ขอน้อมอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

เว็บนี้สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว



ร่วมเติมเต็มทุกหัวใจของคนที่มีรักได้ที่นี่

แล้วคุณจะรู้ว่า
ปรารถนาจะเป็นผู้สั่งการ
หัวใจคือผู้เร่งเร้าให้รุ่มร้อน
เรือนกายคือผู้ปฏิบัติตามปรารถนา
ทุกสิ่งจะเป็นไปตามครรลองของมันเองทุกประการ

ที่นี่จะรวมบทวิจารณ์ รวมถึงข่าวสารสาระที่เป็นประโยชน์ต่างๆไว้
โดยเฉพาะที่มาจากความคิดเห็นของผู้แต่งเอง
ทั้งนี้ผู้แต่งจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆ อันเกิดจากการนำข้อความดังกล่าวที่ปรากฏในบล็อกไปใช้อย่างไม่เหมาะสม
เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น ติชม กันเยอะๆนะคะ
ขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ด้วยความปราถนาดี

R-ka



ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าชมได้อีกบล็อกนึง คือ

http://www.rka-state.vox.com/


Mariah Carey - Bye Bye

lay on my high-heels

lay on my high-heels
งานบายเนียรปี2008 ค่ะ

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ตีแผ่ละครพื้นบ้านไทย

ตีแผ่ละครพื้นบ้านไทย

ตีแผ่ละครพื้นบ้านไทยกระทู้นี้ไม่มีสปอนเซอร์ อยากได้ไปซื้อเอาเองตาม เซเว่น อีเลฟเว่น หรือตามร้านโชว์ห่วย ขวดละ 12 บาทมั้ง กะป๋อง 8 บาทก็มี กระทู้นี้เป็นการติเพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุด กระทู้นี้เกิดขึ้นเพราะผมเบื่อหนังจักรๆวงศ์ๆที่ยังไม่พัฒนาและไม่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเลย ถึงแม้จะบอกว่าเป็นการอนุรักษ์ก็เถอะ


หนังจักรๆวงศ์ๆนี้เกิดขึ้นมาตอนไหน ไม่มีประวัติที่ระบุแน่ชัด ทราบเพียงว่าตอนนี้มี Free TV อยู่ 2 ช่องที่สร้างหนังประเภทนี้มาแข่งกัน นั่นคือ ช่อง 7 กะ ช่อง 3 คู่แข่งทั้งด้านละครน้ำเน่าและหนังจักรๆวงศ์ๆ ขอแนะนำให้ไปอ่าน”โครงการตีแผ่ครั้งที่ 2 “ละครน้ำเน่าไทย” แข่งสร้างละครน้ำเน่าไม่พอยังมาแข่งสร้างหนังประเภทนี้อีก โดยช่อง 7 จะมีฉายทุกวัน โดยวันจันทร์ถึงศุกร์ช่วงประมาณ 5 โมงเย็นจะเป็นหนังเรื่องเก่าที่เคยฉายไปแล้ว และวันเสาร์อาทิตย์เวลา 8 โมงครึ่งจะเป็นหนังที่เพิ่งสร้าง

ส่วนช่อง 3 จะมีละครประเภทนี้ตอนประมาณ 4 โมงเย็นกว่าๆ วันจันทร์ถึงศุกร์ ถ้ามีเวลาดูทีวีควรหลีกเลี่ยง ช่อง เวลา และวันที่กล่าวไว้ เป็นอย่างยิ่ง หนังจักรๆวงศ์ๆคือ ? มีผู้รู้คนหนึ่ง(ใครก็ไม่รู้เหมือนกัน)กล่าวว่า”หนังจักรๆวงศ์ๆ คือการนำนิยายพื้นบ้าน นิทานปรัมปรา มาทำเป็นละคร แล้วเอามาฉายทาง TV ให้เด็กที่แหกขี้ตาตื่นแต่เช้ามาดูการ์ตูนดูเป็นของแถมเผื่อเลือก ไม่ก็ฉายให้พวกพ่อบ้านแม่บ้านที่ตื่นแต่เช้ามารับเวรรับกรรม รับใช้ลูกๆบังเกิดเกล้าที่แหกขี้ตาตื่นแต่เช้ามาดูการ์ตูนดูแก้เครียด”(แต่ผมว่าดูแล้วจะเครียดหรืออารมณ์เสียมากกว่านา)

ตัวละครที่ต้องมีในหนังจักรๆวงศ์ๆ แน่นอนอยู่แล้ว คำว่า จักรๆวงศ์ๆย่อมแปลว่าต้องมีตัวละครประเภทกษัตริย์ หรือตัวละครที่มีเชื้อเจ้าขุนมูลนาย ไปดูได้ทุกเรื่องต้องมีกษัตริย์ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของพระเอกหรือนางเอกเท่านั้นพระเอก หน้าตา(คิดว่า)ไทยๆ ไม่เอาลูกครึ่ง ผิดกับละครน้ำเน่า ไม่จำเป็นต้องหล่อมากเอาแค่พอดูได้ จะเก่งด้านรบหรือ POTTER อันนี้ก็แล้วแต่บท อาจจะเป็นลูกกษัตริย์หรือไม่ก็ได้ ถ้าเป็นลูกกษัตริย์จะเป็นพวกบาปหนา ชอบล่าสัตว์ และเข้าป่า(พลัง H หรือเปล่าไม่รู้) ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่ต้องกลัว มันจะต้องมีเรื่องให้ไปข้องแวะกับในวังแล้วจะได้เจอนางเอกซึ่งเป็นเจ้าหญิงในภายหลัง

นางเอก หน้าตา(คิดว่า)ต้องเป็นแบบไทยๆ สวยขนาดไหนแล้วแต่จะหาได้ นางเอกส่วนมากเป็นเจ้าหญิงซึ่งไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือหรือทำงานทำการ และส่วนมากจะเป็นพวกขึ้นคานหาสามีไม่ได้ ต้องให้บิดาช่วยป่าวประกาศหาคู่ให้ ถ้าบทนางเอกเป็นหญิงชาวบ้าน ไม่ต้องกลัวไป เดี๋ยวก็เจอเจ้าชายเองล่ะ ไม่มีทางได้กับชาวบ้านด้วยกันหรอก นายพราน ผู้ชายหลังค่อมๆ หน้าโจรๆ ใส่เสื้อสีแดงเก่าๆ เขรอะๆ หนวดเครารกรุงรัง ผมยาวรุ่มร่าม มีย่าม 1 ใบ กะ หน้าไม้อีก 1 อัน เก่งเรื่องป่าแต่พาคนไปเที่ยวป่าแล้วหลง เป็นตัวตั้งตัวตีในการชวนเจ้าชาย (Prite ? )ไปเที่ยวป่า เพื่อหาของป่าไม่ก็ไปดูของแปลก

สัตว์ยักษ์และสัตว์ในจินตนาการ ประเภทครุฑ นกยักษ์ กินรี ตัวอะไรสักอย่างที่คล้ายๆนกที่เป็นรูปปั้นอยู่บนยอดเสาแถวถนนราชดำเนิน แถวสนามหลวง ซึ่งอันนี้เข้าใจว่าเป็นสัตว์ในเทพนิยายของไทย แต่บางเรื่องมันมีนี่ด้วย เพกาซัส กะ มังกร(แบบตะวันตก) ย้ำ!! เพกาซัส กะ มังกร 2 ตัวนี้มันเป็นสัตว์ในเทพนิยายของไทยตรงไหนฟะ เนื่องจากไม่เคยมีใครได้ยินเสียงของสัตว์พวกนี้เพราะเป็นสัตว์ในเทพนิยาย เวลาที่มีบทสัตว์เหล่านี้พูด เสียงที่ได้ยินจึงมักจะเป็นเสียงที่หาได้ยากในสากลโลก ฟังแล้วทุเรศและระคายหูมากกว่าเสนาะหูหรือน่าเกรงขาม

สิ่งของวิเศษ แยกได้หลายประเภทเช่น ลูกแก้ววิเศษ,ดาบ,มีดวิเศษ ที่มีประสิทธิภาพและความสามารถเว่อร์แสนเว่อร์ ประมาณมีในครอบครองแล้วสามารถครองโลกได้ ไม้เท้าพูดได้,หมาดำพูดได้,ปลาพูดได้ยืนด้วยหางได้ พวกนี้ส่วนมากจะมีขึ้นมาให้เป็นผู้ช่วยของเหล่าพระเอก จะช่วยมากช่วยน้อยหรือไม่ช่วยเลยก็แล้วแต่ และที่สำคัญ เสียงของพวกนี้ จะฟังแล้วทุเรศหูและน่ารำคาญ

โหรหรือปุโรหิต ชายแก่ หนัง(คำหยาบใช้ก่อนคำว่าเฉา)ย่น มีกระดานชนวนอยู่ 1 กระดานกะดินสอพอง 1 แท่ง วันๆเอาแต่ทำนายแล้วกราบทูลๆ แม้ว่าวันนั้นไม่มีเรื่องอะไรให้ทำนายก็ยังกราบทูลอยู่ โหรหรือปุโรหิตส่วนมากเป็นพวกโลภมากเห็นแก่เงิน ชอบรับสินบนบ่อยๆ อันเป็นเหตุให้การรับสินบนแพร่หลายดังเช่นในปัจจุบัน เอกลักษณ์ที่สำคัญของโหรหรือปุโรหิตคือ เสียง เสียงของโหรหรือปุโรหิตจะแหลมเล็กและที่สำคัญจะพูดเหมือนมีเสลดติดคอ ตัวอย่าง (โหรจะกราบทูลว่าจะมียักษ์บุกเข้ามาในเมือง) “อื๋อฮึ เอ่อ เกล้ากระหม่อม อื๋อฮึ ทำนาย อื๋อ แล้วได้ความ อื๋อ ขาก….(เสลดติดคอ ขากเสลดซะทีนึง) อื๋อออ.. ว่า. เอ่อ….อื๋อฮึ จะมียักษ์ อื๋อฮึ บุกเข้ามาในเมือง อื๋อฮึ พระเจ้าข้า” (ทันทีที่พูดจบ เท้าข้างหนึ่งของยักษ์ก็เหยียบลงมาทับทั้งโหรทั้งกษัตริย์ตายคาที่ 555555555 )

ยักษ์ เทวดา ฤาษี รุกขเทวดา สี่อย่างนี้อยู่คู่กับเรื่องประเภทนี้มานาน เราจะมาแยกเป็นอย่างๆดังนี้ - ยักษ์ ถ้าเป็นผู้ชายต้องหน้าเหมือนโจร ตัวต้องดำ เขี้ยวต้องยาวใหญ่และยื่นออกมาเหมือนหมูป่า และมีลายเขียนอยู่รอบๆปากให้ชาวบ้านรู้ว่าเป็นยักษ์ ถ้าเป็นผู้หญิงอันนี้แล้วแต่จะสวยไม่สวย ขาวไม่ขาวแล้วแต่บทที่ได้ - เทวดา ผู้ชายหน้าธรรมดาๆ ไม่ต้องหล่อ ตัวเขียวๆได้ยิ่งดี จะได้รับบทเป็นพระอินทร์ไปเลย และทีสำคัญก็คือ เทวดาต้องมีหนวดเพื่อความน่าเกรงขาม และหนวดที่ว่าต้องเป็นแบบม้วนๆด้วย ถ้าใครไม่มีหนวด ก็ใช้ดินสอ 2B นั่นแหละเขียนเอา ดำดีประหยัดดีด้วยไม่ต้องไปซื้อหนวดปลอม

- ฤาษี ชายแก่(บางทีก็ไม่แก่แค่กลางคน) ใส่ชุดหนังเสือ (ฤาษีเป็นพวกนักบวชไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่นิยมความฟุ่มเฟือยไม่ใช่เหรอ แล้วมาใส่ชุดหนังเสือเนี่ยนะ) หนวดเครายาวมากองที่หน้าตัก ฤาษีจะมีไม้เท้า 1 อัน เอาไว้ทำอะไรก็ไม่รู้ เกะกะเปล่าๆ ของกินประจำอาศรมของฤาษีคือ กล้วย องุ่น (สงสัยจะเป็นองุ่นป่า) แอปเปิลเขียว ( เฮ้!! สมัยก่อนนู้นเมืองไทยมีแอปเปิลด้วยเรอะ) - รุกขเทวดาหรือนางไม้ ถ้าเป็นรุกขเทวดา จะเป็นชายวัยกลางคนใส่ชุดแบบคนที่เป็นคนหว่านเมล็ดข้าวในวันพืชมงคลนั่นแหละ มีหน้าที่แค่ช่วยบอกทางไม่ก็ให้ที่หลบภัยเท่านั้น

กรณีนางไม้ จะเป็นผู้หญิง หน้าตา(น่าจะ)สวย นุ่งผ้าสไบเฉียง ดูๆไปนึกว่าแม่นาก หน้าที่หรือบทก็เหมือนรุกขเทวดานั่นแหละ ต้องทำใจว่าเราเป็นแค่ตัวประกอบไม่มีบทบาทมากหรอก แต่ว่าไปพวกเทพยดานางไม้ที่นุ่งสไบเฉียงส่วนมาก โนบราแล้วสไบมันก็บางๆไม่ใช่เหรอ ไม่เชื่อไปเปิดปฏิทินสงกรานต์ของธนาคารออมสินดูสิ ภูตผี อันนี้ก็อยู่คู่หนังประเภทนี้มานานแสนนาน ภูติผีที่โผล่ออกมาเป็นประจำเห็นจะหนีไม่พ้น ผีโครงกระดูกหรือ Skelton ( อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเมืองไทยมีผีแบบนี้ด้วยเหรอ ถ้าจำไม่ผิด Skelton มันของฝรั่งไม่ใช่เหรอ ) และเหมือนกับหัวข้อ ***ยักษ์และสัตว์ในจินตนาการ ตรงเสียง คือ ฟังแล้วทุเรศหูมากกว่าน่ากลัว สเปเชียลเอฟเฟ็ค แยกได้หลายประเภทดังนี้ ระเบิดสนั่นตูมตาม SFX อันนี้จะมีอยู่ตามฉากสู้รบ ประเภทพระเอกคนเดียว ศัตรูเป็นสิบ แล้วพระเอกก็ใช้พลังของอาวุธพิเศษในมือ ยิงอะไรสักอย่างไปโจมตีใส่ศัตรูระเบิดตูมตาม อันนี้จะสังเกตได้อย่างว่า*ระเบิดจะระเบิดตรงข้างๆกับข้างหลังตัวนักแสดงที่รับบทเป็นศัตรูเท่านั้น (มันน่าจะมีระเบิดใส่หน้ามั่ง จะได้สมจริงหน่อย)

และศัตรูที่รับบทนี้จะสามารถ ราวน์ดดร็อป ม้วนหน้า ลังกาหน้า ลังกาหลัง ไปตามแรงระเบิดได้อย่างสวยงาม เหาะเหินเดินอากาศ เดินเหยียบน้ำ เคยเป็นยังไงมันก็ยังอย่างงั้น ไร้ซึ่งการพัฒนา เคยเห็นเป็นเส้นๆ(ตัดต่อ)ยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นยังงั้น บลูสกรีนไม่มีใช้เหรอ ยังไงๆก็น่าจะทำให้มันแนบเนียนหน่อยสิ เด็กๆมาดูยังรู้เลยว่ามันตัดต่อ ไม่ใช่บลูสกรีน

และนั่นคือทั้งหมดที่ผมหามาตีแผ่(กัด)ได้ ดังที่กล่าวข้างต้น กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ไม่ใช่เลวลง และเพื่อเป็นการอนุรักษ์นิทานพื้นบ้านของไทยให้คงอยู่ต่อไป ถึงแม้จะดูเหมือนผมมานั่งบ่นให้ฟังก็เถอะ ยังไงๆถ้ากระทู้นี้มีคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแนวนี้รับไปอ่านแลัวพิจารณาก็คงจะดี หนังแบบนี้จะได้มีการพัฒนาซะที “ขอบคุณที่เสียเวลามานั่งอ่านกระทู้ที่ไม่ค่อยมีสาระนี้”

ไม่มีความคิดเห็น:

when i was young

when i was young
like a boy

จัดให้เต็มๆ

จัดให้เต็มๆ
มองไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนน่ารักไง คนไรก็ไม่รู้