีพับลิกันมาเกือบ 8 ปีเต็ม
มิหนำซ้ำ พรรครีพับลิกันยังเมินเฉยต่อปัญหา โลกร้อน อีกด้วย ทำเอาคนอเมริกันเซ็งไปเลย
เพราะฉะนั้นก็ยังคงเหลือแต่พรรคเดโมแครตที่มีผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัครเข้าชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดี เพียง 2 คนเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เข้าไปนั่งในทำเนียบขาวคือ
1.นางฮิลลารี่ คลินตัน ผู้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกจากนิวยอร์ก และเป็นอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา โดยเป็นภรรยาของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน
นางฮิลลารี่ คลินตัน ถือว่าเป็นตัวเก็งมาตั้งแต่แรกว่าจะได้เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตในการลงชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ.2551 นี้ ซึ่งเธอก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบรรดานักธุรกิจเป็นจำนวนมหาศาล แบบว่ามีกระสุนมากกว่าใครหลายเท่าตัว ซึ่งการหาเสียงในสหรัฐอเมริกาแม้จะไม่มีการซื้อเสียงโดยตรงเหมือนเมืองไทยเลยก็จริงแต่ต้องใช้จ่ายเงินจากการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งมีราคาแพงจับจิตทั้งนั้น โดยเฉพาะสื่อทางโทรทัศน์ที่คิดค่าเวลาเป็นวินาทีกันเลยทีเดียวซึ่งราคาค่าโฆษณาทางทีวีนั้นต้องพูดกันเป็นระดับร้อยๆ ล้านบาทไทยเลยทีเดียว
2.นายบารัก โอบามา ผู้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกจากอิลลินอยส์
นายบารัก โอบามา คนนี้ เป็นคนที่น่าสนใจพิลึกเลยละท่านผู้อ่านที่เคารพ กล่าวคือบิดาของเขาเป็นชาวเคนยา นับถือศาสนาอิสลาม (เสียชีวิตแล้ว) ส่วนมารดาของเขาเป็นชาวอเมริกันผิวขาวซึ่งภายหลังได้แต่งงานกับนักการทูตชาวอินโดนีเซียทำให้นายโอบามานี้เติบโตอยู่กรุงจาการ์ตาบนเกาะชวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่เอง
พอโตเป็นหนุ่มก็กลับมาอยู่กับตายายที่อเมริกาแล้วก็ไปเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียแล้วจึงไปเรียนจบทางกฎหมายจากฮาร์วาร์ด
นายบารัก โอบามา ปัจจุบันอายุ 46 ปี ได้สมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐอิลลินอยส์ เมื่อ พ.ศ.2546 นี่เอง
เชื่อไหมว่าก่อนการเลือกตั้งเพียงสามเดือน คู่แข่งของเขาจากพรรครีพับลิกันต้องถอนตัวออกจากการชิงชัยอย่างกะทันหันเนื่องจากโดนคดีอาญาเข้า ทำให้นายโอบามาชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ของรัฐอิลลินอยส์เลยทีเดียว
นายโอบามากำลังดีวันดีคืนดูจากผลสำรวจของโพล (ที่เชื่อถือได้) ว่าเขานำนางฮิลลารี่ คลินตันใน primary และ caucus จำนวน 3 แห่งแรก คือ ที่มลรัฐไอโอวา (3 ม.ค. 2551) มลรัฐไวโอมิ่ง (5 ม.ค.2551) และมลรัฐนิว แฮมเชียร์ (8 ม.ค.2551)
ซึ่งแน่นอนเมื่อนายโอบามาชนะในไพรมารี่และคอคัสเหล่านี้แล้ว เงินทุนสนับสนุนในการหาเสียงของเขาต้องไหลมาเทมาตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบหนุนคนที่ชนะเป็นธรรมดา
การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายน 2551 นี้ สหรัฐอเมริกาคงจะได้ประธานาธิบดีที่เป็นคนผิวดำเป็นครั้งแรก หรือไม่ก็คงจะได้ประธานาธิบดีหญิงเป็นคนแรก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
คงสนุกดีพิลึกล่ะ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น