ขอน้อมอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

เว็บนี้สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว



ร่วมเติมเต็มทุกหัวใจของคนที่มีรักได้ที่นี่

แล้วคุณจะรู้ว่า
ปรารถนาจะเป็นผู้สั่งการ
หัวใจคือผู้เร่งเร้าให้รุ่มร้อน
เรือนกายคือผู้ปฏิบัติตามปรารถนา
ทุกสิ่งจะเป็นไปตามครรลองของมันเองทุกประการ

ที่นี่จะรวมบทวิจารณ์ รวมถึงข่าวสารสาระที่เป็นประโยชน์ต่างๆไว้
โดยเฉพาะที่มาจากความคิดเห็นของผู้แต่งเอง
ทั้งนี้ผู้แต่งจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆ อันเกิดจากการนำข้อความดังกล่าวที่ปรากฏในบล็อกไปใช้อย่างไม่เหมาะสม
เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น ติชม กันเยอะๆนะคะ
ขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ด้วยความปราถนาดี

R-ka



ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าชมได้อีกบล็อกนึง คือ

http://www.rka-state.vox.com/


Mariah Carey - Bye Bye

lay on my high-heels

lay on my high-heels
งานบายเนียรปี2008 ค่ะ

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2550

harry potter7 part1

บทที่ 1 - The Dark Lord Ascending กล่าวถึงโวลเดอมอร์ กำลังวางแผนประชุมอยู่กับพวก Death Eaters ค่ะ สเนปบอกที่ประชุมว่าแฮร์รี่จะออกเดินทางวันไหน มีบางส่วนยังไม่เชื่อสเนปแล้วก็เถียงกัน .. คุยเรื่อง Ministry of Magic .. โวลดี้ต้องการไม้กายสิทธิ์ของคนอื่นและเขาต้องการฆ่าแฮร์รี่เอง โวลดี้เลยจะเอาไม้ของลูเซียส ซึ่งลูเซียสก็ขัดไม่ได้ โวลดี้เลยกระแนะกระแหน่ลูเซียสแทน ไป ๆ มา ๆ คนอื่นก็ช่วยกันแขวะเรื่องครอบครัวมัลฟอยค่ะ ยกข่าวเรื่องท็องก์ (มีศักดิ์เป็นหลานของเบลลาทริกซ์ ลูเซียสกับนาซิสซ่าร์) ที่ไปแต่งงานกับลูปินที่เป็นหมาป่า เลยโดนหัวเราะเยาะค่ะ .. จากนั้น โวลดี้ก็เปิดเผยแขกในที่ประชุึม เป็นอาจารย์ในโรงเรียนสอนเกี่ยวกับมักเกิ้ล ชื่อว่า Charity Burbage .. แล้วก็ฆ่าเธอค่ะ บท 2 - In memorandum กล่าวถึงแฮร์รี่ที่ยังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ดูข้าวของเก่า ๆ และคิดถึงดัมเบิลดอร์ .. มีคอลัมม์ในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับดัมเบิลดอร์ ประมาณดัมเบิลดอร์ในความทรงจำน่ะค่ะ .. เขียนโดย Elphias Doge ที่เป็นนักเรียนรุ่นเดียวกัน มาเข้าเรียนที่โรงเรียนพร้อม ๆ กัน ตอนนั้นพ่อของดัมเบิลดอร์เพิ่งถูกจับฐานทำร้ายมักเกิ้ล ถูกขังที่อัซคาบัน ทำให้ดัมเบิลดอร์ถูกมองว่าเป็นพวกเกลียดมักเกิ้ลไปด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่เช่นนั้น เขาเป็นคนฉลาดที่สุดในโรงเรียน มีเพื่อนเป็นคนมีชื่อเสียงหลายคน ได้รางวัลมากมาย สามปีหลังจากพวกเขาได้เรียนที่โรงเรียน น้องชายของดัมเบิลดอร์ชื่อ Aberforth ได้มาเข้าเรียน ซึ่งเหมือนว่าเป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยจะเหมือนกัน และดูไม่ค่อยเป็นมิตรกันเท่าไหร่ .. หลังเรียนจบ Elphias กับดัมเบิลดอร์ตั้งใจจะออกท่องเที่ยวด้วยกัน แต่เกิดเรื่องขึ้นคือแม่ของดัมเบิลดอร์ตาย และหลังจากนั้นอีกปี น้องสาวของดัมเบิลดอร์ก็ตาย พี่น้องห่างกันมากยิ่งขึ้น .. Elphias กล่าวยกย่องดัมเบิลดอร์ว่าได้ทำประโยชน์ต่อสังคมของพ่อมดแม่มดมาก ๆ แล้วก็ได้พูดถึงการประลองเวทย์ของดัมเบิลดอร์กับ Grindelwald แล้วก็มีข่าว Interview ริต้า สคีเตอร์ ที่กำลังจะออกหนังสือประวัติชีวิตของดัมเบิลดอร์ .. ซึ่งแฮร์รี่อ่านสัมภาษณ์เสร็จก็เขวี้ยงหนังสือพิมพ์ทิ้งทันที บทที่ 3 The Dursleys Departing ค่ะ พวก Dursleys โดยเฉพาะลุงเวอร์นอนไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่แฮร์รี่เตือนถึงอันตรายต่อครอบครัว คิดว่าแฮร์รี่จะยึดบ้าน แต่แฮร์รี่ก็พูดกล่อมจนเขายอมไปอีกครั้งและเพราะดัดลีย์เห็นด้วยกับแฮร์รี่ แผนคือต้องให้พวก Dursleys จะไปอยู่ที่ปลอดภัย จะได้ไม่ถูกพวกโวลดี้จับไปทรมานเพื่อให้บอกที่ซ่อนแฮร์รี่ แล้วนั่นอาจคือครั้งสุดท้ายที่แฮร์รี่จะได้พบพวก Dursleys อีก แอบซึ้งเล็กน้อยเพราะอย่างน้อย ดัดลีย์ก็เหมือนจะจำได้ว่าแฮร์รี่เคยช่วยชีวิตไว้ ป้าเพ็ตทูเนียเหมือนจะพูดอะไรก่อนไป แต่ก็พูดไม่ออก พูดแต่เพียงว่าลาก่อน ... บทที่ 4 The Seven Potters พวก Dursleys ไปแล้ว แฮร์รี่ระลึกความหลังกับบ้านหลังนี้ขณะหนึ่งก่อนจะมีคนมารับ แผนคือให้เพื่อน ๆ ดื่มน้ำยาสรรพรสเป็นแฮร์รี่และแยกกันไปแต่ละที่ แล้วค่อยใช้กุญแจนำทางมายังบ้านโพรงกระต่ายค่ะ แฮร์รี่ไปกับแฮกริดโดยมอเตอร์ไซด์คันเดิมที่เคยใช้มาส่งแฮร์รี่ที่บ้านนี่ล่ะ สองคนนี้เดินทางไปที่บ้านพ่อแม่ของท็องก์แล้วใช้กุญแจนำทางไปบ้านโพรงกระต่าย .. มันดันกัสปลอมเป็นแฮร์รี่ไปกับมูดดี้ .. อาเธอร์ไปกับเฟร็ดที่ปลอมเป็นแฮร์รี่ .. ลูปินไปกับจอร์จที่ปลอมเป็นแฮร์รี่ .. บิลไปกับเฟลอร์ที่ปลอมเป็นแฮร์รี่ .. เฮอร์ไมโอนี่ปลอมเป็นแฮร์รี่ไปกับคิงสลีย์ .. รอนปลอมเป็นแฮร์รี่ไปกับท๊องก์ ทั้งหมดไปโดยไม้กวาด หรือ Thestral ทันทีที่แยกกันไปทุกคนก็ถูกโจมตีจากผู้เสพความตายค่ะ .. ทั้งหนีทั้งสู้วุ่นวายน่าดู แฮร์รี่กำลังสาปให้ผู้เสพความตายตัวแข็ง เขาหันไปเห็น Stan แฮร์รี่เลยใช้คาถาปลดอาวุธแทน สเตนเลยตะโกนบอกคนอื่นว่านี่คือแฮร์รี่ตัวจริง ผู้เสพความตายที่ล้อมอยู่หายไปพักหนึ่ง .. ก่อนจะกลับมาใหม่พร้อมกับโวลเดอมอร์ ที่พยายามจะฆ่าแฮร์รี่ ทันทีที่จะถูกคำสาป ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ก็ เอ่อ เรียกไงดีล่ะ act of its own ทำตามใจตัวเอง โดยที่แฮร์รี่ไม่ได้ สั่งหรือโบกไม้น่ะค่ะ .. ไม้ของลูเซียสที่โวลเดอมอร์เอามาใช้ระเบิด โวลเดอมอร์ถอยทัพไป แฮร์รี่กับแฮกริดตกลงที่บ่อน้ำ ตรงบ้านพ่อแม่ท็องก์พอดีค่ะ บทที่ 5 Fallen Warrior แฮร์รี่กับแฮกริดมายังบ้านพ่อแม่ของท๊องก์อย่าง (ค่อนข้างจะ) ปลอดภัย คุยกันพักหนึ่ง แฮร์รี่ก็เข้าใจว่าทำไมโวลดี้ถึงถอยไป เพราะว่ามอเตอร์ไซด์พุ่มเข้ามาในเขตคาถาคุ้มครองของทางภาคีพอดีค่ะ แฮร์รี่เกือบจะพุ่งไปหาแม่ของท๊องก์เพราะเธอคล้ายกับเบลลาทริกซ์มาก แฮร์รี่กับแฮกริดใช้กุญแจนำทางกลับไปที่บ้านโพรงกระต่ายเป็นคู่แรก ซึ่งตามที่นัดกัน พวกเขาต้องกลับเป็นคู่ที่สาม ทำให้มอลลี่กับจินนี่เป็นห่วงคนอื่น ๆ มาก .. ไม่นาน ลูปินกับจอร์จก็กลับมา โดยที่จอร์จบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย โดนสเนปทำร้ายที่ศีรษะ หูขาดไปหนึ่งข้าง .. เฮอร์ไมโอนี่กับคิงสลีย์ เฟร็ดกับอาเธอร์ รอนกับท๊องค์ บิลกับเฟลอร์ กลับมาอย่างปลอดดภัย .. บิลเล่าว่า กลุ่มเขากับมูดดี้บินอยู่ใกล้ ๆ กัน ทันทีที่โวลเดอเมอร์โจมตี มันดันกัสตื่นตกใจ และหายตัวไป คำสาปของโวลดี้เลยโดนมูดดี้เข้าเต็ม ๆ ที่หน้า กระแทกเขาจนตกจากไม้กวาด และ ตามที่บิลคาดการณ์ มูดดี้ได้เสียชีวิตแล้ว พวกเขาปรึกษากันว่าแผนรั่วได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่รัดกุมและมีการเปลี่ยนกำหนดการเดินทางของแฮร์รี่ใหม่ แต่โวลดี้ก็ยังรู้อยู่ดี แฮร์รี่บอกว่าเขาเชื่อใจทุกคนในที่นั่น จนลูปินเอ่ยปากเตือนว่าเขาเหมือนเจมส์ในเรื่องการเชื่อใจเพื่อน ๆ (แต่ก็ถูกปีเตอร์หักหลังในที่สุด) ฮร์รี่พูดเรื่องไม้กายสิทธิ์ของเขาที่ร่ายเวทย์เองโดยที่เขาไม่ได้ทำ แต่เหมือนไม่มีใครเชื่อ ทำให้แฮร์รี่คิดถึงดัมเบิลดอร์มาก ๆ ว่าเขาคงต้องยอมฟังและแนะนำอะไรดี ๆ ให้ได้ แฮร์รี่เจ็บแผลเป็น แล้วเขาก็เห็นภาพในศีรษะ โวลเดอมอร์กำลังทำร้ายโอลิแวนเดอร์ เรื่องไม้กายสิทธิ์ เพราะคิดว่าโอลิแวนเดอร์โกหกตนเองให้แฮร์รี่รอด เรื่องที่เขาต้องใช้ไม้กายสิทธิ์คนอื่นแทนไม้ของโวลดี้เอง บท 6 .. Ghoul in pajamas อีกไม่กี่วันแฮร์รี่จะครบสิบเจ็ด มีเรื่องให้พวกเขาต้องคิดกันเยอะ ทั้งเรื่องงานแต่งของบิลกับเฟลอร์ พวกเขาต้องจัดบ้านเล็ก ๆ ต้อนรับแขกและครอบครัวเฟลอร์ การย้ายภาคีจากบ้านซีเรียสมาที่นี่ยิ่งทำให้สถานที่คับแคบขึ้นไปอีก แล้วยังมีเรื่อง Horcruxes และที่ว่าทั้งสามจะเลิกเรียนไปหา Horcruxes ซึ่งแน่นอนมอลลี่ไม่เห็นด้วย ผิดกับอาเธอร์และพี่น้องคนอื่น ทั้งสามคุยกันเรื่องมูดดี้ ซึ่งรอนยังแอบหวังว่ามูดดี้อาจจะยังไม่ตายเพราะไม่มีใครพบศพ เฮอร์ไมโอนี่นั่งเลือกหนังสือที่จะเอาไปด้วยในการเดินทางหา Horcruxes ซึ่งแฮร์รี่ก็ยังไม่อยากให้เพื่อน ๆ ต้องมาเสี่ยงชีวิตไปกับเขา เฮอร์ไมโอนี่บอกทั้งน้ำตาว่าเธอถึงขนาดเปลี่ยนความทรงจำพ่อแม่ว่าไม่เคยมีลูกสาว เพื่อให้โวลเดอมอร์ติดตามยากขึ้น ส่วนรอนก็ให้ Ghoul ในบ้านใส่ชุดนอนของเขา หลอกคนอื่นว่าตัวเองป่วยหนักไปเรียนไม่ได้ เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าเธอกำลังค้นคว้าเรื่อง Horcruxes ที่เธอเคยหาอ่านในห้องสมุดแล้วไม่เจออะไรเลย หลังจากงานศพดัมเบิลดอร์ เธอนั่งเก็บของในหอหญิง แล้วนึกขึ้นได้เลยลองเสกแอ๊กซิโอดู แล้วหนังสือก็ลอยมาหาเธอจากห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ .. มันเป็นหนังสือ ความลับของศาสตร์มืดที่สุด เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยเรื่องชั่วร้าย มีวิธีสร้าง Horcruxes การรวมวิญญาณและการทำลาย Horcruxes ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก เธอบอกว่าการทำลายต้องทำให้มันเสียหายเกิดกว่าที่จะใช้เวทมนต์ซ่อมแซมได้ เหมือนไดอารี่ของริดเดิ้ลที่จินนี่เอาไปทิ้งชักโครกกลับไม่เป็นไร แต่แฮร์รี่ใช้เขี้ยวบาซิลิซแทง (พิษบาซิลิซรักษาได้ด้วยน้ำตานกฟินิกซ์ซึ่งเป็นแรร์ไอเทม) ไดอารี่ก็หมดสภาพ บท 7 - The Will of Albus Dumbledore รอนบอกว่าแฮร์รี่นอนละเมอพูดแต่ชื่อ Gregorovitch ซึ่งพวกเขาก็สงสัยกันว่านี่คือชื่ออะไร แต่ข้อสงสัยก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นแทนเพราะแฮร์รี่อายุครบสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว นั่นหมายถึงแฮร์รี่บรรลุนิติภาวะในโลกพ่อมดและใช้คาถาได้แ้ล้ว (โดยไม่ถูกจับ) แฮร์รี่ได้รับของขวัญวันเกิด .. จินนี่เรียกแฮร์รี่ไปคุยด้วยตามลำพัง บอกว่าเธอนึกไม่ออกว่าจะให้อะไรแฮร์รี่ เลยคิดว่าจะมอบสิ่งที่ทำให้เขาระลึกถึงเธอ พวกเขาจูบกัน กำลังหวานซึ้ง อยู่ ๆ รอนก็เปิดประตูพรวดเข้ามา .. รอนบ่น ๆ ใส่แฮร์รี่ว่าเขาไม่ควรให้ความหวังจินนี่ ซึ่งแฮร์รี่ก็เข้าใจว่าตัวเขาเองอนาคตไม่แน่นอน และบอกว่าจะไม่ถือโอกาสกับจินนี่อีก คืนนั้นมีจัดงานวันเกิดแฮร์รี่กัน ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่ Rufus Scrimgeour รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ ก็โผล่มา เรียกแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่เข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว ซึ่งก็คือเรื่องพินัยกรรมของดัมเบิลดอร์ ที่ได้มอบของบางอย่างให้พวกเขา .. แฮร์รี่เลยตั้งข้อสงสัยว่า ดัมเบิลดอร์ตายไปตั้งหนึ่งเดือนแล้ว ทำไมเพิ่งเอามาให้ เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าทางกระทรวงคงสงสัยว่าของ ๆ ดัมเบิลดอร์จะมีศาสตร์มืด กระทรวงเลยเก็บไปตรวจสอบ ดัมเบิลดอร์มอบ Deluminator ให้รอน .. หนังสือนิทาน Tale of Beedle, the Bard ส่่วนของแฮร์รี่ คือลูกสนิทช์ของการแข่งขันครั้งแรกของแฮร์รี่ .. ลูกสนิทช์เป็นของวิเศษที่จดจำสัมผัสของคนที่แตะต้องมันได้คนแรก และเก็บซ่อนข้อความความลับได้ ซึ่ง Scrimgeour แน่ใจว่าในนี้ดัมเบิลดอร์ต้องซ่อนอะไรไว้ให้แฮร์รี่แน่ ๆ .. แต่พอแฮร์รี่ถือลูกสนิทช์ไว้ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ Scrimgeour หัวเสียมาก .. ของอีกอย่างที่ดัมเบิลดอร์ให้แฮร์รี่คือดาบของก๊อดดริก กริฟฟินดอร์ ซึ่ง Scrimgeour อ้างว่าดาบเป็นสมบัติอันทรงค่าทางประวัติศาสตร์ เลยไม่ยอมมอบให้แฮร์รี่ ซึ่งพวกเขาสามคนก็เถียงสู้ขาดใจ จน Scrimgeour โกรธจัดยกไม้กายสิทธิ์จิ้มไปที่อกแฮร์รี่จนเสื้อเป็นรู เสียงเอะอะทำให้อาเธอร์กับมอลลี่รีบวิ่งเข้ามาดู Scrimgeour เลยถอยกลับไป ทั้งสามตรวจสอบของที่ดัมเบิลดอร์เหลือไว้ให้ และพยายามเชื่อมโยงกันว่าจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ .. แฮร์รี่นึกได้ว่าลูกสนิทช์ลูกนี้ ในการแข่งครั้งนั้น เขาไม่ได้ใช้มือจับมัน แต่กลืนมันไว้ต่างหาก ในลูกสนิทช์มีประโยคซ่อนไว้ว่า I open at the close. ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร เฮอร์ไมโอนี่บอกว่า เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้มาก่อน รอนตกใจมากเพราะนี่คือหนังสือนิทานที่เด็กในโลกเวทมนต์ทุกคนรู้จัก แม้แต่เขาเองที่ไม่ชอบอ่านหนังสือยังรู้จักเลย เฮอร์ไมโอนี่ก็เถียงกลับว่าเธอเกิดในโลกของมักเกิ้ล ทำให้เธอฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า ทำไมดัมเบิลดอร์ถึงอยากให้เธออ่านหนังสือเล่มนี้ บทที่ 8 - The Wedding ในงานแต่งงานของบิลกับเฟลอร์ แฮร์รี่ดื่มน้ำยาสรรพรสปลอมตัวเป็นญาติคนหนึ่งของพวกวีสลีย์ ชื่อแบร์รี่ วีสลีย์ (แต่จริง ๆ แล้วใช้ผมจากเด็กหนุ่มมักเกิ้ลผมแดงแถวบ้าน) ทุกคนออกมารับแขกที่มางานแต่ง ซึ่งก็มีเพื่อน ๆ และคนรู้จักมากมาย .. ลูน่ากับพ่อ ชื่อว่า Xenophilius ที่ท่าทางแปลกพอ ๆ กัน .. Auntie Muriel คุณป้าปากร้ายของพวกวีสลีย์ และวิคเตอร์ ครัม ที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง และรอนหึงจนลมออกหู .. พิธีแต่งงานราบรื่น ระหว่างที่รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ออกไปเต้นรำกัน ครัมพูดคุยกับแฮร์รี่ (ที่เขาไม่รู้ว่าคือแฮร์รี่เพราะปลอมตัวอยู่) บอกถึงความผิดปกติของพ่อลูน่าที่เขาสังเหตเห็น เพราะพ่อของลูน่าใส่สร้อยที่มีสัญลักษณ์ของ Grindelvald พ่อมดชั่วร้ายที่ดัมเบิลดอร์เคยประลองกัน แฮร์รี่จึงแก้ตัวให้ลูน่ากับพ่อ พวกนี้เป็นคนแปลก ๆ สนใจสิ่งของแปลก ๆ แบบนี้ ซึ่งครัมดูไม่ค่อยเชื่อ แล้วแฮร์รี่ก็นึกได้ Gregorovitch เป็นคนทำไม้กายสิทธิ์ของครัม ซึ่งเขาเลิกขายไปหลายปีแล้ว ของครัมเป็นไม้สุดท้ายที่เขาขายให้ ทำให้แฮร์รี่นึกเอะใจว่า Gregorovitch หายไปเพราะโวลเดอมอร์หรือเปล่า เขาจะรู้อะไรมากกว่าโอลิเวนเดอร์หรือเปล่า ในงาน แฮร์รี่พบกับ Elphias Doge ที่เขียนคอลัมม์เกี่ยวกับดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่แสดงตัวกับ Elphias และพูดคุยกัน Elphias ไม่พอใจเรื่องหนังสือของริต้า สคีเตอร์ ซึ่งแฮร์รี่ถามเขาว่าสมัยก่อน ดัมเบิลดอร์เคยยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์มืดหรือเปล่า Elpias ปฏิเสธ และยืนยันแฮร์รี่ว่าอย่าสั่นคลอนความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับดัมเบิลดอร์ พวกเขากำลังคุยเรื่องริต้าอยู่ ป้า Muriel ก็เข้ามาร่วมวงด้วย บอกว่าเธอชื่นชมและรอคอยหนังสือของริต้าอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งเธอหลุดปากออกมาว่าน้องสาวของดัมเบิลดอร์ Ariana เป็น Squib และดัมเบิลดอร์กักเธอไว้ในบ้านตลอดเวลา และแม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่น่ากลัว หยิ่งผยองและกดขี่ข่มเหง ไม่ยอมให้ลูกสาวที่แม้จะเป็น Squib ไปเข้าโรงเรียนมักเกิ้ลเด็ดขาด Elphias เถียงว่า Ariana ป่วยหนักจนไม่สามารถออกไปไหนได้ ป้า Muriel ก็เถียงกลับว่าป่วยหนักแต่กลับไม่เคยไปรักษาตัวที่ St. Mango เลยสักครั้ง และขุดคุ้ยเรื่องที่ว่าแม่ของเขาอาจฆ่าลูกสาวตัวเองก็ได้ถ้าเธอไม่ตายไปซะก่อน หรือไม่ก็ Ariana ต้องการอิสระมากจนฆ่าแม่ตัวเองก็ได้ ซึ่งทำให้ Elphias โกรธจัด .. ป้า Muriel ยังเล่าต่อด้วยว่าเธอแอบฟังแม่กับ Bathilda Bagshot คุยกันว่าในงานศพของ Ariana น้องชายของดัมเบิลดอร์กล่าวโทษดัมเบิลดอร์ว่าเป็นเพราะเขา น้องถึงตายและชกดัมเบิลดอร์ซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดขืนหรือป้องกันเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งแปลกมากเพราะเขาสามารถจัดการ Aberforth ได้อย่างสบาย ๆ และเธอก็แน่ใจว่าริต้าได้ข้อมูลมาจาก Bathilda ซึ่ง Bathilda เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของดัมเบิลดอร์ อาศัยอยู่ที่ก๊อดดริก ฮาโลว์เหมือนกับดัมเบิลดอร์ สิ่งที่แฮร์รี่ได้รู้ทำให้เขาตกใจมาก ทั้งเรื่องอดีตของดัมเบิลดอร์ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน และที่น่าตกใจที่สุดคือ ดัมเบิลดอร์เคยอยู่ในเมืองเดียวกับพ่อและแม่ของแฮร์รี่ และเขาไม่เคยพูดหรือบอกเรื่องนี้กับแฮร์รี่เลยสักครั้งเดียว แต่เขานั่งคิดได้ครู่เดียวเท่านั้น .. เมื่อผู้พิทักษ์ของคิงสลีย์ปรากฏตัวเพื่อส่งข่าวว่า "กระทรวงถูกยึด Scrimgeour เสียชีวิต พวกมันกำลังมา" บทที่ 9 - A Place to Hide ในงานแต่งงานโกลาหลมาก ๆ เมื่อทราบข่าวร้าย เฮอร์ไมโอนี่พาแฮร์รี่กับรอนไปยังถนนในเมืองมักเกิ้ล เพราะคิดว่าปลอดภัยจากพวกผู้เสพความตาย เฮอร์ไมโอนี่เตรียมของพร้อมมาในกระเป๋า ซึ่งมีหนังสือ เสื้อผ้าไว้เปลี่ยนและผ้าคลุมล่องหน (พวกเขายังอยู่ในชุดงานปาร์ตี้) เธอให้แฮร์รี่อยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหนและพาพวกเขาไปนั่งพักในบาร์เก่า ๆ แห่งหนึ่งเพื่อปรึกษากันว่าจะซ่อนกันที่ไหนดี ในบาร์นั้น แฮร์รี่ที่ล่องหนอยู่เหลือบเห็นแขกในร้านยกไม้กายสิทธิ์จะทำร้ายรอน พวกเขาจึงต่อสู้กันจนผ้าคลุมหล่นไป แต่ก็จับผู้เสพความตายสองคนไว้ได้ พวกเขาเคลียร์พื้นที่ เปลี่ยนความทรงจำคนในนั้นใหม่ และปรึกษากันว่าจะไปไหนดี แฮร์รี่ยืนยันจะกลับไปที่บ้านเก่าซีเรียส แม้เพื่อน ๆ จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไป ในบ้าน มีคำสาปของพวกภาคีใช้เพื่อดักสเนป พวกเขาปรึกษากันว่าทำไมผู้เสพความตายตามแฮร์รี่มาเจอได้ยังไง แล้วสงสัยว่าร่องรอยติดตามตัวของแฮร์รี่อาจจะยังอยู่ (เอ่อ มันคือ Trace ที่จับพวกอายุต่ำกว่า 17 แล้วใช้คาถาน่ะค่ะ มันผิดกฏหมาย และถ้ามันยังอยู่แฮร์รี่ใช้คาถาเมื่อไหร่ พวกโวลดี้ที่ยึดกระทรวงได้แล้วจะรู้ทันทีว่าแฮร์รี่อยู่ไหน) ระหว่างที่ปรึกษากันอยู่ แฮร์รี่ก็ปวดแผลเป็นและรู้สึกถึงความโกรธของโวลดี้ ที่ลูกน้องปล่อยให้แฮร์รี่หนีไปได้อีก บทที่ 10 - Kreacher's tale แฮร์รี่ตื่นแต่เช้า ยังคงสับสนและว้าวุ่นใจอยู่โดยเฉพาะเรื่องของดัมเบิลดอร์ เขาเดินเรื่อยเปี่อยไปในห้องนอนเก่าของซีเรียส และไปเจอจดหมายเก่าที่ลิลลี่เขียนมาหาซีเรียส เล่าถึงแฮร์รี่สมัยเด็ก ๆ ที่ชอบของขวัญ (ไม้กวาดของเล่น) ของซีเรียสมาก ๆ เล่าว่า ดัมเบิลดอร์ยังไม่ได้คืนผ้าคลุมล่องหนของเจมส์ วอร์มเทลที่มาเยี่ยมเมื่ออาทิตย์ก่อนก็ดูเศร้า ๆ ไป ... Bathilda มาเยี่ยมบ่อย ๆ และรู้สึกจะเอ็นดูแฮร์รี่มาก และได้เล่าเรื่องของดัมเบิลดอร์ให้ฟัง ... จดหมายขาดหายไปเท่านั้น แฮร์รี่พยายามหาส่วนที่เหลือของจดหมายต่อแต่ไม่พบ เนื้อความในจดหมายยิ่งทำให้แฮร์รี่สงสัยหนักขึ้นและอยากจะไปที่ก๊อกดริด ฮาโล่ว์ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าผู้เสพความตายต้องไปดักรอแฮร์รี่ที่แถวหลุมศพพ่อแม่ของเขาแน่ ๆ ระหว่างที่กำลังจะลงไปหาอะไรกิน แฮร์รี่เห็นสัญลักษณ์หน้าห้องที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน และเห็นชื่อ Regulas Arcturus Black และนึกถึงล๊อกเก็ต R.A.B. ขึ้นมาได้ จึงเข้าไปสำรวจห้องของเรกูลัส ซึ่งเก็บข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับโวลดี้เต็มไปหมด .. เรกูลัสเป็นน้องชายของซีเรียส แต่ต่างจากซีเรียสมาก ๆ อยู่บ้านสลิธีริน เคยเป็นผู้เสพความตาย แต่เมื่อพยายามถอนตัว ก็เลยถูกสังหาร .. เฮอร์ไมโอนี่เลยตั้งข้อสังเกตว่าถ้าเขาเป็นผู้เสพความตาย ได้ใกล้ชิดโวลเดอมอร์ แต่กลับอยากเลิกเพราะอาจจะหมดความเชื่อถือ เขาคงต้องการจะโค่นล้มโวลเดอมอร์แน่ ๆ พวกเขาพยายามหาล็อกเก็ตในห้องแต่ไม่พบ เฮอร์ไมโอนี่เลยนึกถึงตู้เสื้อผ้าที่ใครพยายามเปิด มันจะพ่นขยะใส่ และนึกถึงครีเชอร์ แฮร์รี่เรียกครีเชอร์ออกมา ถามเรื่องล็อกเก็ตและเรกูลัส ครีเชอร์บอกว่าล๊อกเก็ตถูกมันดันกัสเอาไปแล้ว ครีเชอร์เล่าถึงเรกูลัสว่าเป็นคนที่ดีต่อครีเชอร์มาก ผิดกับซีเรียส และครีเชอร์ดีใจและยินดีรับใช้เรกูลัสมาก เมื่อเรกูลัสอายุสิบหกและเข้าร่วมกับโวลดี้ ครีเชอร์ก็ถูกเรียกไปรับใช้โวลดี้ด้วย โวลดี้พาครีเชอร์ไปที่ถ้ำแห่งนั้น และให้ครีเชอร์ดื่มน้ำยาในอ่าง เป็นการทดสอบว่าน้ำยาใช้ได้หรือเปล่า จากนั้นโวลดี้ก็ทิ้งครีเชอร์ไว้ในถ้ำ ครีเชอร์ทรมาน คลานมาดื่มน้ำที่ทะเลสาปแล้วก็ถูกพวกปีศาจดึงลงไปในน้ำ แต่ครีเชอร์รอดมาได้เพราะเรกูลัสเรียกครีเชอร์กลับไปพอดี .. .. จุดนี้แฮร์รี่สงสัยว่าทำไมครีเชอร์ถึงกลับไปได้ เฮอร์ไมโอนี่กับรอนเลยบอกว่าเวทมนต์ของเอลฟ์ไม่เหมือนกับของพ่อมด คำสั่งของเจ้านายคืออันดับหนึ่ง และเอลฟ์สามารถหายตัวได้แม้แต่ในฮอกวอกต์ หลังจากนั้น เรกูลัสขอให้ครีเชอร์พาเขาไปที่ถ้ำ ที่อ่างนั้น ... แต่เรกูลัสไม่ได้ให้ครีเชอร์ดื่มน้ำยานั่น เขาเป็นคนดื่มเอง สั่งครีเชอร์สลับล็อกเก็ตและทำลายมันทิ้ง และสุดท้ายเรกูลัสก็ถูกพวกอินเฟอรี่ดึงไปในทะเลสาป ครีเชอร์กลับมา พยายามทำลายล็อกเก็ตแต่ไม่สำเร็จ นายหญิงก็เสียใจมากที่เรกูลัสหายตัวไป ครีเชอร์ก็ทำโทษตัวเองที่ทำตามคำสั่งไม่ได้ บอกนายหญิงไม่ได้เช่นกันเพราะเรกูลัสห้ามไม่ให้ครีเชอร์บอกเรื่องนี้กับใคร แฮร์รี่ไม่เข้าใจครีเชอร์ว่าทำไมยังช่วยบอกข่าวให้พวกโวลดี้อีก ทั้ง ๆ โวลดี้เองเคยปล่อยให้มันตาย และเรกูลัสนายของมันพยายามจะล้มล้างโวลดี้ แต่ครีเชอร์กลับทรยศซีเรียส ส่งข่าวให้นาร์ซิสซ่ากับเบลลาทริกซ์ไปบอกโวลดี้อีก เฮอร์ไมโอนี่เลยอธิบายว่าเอลฟ์ประจำบ้านเหมือนเป็นทาสรับใช้ที่ถูกข่มเหงมาตลอด มันจะดีกับพ่อมดที่ใจดีกับมันมาก ๆ เท่านั้น ซึ่งก็คือนายหญิงแบล็คและเรกูลัส ผิดกับซีเรียสทีทำไม่ดีต่อครีเชอร์มาก มันจึงมองนาร์ซิสซ่ากับเบลลาทริกซ์ดีกว่าซีเรียส และนี่คือผลตอบแทนของการกระทำไม่ดีต่อเอลฟ์ประจำบ้าน เมื่อเข้าใจแล้ว แฮร์รี่จึงสั่งให้ครีเชอร์ติดตามมันดันกัส และค้นหาว่าล็อกเก็ตอยู่ไหน เพราะมันสำคัญมากต่อเรกูลัส และเพื่อไม่ให้เขาตายอย่างไร้ค่า แล้วแฮร์รี่ก็มอบล็อกเก็ตอันที่เรกูลัสทำปลอมเอาไว้ ให้กับครีเชอร์ และบอกมันว่า นี่เป็นของเรกูลัส มอบให้กับมันตอบแทบความภักดีที่มันมีให้ ซึ่งทำให้ครีเชอร์ซาบซึ้งใจมาก ๆ ก่อนมันจากไป มันโค้งคำนับแฮร์รี่กับรอนถึงสองครั้ง ทำเสียงตลก ๆ ใส่เฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะคำนับอย่างนับถือแล้วก็หายตัวไป บทที่ 12 - Magic is might เลยเวลาเดินทางไปโรงเรียนด้วยรถไฟสายฮอกวอกต์แล้ว ทั้งสามยังคงซ่อนตัวอยู่ที่นี่โดยมีครีเชอร์ (ที่กลายเป็นด๊อบบี้เบอร์สอง) คอยรับใช้อย่างนอบน้อมและเต็มใจ รับข่าวสารข้างนอกจากหนังสือพิมพ์ที่แอบขโมยมา ซึ่งพาดหัวข่าวว่า เซเวอร์รัส สเนป ได้ขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ฮอกวอกต์ และรับสองพี่น้อง Carrows ที่เป็นผู้เสพความตาย มาเป็นอาจารย์วิชามักเกิ้ลศึกษากับป้องกันตัวจากศาสตร์มืด พวกเขาวางแผนที่จะเข้าไปในกระทรวงเวทมนต์เพื่อหาล๊อกเก็ต ระหว่างคุยกัน แฮร์รี่เจ็บแผลเป็น และเห็นโวลเดอมอร์ฆ่าคนอื่นเพื่อตามหา Gregorovitch อีก เฮอร์ไมโอนี่เตือนให้แฮร์รี่ต้องระวังตัวและปิดกั้นไม่ให้โวลดี้เข้ามาแทรก แต่แฮร์รี่ไม่สนใจ เขาอยากรู้ว่าทำไมโวลดี้ต้องการ Gregorovitchพวกเขาโดยใช้น้ำยาสรรพรสปลอมตัวเป็นคนในกระทรวง เฮอร์ไมโอนี่ปลอมตัวเป็น Mafalda Hopkirk ตำแหน่งผู้ช่วยในแผนกตรวจสอบการใช้คาถาไม่ถูกไม่ควร (555 Improper Use of Magic Office ในเวอร์ชั่นไทยใช้ว่าอะไรคะ ไม่ทราบน่ะค่ะ เอิ๊กกก) รอนปลอมเป็น Reg Cattermole แผนกซ่อมแซม ส่วนของแฮร์รี่ ปลอมเป็นชายตัวสูงชื่อ Albert Runcorn (ซึ่งตอนแรกพวกเขาไม่รู้ว่าคือใคร) ... ขณะที่พวกเขากำลังจะขึ้นไป ผู้เสพความตายคนหนึ่ง ชื่อ Yaxley ได้เรียกรอนในร่าง Cattermole ไว้ บอกว่าออฟฟิสเขาฝนตกมานานแล้ว และแปลกใจที่เห็นเขาตรงนี้ Yaxley บอกว่าเขากำลังจะลงไปสอบสวนเมียของ Cattermole ที่ไม่ใช่พวกเลือดบริสุทธิ์และ Cattermole ควรจะไปอยู่ข้าง ๆ เธอ และขู่ไว้ว่าถ้าออฟฟิสเขาไม่แห้งภายในหนึ่งชั่วโมง สถานะสายเลือดของเมีย Cattermole จะต้องย่ำแย่แน่ ๆ รอนออกจากลิฟต์ที่ชั้นสองหลังจากเฮอร์ไมโอนี่แนะนำวิธีซ่อมออฟฟิสของ Yaxley และเหมือนคนที่เข้ามาในลิฟต์จะรู้จักแฮร์รี่ในร่างของ Albert จนลิฟต์เปิดที่ชั้นหนึ่ง คนสี่คนเข้ามา สองคนกำลังคุยกัน หนึ่งในนั้นแม่มดร่างเตี้ยหน้าตาคุ้นมากและตรงกับรูปพรรณสัณฐานของคนที่มันดันกัสบอกว่าให้ล็อกเก็ตไป เดินเข้ามาในลิฟต์พอดี บท 13 The Muggle-born Registration Commission อัมบริดจ์เข้ามาในลิฟท์พร้อมกับรัฐมนตรีแล้วทักทายเฮอไมโอนี ทำให้รูว่าเธอปลอมเป็นคนที่ต้องทำงานในศาลจดทะเบียนพวก Muggleborn พร้อมกับอัมบริด แฮรีจึงเหลือตัวคนเดียวที่ว่างไปค้นห้องทำงานอัมบริดจ์ ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับรัฐมนตรี พอออกจากลิฟท์มาพร้อมกันรัฐมนตรีก็ถามว่ามาทำไมชั้นนี้ เพราะไม่ใช่ แผนกของ Runcorn แฮรีก็โมเมไปว่าจะมาคุยกับ Mr.Weasley แต่ลงผิดชั้น รัฐมนตรีก็ไม่ว่าอะไร พอลับตาแฮรีก็เอา invisibility cloack มาพรางตัวแล้วเดินหาห้องอัมบริดจ์ หน้าห้องเจอพนักงานกำลังคัดลอกหนังสือของอัมบริดจ์ 2 คน คนนึงกำลังจะบ่นก็ถูกอีกคนห้ามไว้ พนักงานคนแรกเลยของขึ้นที่เพื่อนกลัวเกินเหตุ บอกว่านอกจากตาวิเศษแล้วยังมีหูวิเศษอีกเหรอถึงไม่ให้บ่น แฮรีได้ยินก็เหลือบไปเห็นตาวิเศษของ Mad-Eye ติดอยู่ที่ประตูห้องทำงานอัมบริดจ์ แฮรีจะเข้าไปค้นห้องก็ต้องไม่ทำให้พนักงานหน้าห้องรู้ตอนเปิดประตู เลยเอาระเบิดมาสร้างความวุ่นวายหน้าห้อง ระหว่างชุลมุนก็แอบเปิดประตูเข้าไปในห้อง เข้ามาถึงก็ฉกตา Mad-Eye ซึ่งอัมบริดจ์เอาไว้ใช้แอบดูพนักงงานหน้าห้องทำงานจากในห้อง แล้วใช้คาถา accio เรียก locket แต่ไม่มีอะไรมาจึงเริ่มค้นห้องด้วยตัวเอง ค้นไปค้นมาเจอแฟ้มของ Arther Weasley ให้รายละเอียดว่าเป็นครอบครัว pureblood ซึ่งกำลังถูกจับตาเพราะเคยให้ "Undesirable No.1" มาอยู่ด้วย หลังจากค้นจนทั่วแน่ใจว่าไม่เจอแน่ รัฐมนตรีก็เข้ามาในห้อง แฮรีรีบคลุมผ้าแล้วแอบออกไประหว่างรัฐมนตรีทิ้งโน้ตไว้ให้อัมบริดจ์ ตอนนี้แฮรีคิดว่าไม่เจอ locket ในกระทรวงแน่ๆจึงจะถอยทัพ โดยลงลิฟท์ไปหาเฮอไมโอนีซึ่งตอนนี้อยู่ในศาล บังเอิญว่ารอนเข้ามาพอดีเพราะไม่สามารถแก้ฝนตกได้เลยต้องไปตามคนอื่นมาทำแทน พ่อรอนก็เข้ามาด้วยแล้วมีงกับแฮรีนิดหน่อย เพราะ Runcorn ที่แฮรีสวมรอยอยู่เป็นคนที่ทำเรื่องตรวจสอบพ่อมดที่ปลอมว่าตระกูลตัวเองเป็น pureblood แล้วเกิดไม่พอใจพ่อมดที่กระทรวงคนนึงเลยยัดข้อหาให้ไปนอนเล่นใน azkaban ทำให้พ่อรอนไม่พอใจ หลังจากแยกกันไป แฮรีสวมผ้าคลุมแล้วเดินหาศาล ระหว่างทางเจอ dementor กับพวก Muggleborn ที่กำลังรอขึ้นศาล พอประตูศาลเปิด Mary Cattemole ภรรยาของคนที่รอนสวมรอยก็ถึงคิวถูกเรียกเข้าไป แฮรีแอบตามเข้าไป พบว่าในศาลมี dementor อยู่เต็ม ส่วนคนสอบสวนก็คืออัมบริดจ์ พร้อมด้วย Yaxley (ซึ่งเป็น Death Eater) และ เฮอไมโอนี อัมบริดใช้ Patronus แมวเหมียวกันออรา dementor ไว้ระหว่างสอบสวนจึงไม่หดหู่พร้อมกับคนที่ถูกสอบ แฮรีค่อยๆปีนขึ้นไปหาเฮอไมโอนีแล้วกระซิบบอกแผน ขณะที่อัมบริดกำลังเมามันกับการสอบสวน แฮรีแอบเห็น locket อยู่กับอัมบริด เฮอไมโอนีก็แกล้งชมไปว่าสวยดี อัมบริดเลยโม้ให้ฟังว่าเป็น locket ตระกูลเธอ ซึ่งเป็นญาติกับตระกูล pureblood แฮรีได้ยินก็ฉุนขาดที่เอา locket ที่ริบมาจาก mundungus มาใช้แอบอ้าง pureblood ของตัวเอง เลยเสก stupefy ใส่ทั้งอิมบริดและ Yaxley แล้วรีบเก็บ Horcrux คืน เสก Patronus พา Mrs.Cattermole พร้อมกับ Muggleborn คนอื่นที่รอยู่หน้าศาลฝ่าฝูง dementor เพื่อหนีออกจากกระทรวง รอนเข้ามารวมด้วยแล้วบอกว่ากระทรวงรู้แล้วว่ามีคนบุกรุกเพราะเจอรูที่เคยเป็นลูกตา Mad-Eye หน้าห้องอัมบริด พอมาถึงชั้นเตาผิงก็เจอคนในกระทรวงกำลังปิดเตา แฮรีบอกให้หยุดโดยขู่จะยัดข้อหาแบบเดียวกับที่ทำกับพ่อมดคนก่อน แต่ยังไม่ทันได้หนี Yaxley ขึนลิฟตามมาทัน ทั้งสามรีบเข้าไปในเตา โดยมี Mrs.Cattermole ติดมาด้วย เพราะนึกว่ารอนเป็นสามีตัวจริง รอนจึงบอกความจริงไปว่าไม่ใช่สามี แฮรีเห็น Yaxley โผล่ตามออกมาจากเตาก็รีบจับแขนรอนกับเฮอไมโอนีแล้วพาหายตัวกลับไป Grimmald Place แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านก็วูบไปซะก่อน บท 13 จบแค่นี้ครับ ที่วูบไปอีกทีก็คือเฮอไมโอนีถูก Yaxley จับตัวไว้ ทำให้ Yaxley หายตัวมาโผล่ที่ Grimmald Place ด้วย เฮอไมโอนีรู้ว่า Yaxley ติดมาด้วยก็รีบสลัดหลุดแล้วพารอนกับแฮรีหายตัวไปโผล่ในป่าแทน การที่ Yaxley ติดมา Grimmald Place ก็คือฝ่า Fidelius Charm เข้ามาได้ ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อ Secret Keeper เป็นคนบอกเท่านั้น ในเมื่อดัมเบิลดอร์ตายไปแล้วพวกเขาที่เหลือจึงกลายเป็น Secret Keeper แทน แล้วการให้ Yaxley มาเห็น Grimmald Place ก็คือการบอกความลับให้นั่นเอง ดังนั้น Grimmald Place จะไม่ถูกซ่อนไว้อีกแล้ว ทั้งสามคนจังไม่สามารถกลับไปอยู่ได้อีก บทที่ 14 "หัวขโมย" แฮรี่รู้สึกตัวขึ้นมากลางป่า เฮอไมโอนี่กำลังปฐมพยาบาลรอนที่สลบอยู่ เฮอไมโอนี่บอกว่าพวกเขาอยู่ในป่าที่เคยใช้จัดงานควิชดิชเวิร์ลคัพ เฮอไมโอนี่เอาน้ำยาจากในเป้หยดใส่รอน ไม่นานรอนก็ฟื้นขึ้นมา ทั้งสามคนซักถามกันว่าเกิดอะไรขึ้น เฮอไมโอนี่โทษว่าเป็นความผิดของเธอที่ปล่อยให้ Yaxley จับตัวเธอได้จนทำให้บ้านที่กริมโมเพรทถูกเปิดเผย แต่แฮรี่แก้ว่าเป็นความผิดของเขาเองต่างหากที่แอบหยิบตาของแมดอายมาทำให้พวกที่กระทรวงรู้ว่ามีคนบุกรุก พวกเขาตัดสินใจค้างคืนที่ป่านี้ เฮอไมโอนี่เสกคาถาป้องกันนับสิบคาถาไปรอบๆบริเวณ จากนั้นจึงเอาเต้นท์จากในเป้มากางเพื่อใช้เป็นที่พักชั่วคราว เฮอไมโอนี่เอาล๊อกเก็ตที่ฉกจากอัมบริดมาได้ออกมาเวียนกันดู มันยังไม่บุบสลาย ทั้งสามคนพยายามเปิดล๊อกเก็ตแต่ไม่สำเร็จไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม แฮรี่ตัดสินใจเก็บล๊อกเก็ตไว้ก่อนแล้วค่อยหาวิธีทำลายทีหลัง แฮรี่กับเฮอไมโอนี่ใช้ผ้าคลุมล่องหนออกไปสำรวจรอบๆและเก็บเห็ดมากินประทังหิว รอนต้องนอนพักอยู่ในเต็นท์เพราะยังไม่หายดี ทุกอย่างดูเงียบสงบดีมาก ทั้งสองคนกลับเข้ามานอนพักกันในเต็นท์ แฮรี่นึดเป็นห่วงครีเชอร์ว่าจะเป็นยังไงบ้าง จะถูกจับได้หรือถูกทรมานให้บอกความลับหรือไม่ ครีเชอร์จะขายเขาหรือเปล่า แล้วแฮรี่ก็เจ็บแผลเป็นขึ้นมา เขาเห็น Gregorovitch ถูกจับแขวนไว้กลางอากาศ มีเสียงโวลเดอร์มอร์สั่งให้ Gregorovitch เอาของบางอย่างมาให้ แต่ Gregorovitch บอกว่าของถูกขโมยไปนานแล้ว โวลเดอมอร์ใช้คาถาอ่านความทรงจำของ Gregorovitch จึงได้เห็นว่ามีคนร้ายบุกเข้ามาขโมยของในบ้านของ Gregorovitch เป็นชายหนุ่มผมทองคนหนึ่ง Gregorovitch รู้ตัวแต่คนร้ายหลบหนีไปได้พร้อมของบางอย่าง โวลเดอร์มอร์ถามว่าคนร้ายเป็นใคร แต่ Gregorovitch ไม่รู้ โวลเดอร์มอร์จึงลงมือทรมาน Gregorovitchเฮอไมโอนี่ได้ยินแฮรี่ร้องละเมอโวยวายจึงเรียกแฮรี่ให้ตื่นขึ้นมา เธอไม่พอใจที่รู้ว่าแฮรี่ยังเห็นภาพโวลเดอร์มอร์อยู่ แฮรี่เล่าเรื่องที่เห็นให้รอนฟัง เขาคิดว่า Gregorovitch คงถูกฆ่าตายแล้ว และของที่โวลเดอร์มอร์ต้องการต้องเป็นของสำคัญ แฮรี่คิดว่าเขาเคยเห็นขโมยคนนั้นมาก่อนแต่ยังนึกไม่ออกว่าเป็นใคร รอนเสนอความคิดว่าเป็นไปได้มั้ยว่าโวลเดอร์มอร์กำลังหาของมาทำ Horcrux อีกอันนึง แต่แฮรี่คิดว่าไม่ใช่ เพราะจากตำราที่เฮอไมโอนี่ค้นคว้า โวลเดอร์มอร์น่าจะแบ่งวิญญาณเพื่อทำ Horcrux จนถึงขีดจำกัดแล้ว แฮรี่คิดว่าโวลเดอร์มอร์น่าจะกำลังพยายามหาทางแก้ไขข้อจำกัดของ wand ที่จะไม่ทำร้ายพี่น้องกันเองมากกว่าโดยการไปหาข้อมูลจากคนทำ wand แล้วก็ฆ่าทิ้ง แต่โวลเดอร์มอร์กลับไม่ถามถึงวิธีทำสุดยอด wand ที่แท้แล้วโวลเดอร์มอร์กำลัง พยายามทำอะไรอยู่กันแน่ คราวนี้เป้าหมายการไล่ล่าคนต่อไปของโวลเดอร์มอร์ก็คือหัวขโมยหนุ่มผมทองคนนั้น บทที่ 15 - The Goblin's Revenge พวกเขาต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เปลี่ยนที่พักไปเรื่อย ๆ และหาอาหารทำกินเอง ซึ่งอัตคัดมาก ๆ แฮร์รี่ไม่สามารถเสกคาถาผู้พิทักษ์ที่เขาวชาญที่สุดได้ เฮอร์ไมโอนี่ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะล๊อกเก็ต เพื่อแฮร์รี่ถอดออก เขาก็รู้สึกโล่งขึ้น พวกเขาเลยสลับกันสวมล็อกเก็ต พวกเขาปรึกษากันว่า Horcruxes ที่เหลือจะไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง ซึ่งก็นึกกันไม่ออก และสภาพจิตใจของพวกเขาก็ย่ำแย่มาก โดยเฉพาะเวลาที่ใส่ล็อกเก็ตและรอนก็เริ่มหงุดหงิด และเป็นห่วงที่บ้านมาก ๆ จนพาลทะเลาะในเรื่องอาหารการกินที่เฮอร์ไมโอนี่จะไม่ค่อยถนัดระหว่างที่เถียงกัน พวกเขาได้ยินเสียง จึงใช้ Extendable Ears (หูที่ฟังเสียงไกล ๆ ได้ของเฟร็ดจอร์จน่ะค่ะ) แอบฟัง พบว่าเป็นพวกก๊อบลินและชายสามคนที่กำลังหลบหนีกระทรวงอยู่ในนั่ง พักกินอาหารกันแถว ๆ นั้น สามคนคือเท็ด (พ่อของท๊องก์) ดีน โธมัส และ เดิร์ก ทั้งสามเป็นคนที่เกิดจากมักเกิ้ล และไม่ยอมไปลงทะเบียน .. พวกก๊อบลินบอกว่าพวกเขาไม่ยุ่งหรือเข้าข้างใดเพราะเป็นเรื่องสงครามของพ่อมด แต่ Gringott ก็ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของก๊อบลินแต่เพียงผู้เดียวอีกแล้ว พวกมันไม่ชอบผู้ใต้คำสั่งพ่อมด ก็เลยถือโอกาสแก้แค้นพวกพ่อมด ก๊อบลินเล่าข่าวเรื่องจินนี่และเพื่อน ๆ พยายามขโมยดาบกริฟฟินดอร์จากห้องทำงานของสเนป (ห้องอาจารย์ใหญ่นั่นล่ะค่ะ) สเนปเลยเห็นว่าที่โรงเรียนไม่ปลอดภัย เลยเอาฝากไว้ที่ Gringott .. ดาบนั้นพวกก๊อบลินเป็นคนสร้างขึ้น ก๊อบลินได้รู้ทันทีว่าดาบเป็นของปลอม แต่พวกมันก็ไม่ได้พูดอะไร แก้แค้นพวกพ่อมดให้คิดว่าพวกเขามีดาบของจริงอยู่ หลังจากนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็เอารูปของ Phineas Nigellus Black ออกมาจากกระเป๋า (มหัศจรรย์) และสอบถามเขาเรื่องจินนี่กับดาบ .. จินนี่ เนวิลล์และลูน่าถูกทำโทษให้ไปทำงานให้แฮกริดในป่าต้องห้าม ส่วนเรื่องดาบ ซึ่งเขาบอกว่า ครั้งสุดท้ายที่เห็นดาบถูกเอาออกไป (ไม่นับที่จินนี่ขโมย) คือเมื่อดัมเบิลดอร์หยิบดาบไปทำลายแหวน ... นั่นทำให้แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ตกใจและตื่นเต้นมากที่ทราบว่าดาบสามารถทำลาย Horcruxes ได้ และพวกเขาพยายามนึกว่าดาบเล่มจริงตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่ในตอนนั้น รอน ที่ใส่ล็อกเก็ตและจิตใจห่อเ่ยวมาก กลับไม่สนใจความตื่นเต้นของพวกเขา และพูดจากระแนะกระแหน๋ ทำให้แฮร์รี่เหลืออด เพราะเขาเองก็เห็นรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ซุบซิบกันและเงียบเสียงทันทีที่เขาเข้าไปหาเหมือนกัน พวกเขาทะเลาะกันจนเฮอร์ไมโอนี่เสกโล่ห์ขึ้นกันพวกเขาออกจากกัน รอนถอดล็อกเก็ตออก และถามเฮอร์ไมโอนี่ ว่าจะอยู่หรือเปล่า เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างตะกุกตะกักว่าเธอจะอยู่ พวกเขาต้องอยู่ช่วยแฮร์รี่ รอนกลับบอกว่า เธอเลือกแฮร์รี่ แล้วก็เดินออกจากเต็นท์และหายตัวไปท่ามกลางพายุ บทที่ 16 - Godric's Hollow รอนจากไปแล้ว แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ยังคงเดินทางต่อไปด้วยกัน แฮร์รี่พยายามไม่พูดถึงรอนเพื่อไม่ให้เฮอร์ไมโอนี่คิดมาก แต่เขารู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ยังคงเศร้าซึมอยู่ แฮร์รี่ครุ่นคิดว่าดาบจะไปอยู่ที่ไหน และคิดถึงดัมเบิลดอร์ นึกโกรธที่เขาไม่เคยถามอะไรดัมเบิลดอร์เลย ความคิดย้อนกลับไปที่ Godric's Hollow และเขาปรึกษาเฮอร์ไมโอนี่ว่าเขาอยากกลับไปที่นั่น ใจจริงคือเขาอยากกลับไปยังหลุมศพของพ่อแม่ คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่เห็นด้วย และยกเรื่องดาบมาพูดว่า ก๊อกดริก กริฟฟินดอร์เองก็เกิดที่นี่ และยกหนังสือ History of Magic เขียนโดย Bathilda Bagshot ขึ้นมายืนยัน และบอกว่าพ่อแม่หลายคนเคยอาศัยอยู่ที่นี่ แฮร์รี่เชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันกับ Godric's Hollow ทั้งดาบของก๊อกดริก กริฟฟินดอร์ ครอบครัวของเขา Bathilda Bagshot ที่อาศัยอยู่ที่นั้น และครอบครัวของดัมเบิลดอร์ พวกเขาฝึกหายตัวใต้ผ้าคลุมล่องหน และปลอมตัวเป็นมักเกิ้ลไปยัง Godric's Hollow เวลานั้นเป็นช่วงคริสตมาสพอดี ซึ่งทำให้แฮร์รี่คิดถึงตัวเอง ว่าถ้าไม่มีโวลดี้ เขาชีวิตที่เป็นสุข ... ที่ Godric's Hollow มีอนุสรณ์สถานสงครามอยู่ พอแฮร์รี่เดินผ่าน มันก็เปลี่ยนเป็นรูปปั้นคนสามคน คือพ่อแม่ และตัวเขา ... พวกเขาเดินเข้าไปในส่วนที่ฝังศพ และพบป้ายหลุมศพของคนที่นามสกุลคุ้นเคยมาก ๆ เช่น Abbott .. หลุมศพของแม่และน้องสาวดัมเบิลดอร์มีคำจารึกว่า "Where your treasure is, there will be your heart also." และหลุมศพของเจมส์กับลิลลี่ จารึกไว้ว่า "The last enemy that shall be destroyed is death." *ศัตรูสุดท้ายที่ต้องทำลายคือความตาย* ซึ่งแฮร์รี่ก็ยังไม่แน่ใจว่าคำจารึกพวกนี้หมายถึงอะไร และเขานึกโกรธที่ไม่ได้ติดดอกไม้หรือเอาอะไรมาเคารพหลุมศพพ่อแม่ตัวเองเลย เฮอร์ไมโอนี่เสกพวงหรีดคริสตมาสดอกกุหลาบออกมาให้แฮร์รี่ วางบนหลุมศพ .. ทั้งสองเดินออกจากตรงนั้นเงียบ ๆ แฮร์รี่โอบไหล่เฮอร์ไมโอนี่ และเธอก็โอบเอวเขา และเดินจากไป บทที่ 17 There "แฮรี่ หยุดก่อน" "มีอะไรผิดปกติหรือ" พวกเขาเพิ่งเดินมาถึงหลุมฝังศพของพวกสกุลแอบบ๊อทคนหนึ่ง "มีใครบางคนอยู่ที่นั่น ชั้นบอกได้เลยว่าใครบางคนกำลังดูเราอยู่ อยู่บนแท่นที่นั่น" พวกเขายืนนิ่งกันอยู่ จับมือกันและกัน มองไปในความมืดของสนามหญ้าที่เป็นหลุมฝังศพ แฮรี่ไม่เห็นอะไรผิดปกติ "เธอแน่ใจหรือ" "ชั้นเห็นบางอย่างเคลื่อนไหว สาบานได้ ชั้นเห็นจริงๆ" เธอปล่อยมือจากเขาเพื่อให้มีมือว่างที่จะใช้ไม้กายสิทธิได้ "แต่พวกเราก็ดูเหมือนพวกมักเกิ้ลไม่ใช่หรือ" แฮรี่ถาม "อ้อ พวกมักเกิ้ลที่เพิ่งวางดอกไม้บนหลุมศพของพ่อแม่ของเธออย่างนั้นนะหรือ ชั้นแน่ใจว่ามีใครอยู่ตรงนั้น" แฮรี่คิดถึงหนังสือประวัติศาสตร์เวทมนต์ที่กล่าวว่าสนามหญ้าที่เป็นหลุมฝังศพเป็นสถานที่ค่อนข้างน่ากลัวและหลอกหลอน ถ้าหากเพียงแต่ว่า...แต่ในนาทีนั้นเขาได้ยินเสียงใบไม้กรอบแกรบ และเห็นร่องรอยของหิมะบนแท่นที่เฮอร์ไมโอนี่พูดถึง แน่นอนว่าผีไม่สามารถที่จะทำให้หิมะเคลื่อนที่หรือมีร่องรอยได้ "ก็แค่แมว" แฮรี่พูด "หรืออาจจะเป็นนก ถ้ามันเป็นพวกผู้เสพความตาย เราคงตายไปแล้ว แต่ออกไปจากนี่กันเถอะ เราใช้ผ้าคลุมล่องหนได้ " พวกเขาเหลือบมองกลับไปทางที่จะออกจากสนามหญ้า แฮรี่ไม่ได้รู้สึกสบายใจเหมือนกับที่เค้าได้แสดงออกให้เฮอร์ไมโอนี่เห็น เขารู้สึกดีใจที่กลับมาที่ประตูและทางเดินเท้าพวกเขาคลุมผ้าคลุมล่องหน เมื่อพวกเขากลับมาที่ผับ ผับดูเหมือนหนาแน่นกว่าก่อนหน้านี้ มีเสียงร้องเพลงเหมือนที่พวกเขาเคยได้ยินที่โบสถ์ แฮรี่คิดจะกลับไปนั่งที่ผับ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร เฮอร์ไมโอนี่ก็ดึงเขาไปอีกทางหนึ่งที่ตรงข้ามกับทางที่พวกเขาเข้ามา พวกเขาเดินกันมาเรื่อยๆ แฮรี่บอกไม่ได้ว่ากระท่อมหลังสุดท้ายจะสิ้นสุดลงเมื่อไร พวกเขาเดินกันอย่างเร็วที่สุดที่จะทำได้ ผ่านหน้าต่างที่มีแสงไฟวับแวม มีต้นคริสมาสต์มองเห็นเป็นเงาๆ ในความมืด "เราจะหาบ้านของบาทิลด้าเจอได้อย่างไร"เฮอร์ไมโอนี่ถามและเหลียวหลังไปมอง "แฮรี่ เธอคิดว่างัยหือ แฮรี่" หล่อนกระตุกแขนเขา แต่แฮรี่ไม่ได้สนใจ เขามองฝ่าความมืดไปยังบ้านหลังสุดท้ายของแถวนั้น เขาเร่งความเร็วขึ้นและลากเฮอร์ไมโอนี่ไปกับเขา หล่อนลื่นเล็กน้อยบนน้ำแข็ง "แฮรี่ " "มอง... มองดูซิ เฮอร์ไมโอนี่." "ชั้นไม่เห็น . . . โอ้" พวกเขาเห็นมัน รั้วต้นไม้สูงขึ้นนับตั้งแต่ 16ปีหลังจากที่แฮกริดเอาแฮรี่ไป กระท่อมส่วนใหญ่ยังคงอยู่แต่ถูกปกคลุมด้วยเถาไอวี่และหิมะ.แต่ทางขวาของชั้นบนสุดถูกระเบิดออกไป แฮรี่แน่ใจเลยทีเดียวว่านี่เกิดจากไฟที่เกิดจากคำสาบ เขาและเฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ที่ประตู และมองไปที่กระท่อม "น่าประหลาดใจว่าทำไมไม่มีใครคิดจะซ่อมมันเนี่ย" เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ "บางทีพวกเขาอาจจะซ่อมมันไม่ได้ แฮรี่ตอบ "เพราะมันพังเนื่องจากคำสาบด้านมืด จึงไม่สามารถซ่อมได้” แฮรี่ปล่อยมือจากผ้าคลุมล่องหน และเดินไปที่ประตู ไม่ได้คิดจะเปิดมันออก แต่ก็ทาบมือลงกับส่วนหนึ่งของบ้าน "เธอไม่ได้คิดจะเข้าไปข้างในใช่ไหม มันมองดูไม่ปลอดภัยเลย มันอาจจะ ...แฮรี่..ดูซิ" ดูเหมือนว่ามือเขาที่ทาบบนประตูเป็นตัวทำให้เกิดขึ้น มีเครื่องหมายแผ่นป้ายผุดขึ้นตรงพื้นหน้าพวกเขา ผ่านกลุ่มต้นไม้ตรงนั้น มันดูประหลาด อักษรสีทองบนแผ่นไม้เขียนไว้ว่า ที่จุดนี้ คืนวันที่ 31 ตุลาคม 1981 ลิลลี่และเจมส์เสียชีวิต ลูกชายของพวกเขา เด็กชายคนเดียวที่เหลืออยู่จากคำสาบ Killing Curse. บ้านหลังนี้พวกมักเกิ้ลไม่สามารถมองเห็นได้ มันเก็บไว้ในสถานะที่เหมือนกับตอนมันถูกทำลาย มันเป็นเหมือนอนุสาวรีสำหรับพวกพอตเตอร์ เพื่อเตือนให้ระลุกถึงความรุนแรงที่ได้เกิดขึ้นกับครอบครัวเขา และรอบๆ ก็มีคำพูดอื่นๆ ที่เขียนโดยพ่อมดหรือแม่มดที่มายังที่แห่งนี้ ที่ซึ่งเด็กชายที่รอดชีวิตได้หนีไป บางคนได้เซ็นชื่อไว้ด้วย บางคนก็ได้ทิ้งข้อความไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อความในลักษณะที่คล้ายๆกันคือ ขอให้แฮรี่โชคดีไม่ว่าแฮรี่จะอยู่ที่ใดก็ตาม ถ้าเธอได้อ่านนี่ แฮรี่ รู้ไว้ว่าพวกเราอยู่ข้างเธอ ขอให้แฮรี่อายุยืน หรืออะไรทำนองนั้น "พวกเขาไม่ควรเขียนอะไรไว้อย่างนี้" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างขุ่นเคือง แต่แฮรี่ก็ไม่ได้หันไปมองเธอ "มันดูดี ชั้นดีใจที่พวกเขาทำ ชั้น.." *****จากนี้ไปอย่างย่อค่ะ ละเอียดไม่ไหว ***** หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงเดินมาหาพวกเขา หล่อนเป็นแม่มดแน่นอน พวกเขาสงสัยว่าหล่อนจะเป็นบาทิลด้า พวกเขาถามว่าหล่อนคือบาทิลด้ามั้ย หล่อนไม่ตอบ หล่อนเปิดประตู และทำท่าทางให้พวกเขาตามหล่อนเข้าไป พวกเขาตามไปโดยคิดว่าหล่อนเป็นบาทิลด้า ภายในบ้านแฮรี่เห็นรูปถ่ายชายผมทอง เขาจึงพยายามถามหล่อนเกี่ยวกับชายผมทองคนที่ขโมยของในร้าน แต่หล่อนไม่ตอบอะไร หล่อนทำท่าทางต้องการให้ขึ้นไปชั้นบน เมื่อพวกเขาจะตามหล่อนขึ้นไปข้างบน หล่อนก็ไม่ยอมให้เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไป หล่อนต้องการให้แฮรี่ขึ้นไปเพียงคนเดียว บาทิลด้านำแฮรี่ไปชั้นบน และที่นั่นในห้องแฮรี่ใช้ไม้กายสิทธิ์จุดไฟ และสอบถามหล่อนว่า ดัมเบิลดอร์ฝากอะไรไว้ให้เค้ามั้ย แต่หล่อนไม่สนใจ หล่อนถามว่าเขาคือแฮรี่มั้ย แฮรี่บอกว่าใช่(สังเกตว่าก่อนหน้านี้หล่อนไม่พูดอะไรเลย ไม่ว่าพวกแฮรี่จะถามว่าหล่อนใช่บาทิลด้ามั้ย หรือ ใครคือขโมยคนนั้น) เมื่อหล่อนแน่ในว่าคือแฮรี่ หล่อนทำปากขมุบขมิบปากพึมพำ แฮรี่ได้ยินประมาณว่า รั้งตัวไว้ เขาถามซ้ำว่าดัมเบิลดอร์ฝากอะไรไว้ให้เค้ามั้ย หล่อนชี้ไปที่มุมห้องและบอกว่า There (นี่มาของชื่อบทที่ 17 นี้งัย) แค่ละลายตาชั่ววินาทีหล่อนก็กลายเป็นงูเข้ามาทำร้ายแฮรี่ เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาจังหวะที่กำลังชุลมุนกันอยู่และพยายามช่วยเขา งูนากินีปล่อยเขา มีงูเต็มห้อง มีเสียงระเบิด พวกเขาต่อสู้ พวกเขารู้ว่าลอร์ดโวลเดอมอร์กำลังมา เฮอร์ไมโอนี่พาแฮรี่หายตัวออกมา แต่ตัวเขารู้สึกเหมือนเขาเป็นลอร์ดโวลเดอร์มอร์ที่รู้สึกคลั่งแค้นในนาทีสุดท้ายที่แฮรี่หนีไปได้ แฮรี่มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อพวกเขาอยู่ในเต้นท์ แฮรี่ฝันเกี่ยวกับเรื่องราววันที่พ่อกับแม่ของเขาพยายามพาเขาหนี ช่วยเขา และร้องขอชีวิตของแฮรี่จากลอร์ดโวลเดอร์มอร์ และในที่สุดโดนลอร์ดโวลเดอมอร์ฆ่า เขาตื่นมา เฮอร์ไมโอนี่กำลังดูแลเขา บอกว่าพวกเขาหนีออกมาได้ชั่วโมงกว่าแล้ว ตอนนี้ใกล้รุ่งแล้วเฮอร์ไมโอนี่เล่าเกี่ยวกับที่แฮรีเป็นตอนเขาละเมอว่าเขาครางและออกเสียงเหมือนเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์ และอีกทีที่ร้องไห้ทำตัวเหมือนเด็ก(เป็นช่วงที่เค้าฝันถึงพ่อกับแม่ถูกฆ่า) เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าหล่อนเอาฮอร์ครักมาจากตัวแฮรี่ไม่ได้ มันติดกับหน้าอกเค้า มันทำให้เค้ามีรอยตรงหน้าอก(ฮอร์ครักร้อนและมีปฏิกริยาเมื่อตอนเจอบาทิลด้า และเจองูในห้องนั้น) แฮร์รี่โดนงูฉกที่แขนด้วยแต่ไม่เป็นไรมาก แฮรี่ขอโทษที่เค้าพา เฮอร์ไมโอนี่ไปที่นั่นและทำให้พวกเขาโดนทำร้าย เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าเป็นเพราะหล่อนอยากไป หล่อนถามแฮรี่ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่พวกเขาขึ้นไปข้างบนหล่อนให้งูซ่อนอยู่หรือ แฮรี่บอกว่าไม่ใช่ จริงๆ แล้วงูคือหล่อน หล่อนคืองู เฮอร์ไมโอนี่ตกใจ อะไรนะ แฮรี่บอกว่าบาทิลด้าจะต้องตายแล้วแน่ๆ แล้วลอร์ดโวลเดอร์มอร์ก็ทิ้งงูไว้ในตัวหล่อน เพื่อรอแฮรี่ ซึ่งลอร์ดโวลเดอร์มอร์รู้แน่ว่าแฮรี่จะต้องกลับมาที่นี่เฮอร์ไมโอนี่ตกใจที่มีเวทมนต์อย่างนั้นด้วย แฮรี่บอกว่าก็อย่างที่ลูปินบอกว่าเวทมนต์ทำได้ในสิ่งที่เรานึกไม่ถึง บาทิลด้าไม่ต้องการพูดอะไรเมื่อพวกเราซักถามหล่อนทีแรก หล่อนแค่พยักหน้าหรือผงกหัวหรือส่ายหัว ก็เพราะมันเป็นพาเซลเม้า ซึ่งถ้าพูดแฮรี่ก็ต้องรู้ว่าเป็น Parseltongue, ตอนนั้นแฮรี่บอกว่าเขาไม่ได้นึกถึง แต่เขาเข้าใจที่หล่อนพูด เมื่อขึ้นไปข้างบน หล่อนส่งข่าวไปยังคนที่ก็รู้ว่าใครว่าแฮรี่อยู่ที่นั่น คนที่คุณรู้ว่าใครบอกให้รั้งตัวเขาไว้ที่นั่นและลอร์ดโวลเดอร์มอร์กำลังมา เขาบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่างูออกมาจากส่วนที่เคยเป็นคอของบาทิลด้า ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่บอกว่าเธอไม่ต้องการรู้รายะเอียดขนาดนั้น แฮรี่เลยเล่าแค่บาทิลด้าเปลี่ยนเป็นงูและโจมตีเขา แน่นอนว่าไม่ได้ต้องการจะฆ่าเขา แค่รั้งตัวเขาไว้จนคนที่คุณรู้ว่าใครมาถึง เฮอร์ไมโอนี่บอกให้แฮรี่หยุดเล่าและพักผ่อน แฮรี่ถามถึงไม้กายสิทธิ์ของเขา(ซึ่งเขาจำได้ว่ามันหล่นตอนเขากำลังสู้กับงู)เฮอร์ไมโอนี่ดึงไม้กายสิทธิ์จากใต้เตียงส่งให้แฮรี่ มันดูเหมือนเกือบจะแยกเป็นสองเสี่ยง (โดนแฮรี่เหยียบตอนสู้กับงู)เฮอร์ไมโอนี่ขอโทษที่มันหัก แฮรี่ขอให้หล่อนซ่อมให้เขา เขาทดลองใช้และพบว่าไม้กายสิทธิมีบางสิ่งผิดปกติ ไม่ทำงานอย่างที่เขาสั่ง เฮอร์ไมโอนี่ขอโทษ เธอบอกว่าเป็นเพราะเธอใช้คาถา Blasting Curse(ทำให้ระเบิด) ในตอนชุลมุน ทำให้มีการสะท้อนของคาถาทุกทิศทางแฮรี่บอกไม่เป็นไร มันเป็นอุบัติเหตุ และคงหาทางซ่อมได้ เฮอร์ไมโอนี่ร้องให้และขอโทษ และเล่าถึงคราวที่รอนทำไม้กายสิทธิหัก มันซ่อมไม่ได้ และรอนก็ต้องซื้ออันใหม่ แฮรี่นึกถีงโอลิเวนเดอร์ที่ถูกลอร์ดโวลเดอร์มอร์จับตัวไป และนึกท้อใจว่าเค้าจะหาไม้กายสิทธิ์ให้ตัวเองด้วยตัวเองได้อย่างไรเขาเอ่ยปากขอยืมไม้กายสิทธิของเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ส่งให้ด้วยน้ำตานองหน้า(เพราะเสียใจที่ทำให้ไม้แฮรี่พัง ไม่ใช่เพราะเสียดายไม้ มีแซว) เขาปล่อยให้เธอนั่งเงียบๆบนเตียงเขา ตัวเขาคิดเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรถึงไปจากเฮอร์ไมโอนี่ตรงนี้ได้ บทที่ 18 – The Life and Lies of Albus Dumbledore แฮรี่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ได้เผชิญมาที่ก็อดดริก ฮอลโลว์ และรู้สึกโกรธดัมเบิลดอร์อย่างมากที่ไม่ได้บอกอะไรให้พวกเขารู้ พวกเขาไปที่นั่นเพราะคิดว่าจะได้คำตอบที่ตนต้องการรวมถึงเรื่องดาบ แต่กลับต้องไปเผชิญหน้ากับกับดักของโวลเดอมอร์และต้องหนีเอาชีวิตรอดและไม้กายสิทธิ์ของเขายังมาหักเสียอีก กลายเป็นว่าฝ่ายของโวลเดอมอร์ได้ข้อมูลที่เขาต้องการ จากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็เข้ามาขัดจังหวะความคิดของเขา (ด้วยชาร้อนๆสองแก้ว)และบอกว่ามีอะไรบางอย่างให้ดูที่น่าจะเกี่ยวกับผู้ชายในรูปที่แฮรี่ต้องการรู้ว่าเขาคือใคร และหยิบหนังสือ The Life and Lies of Albus Dumbledore ซึ่งมีลายมือของรีต้า สกีตเตอร์ อยู่ด้วย เป็นข้อความขอบคุณให้กับ Batilda Bagshot ที่ให้ข้อมูลในการทำหนังสือเล่มนี้ แฮรี่หวังว่าเขาจะได้พบข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับดัมเบิลดอร์ที่เขาไม่เคยรู้และที่ดัมเบิลดอร์ไม่เคยบอก เขาจึงเริ่มเปิดหนังสืออ่านไปพร้อมกับเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งในนั้นเขียนไว้ว่ากรินเดอวัลคือเพื่อนของดัมเบิลดอร์ และกล่าวถึงเกียรติยศต่างๆที่ดัมเบิลดอร์ได้รับหลังจบการศึกษาจากฮอกวอร์ตและเขามีแผนจะไปเดินทางท่องเที่ยวกับ Elphias “Dogbreath” Doge แต่ต้องกลับมาที่ก๊อดดริก ฮอลโลว์เพราะต้องดูแลน้องๆของเขา จากนั้นในหนังสือก็ลงบทสัมภาษณ์และเรื่องราวที่เกี่ยวกับครอบครัวของดัมเบิลดอร์ (แน่นอนว่าตามสไตล์ของริต้า สกี้ตเตอร์) และตามด้วยเรื่องราวของ Gallert Grinderwald ว่าเป็นหลานที่ Batilda Bagshot รับเลี้ยงและได้กลายเป็นพ่อมดศาสตร์มืดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคก่อนหน้าโวลด์เดอมอร์ (ลงรายละเอียดค่อนข้างเยอะขอไม่แปลนะคะ แม้ว่าอาจจะสำคัญในภายหลังน่ะนะ ถ้ามีใครมาแปลลงไว้ต่อก็ดี) และกล่าวถึงการตายของ Arina Dumbledore น้องสาวที่เป็นสควิบของดัมเบิลดอร์ว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองคนหรือไม่ มีคำที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น ‘For the Greater Good’ จากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รีบย้ำกับแฮรี่ว่ามันเป็นหนังสือที่เขียนโดยริต้า สกีตเตอร์และย้ำว่าความสนิทสนมของดัมเบิลดอร์และกรินเดอวัลอาจนำไปสู่หนทางในการสร้างพลังอำนาจต่างๆของกรินเดอวัลก็จริง แต่ตอนนั้นพวกเขาก็ยังเป็นเด็กหนุ่ม และดัมเบิลดอร์ก็เพิ่งจะสูญเสียพ่อแม่ แต่แฮรี่กลับรู้สึกโกรธอย่างมากและทุ่มเถียงกับเฮอร์ไมโอนี่อย่างรุนแรงเรื่องที่เขารู้สึกว่าดัมเบิลดอร์ละเลยน้องๆของตนเอง สุดท้ายเฮอร์ไมโอนี่ทนไม่ไหวจึงบอกว่าที่แฮรี่รู้สึกโกรธแค้นอย่างมากอาจเป็นเพราะเขาคิดว่าทำไมดัมเบิลดอร์จึงไม่บอกเรื่องเหล่านี้ให้เขารู้ด้วยตนเอง เฮอร์ไมโอนี่ย้ำว่าดัมเบิลดอร์รักและห่วงใยแฮรี่อย่างแน่นอน แต่แฮรี่ไม่เชื่อและบอกว่าดัมเบิลดอร์ทิ้งให้เขาอยู่กับเรื่องราวที่เป็นอันตรายและยุ่งเหยิงมากมายโดยไม่บอกอะไรเขาเลย แต่กลับบอกหลายเรื่องกับกรินเดอวัล แฮรี่บอกให้เฮอร์ไมโอนี่กลับเข้าเต้นท์ไปอยู่ในที่อุ่นๆ เฮอร์ไมโอนี่หันหลังเดินกลับไปและยกมือแตะที่หลังศีรษะแฮรี่อย่างแผ่วเบา แฮรี่หลับตาลงแวบหนึ่งและภาวนาให้สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่คิดเป็นจริง ที่ว่าดัมเบิลดอร์รักและห่วงใยเขา บทที่ 19 - The Silver Doe พักพลังพวกเขาเหมือนได้ยินเสียงแปลก ๆ ด้านนอก พวกเขาเลยย้ายที่พักโดยการหายตัวใต้ผ้าคลุมล่องหน ครั้งนี้ พวกเขาไปที่ Forest of Dean ที่เฮอร์ไมโอนี่เคยมาตั้งแคมป์กับพ่อแม่ ... รอบด้านคลุมด้วยหิมะ และเงียบสงบ แฮร์รี่ครุ่นคิดเรื่องดัมเบิลดอร์ เรื่องที่เกิดขึ้นที่ Godric's Hollow และท้ายที่สุด เขาเป็นห่วงและคิดถึงจินนี่มาก ๆ ทันใดนั้น เขาก็เห็นแสงสีเงิน ที่ประหลาดมาก เขาเคยเดินออกไปนอกเขตที่พัก แสงสีเงินนั่นคือผู้พิทักษ์ที่เป็นร่างกวางสาวสีเงินที่งดงามมาก ๆ มันวิ่งหนี แฮร์รี่ตามมันไปจนถึงสระน้ำแข็ง แฮร์รี่รู้สึกเหมือนมีคนวิ่งตามมา แล้วเขาก็เห็นดาบของกริฟฟินดอร์อยู่ใต้สระนั่น แฮร์รี่มองรอบ ๆ คิดว่าถ้าเป็นผู้เสพความตายตามมา เขาคงถูกทำร้ายแล้ว เขาคิดถึงดัมเบิลดอร์ แปลกใจว่าทำไมดาบมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วเขาก็ทำลายน้ำแข็ง ถอดเสื้อผ้า วางของต่าง ๆ ไว้ แล้วกระโดดลงไปเอาดาบในสระ ... น้ำในนั้นเย็นเฉียบ และสร้างความลำบากให้แฮร์รี่มาก เมื่อเขาเข้าใกล้ดาบ สร้อยคอล็อกเก็ตที่ใส่อยู่ก็รัดคอแฮร์รี่จนหายใจไม่ออก เขาคิดว่าเขาต้องตายแล้วแน่ ๆ แต่ทันใดนั้น ก็มีคนมาช่วย เหมือนกับครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่มาช่วยเขาจากงูขึ้นมาจากน้ำ แฮร์รี่เห็นรอนเปียกโชกไปทั้งตัว มือหนึ่งถือดาบกริฟฟินดอร์ อีกมือถือ Horcruxes ที่สร้อยขาดแล้ว แฮร์รี่ทั้งตกใจ ดีใจและแปลกใจที่เห็นรอนที่นี่ รอนบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนเสกกวางสีเงินนั้นเพราะคิดว่าเป็นผู้พิทักษ์ของแฮร์รี่ ซึ่งแฮร์รี่ก็แย้งว่าผู้พิทักษ์ของตัวเองคือกวางตัวผู้ (Stag) แต่ก่อนที่พูดถึงความสงสัยอื่น แฮร์รี่เรียกรอนมา และขอให้เขาเป็นคนทำลาย Horcruxes ด้วยดาบ เพราะรอนเป็นเขาเอาดาบขึ้นมา และแฮร์รี่คิดว่ามันควรจะเป็นรอน แม้รอนจะดึงดันว่าเขาไม่เหมาะ แต่สุดท้าย รอนก็ยอม .. แฮร์รี่เปิดล๊อกเก็ตด้วยภาษาพาร์เซล ร่างของทอม ริดเดิ้ลก็ปรากฏขึ้น พูดจาถากถางว่ารอนเป็นแค่คนที่อยู่ข้าง ๆ แฮร์รี่เท่านั้น ไม่มีใครสนใจรอน แล้วก็ปลอมเป็นแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่และดูถูก เยาะเย้ยรอนแถมยังจูบกันต่อหน้ารอนด้วย ทำให้รอนเจ็บปวดมาก รอนเงื้อดาบอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ฟันร่างนั้นเสียที จนทอมสร้างภาพต่าง ๆ นานา ๆ ที่ทำร้ายจิตใจรอนมากขึ้น แต่ทุกท้าย รอนก็ฟันร่างทอม ริดเดิ้ลได้ พวกเขากลับมาหาเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งทั้งดีใจ ทั้งโกรธที่รอนไม่ยอมกลับมาเสียที แล้วรอนก็บอกว่าเขาตามเพื่อน ๆ เจอเพราะ Deluminator ที่ดัมเบิลดอร์ให้มา เขาเล่าว่าที่กลับมาเลยไม่ได้เพราะตอนนั้นที่โกรธและหายตัวไป รอนไปเจอกับพวก Snatchers เป็นกลุ่มที่ไล่ตามจับพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลและพวกทรยศแล้วไปเอารางวัลจากกระทรวง รอนบอกพวกนั้นว่าเขาคือ Stan ภายหลังก็หนีออกมาได้ แล้วเขาก็มีไม้กายสิทธิ์สำรองด้วย บทที่ 20 - Xenophilius Lovegood แม้เฮอร์ไมโอนี่ยังดูงอน ๆ อยู่บ้าง แต่แฮร์รี่ก็รู้สึกดีมากกว่าเดิมเยอะที่พวกเขาทั้งสามกลับมาอยู่ด้วยกันอีก พวกเขาปรึกษากันว่าจะเอาไงต่อ รอนที่ได้อยู่ข้างนอกมาสักพักเอาข่าวมาอัพเดทเพื่อน ๆ เขาไม่ได้กลับไปที่บ้านโพรงกระต่าย แต่ไปอยู่ที่บ้านของบิลกับเฟลอรืแทน แล้วรอนก็บอกว่า ที่พวกกระทรวงและผู้เสพความตายตามพวกเขาเจอได้ก็เพราะพวกเขาเอ่ยชื่อ โวลเดอมอร์ ดังนั้น พวกเขาจึงต้องหยุดเรียกชื่อนั้นและตอนนี้บิลเองก็กำลังหลบหนีอยู่เหมือนกัน .. พวกเขาคุยกันเรื่องผู้พิทักษ์กวางสาว ซึ่งก็ยังสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นคนเสก แฮร์รี่พยายามฝึกใช้ไม้กายสิทธิ์อันใหม่ แต่ก็พบว่ามันมีพลังน้อยกว่าไม้ของตัวเอง ... เฮอร์ไมโอนี่เดินมาหาแฮร์รี่ และบอกว่าเธอต้องการไปพบ Xenophilius Lovegood พ่อของลูน่า และชี้ให้แฮร์รี่ดูในหนังสือประวัติดัมเบิลดอร์ที่ริต้า สคีเตอร์เขียนขึ้น มันมีลายเซ็นต์ของดัมเบิลดอร์ในจดหมายที่เขียนถึง Grindelwald ซึ่งตัว A ในลายเซ็นต์นั้นถูกแทนตัวสัญลักษณ์เล็ก ๆ ที่เหมือนกับสัญลักษณ์ที่พวกเขาเจอในหนังสือนิทานที่ดัมเบิลดอร์ให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่สงสัยเกี่ยวกับสัญลักษณ์นี้ซึ่งโผล่มาหลายครั้งแล้ว ทั้งในหนังสือ หลุมศพหนึ่งใน Godric's Hollow และเหมือนพ่อของลูน่าจะมีข้อมูลเรื่องสัญลักษณ์นี้พวกเขาเดินทางไปที่บ้านลูน่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านโพรงกระต่าย ... Xenophilius ต้อนรับพวกเขาอย่างไม่เต็มใจ แฮร์รี่ขอให้เขาช่วย ซึ่งเขาก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี เลยออกไปตามลูน่า ในบ้านนั้นมีแต่ของเวทมนต์ที่แปลกและอันตรายมาก ๆ เมื่อ Xenophilius กลับมา บอกว่าเดี๋ยวลูน่าจะตามมา แฮร์รี่ก็ถามเขาเรื่องสัญลักษณ์ที่ Xenophilius ห้อยอยู่ แต่ Xenophilius เลิกคิ้ว และถามกลับว่า แฮร์รี่กำลังหมายถึงสัญลักษณ์ของ Deathly Hallows อยู่เหรอ บทที่ 21 - The Tale of the Three Brothers #1 เมื่อ Xenophilius พูดถึง Deathly Hallows พวกของแฮร์รี่ก็งุนงงและไม่เข้าใจ จน Xenophilius พูดถึงนิทานเรื่อง The Tale of the Three Brothers ซึ่งรอนกับเฮอร์ไมโอนี่รู้จัก แต่แฮร์รี่ไม่รู้จัก มันเป็นนิทานของพวกพ่อมด และเฮอร์ไมโอนี่ก็หยิบหนังสือที่ดัมเบิลดอร์ให้ออกมา มันคืนเล่มต้นฉบับนิทานของ Beedle the Bard และเล่าให้คนในที่นั้นฟัง ..... ครั้งหนึ่งมีพี่น้องสามคน เดินทางท่องเที่ยวผ่านแม่น้ำสายหนึ่งที่วมาก พวกเขาจึงโบกไม้กายสิทธิ์ สร้างสะพานขึ้นเพื่อเดินข้าม เดธที่เฝ้าอยู่โกรธมากเพราะสามพี่น้องไม่หลงกล นักเดินทางส่วนใหญ่มักจะจมน้ำตายตรงนั้น แต่เดธก็เจ้าเล่ห์พอ จึงบอกว่าเขายินดีจะมอบของขวัญให้สามพี่น้อง .... คนโต มีนิสัยชอบใช้กำลัง ขอไม้กายสิทธิ์ ที่จะชนะในทุก ๆ การดวลต่อสู้ ไม้กายสิทธิ์ที่คู่ควรกับพ่อมนที่เอาชนะความตาย เดธไปยัง Elder Tree และสร้างไม้กายสิทธิ์จากกิ่งไม้ และมอบให้คนโต .... คนกลาง เป็นคนที่จองหอง ขอพลังที่จะเรียกคนตายให้ฟื้นคืน เดธจึงหยิบศิลาตรงริมน้ำ มอบให้กับคนรอง .... คนเล็ก เป็นคนถ่อมตนแต่ฉลาดที่สุด ขอสิ่งที่จะทำให้เขาไปไหนมาไหนได้โดยที่เดธติดตามเขาไปไม่ได้ ซึ่งเดธ โดยไม่เต็มใจนัก มอบเสื้อคลุมล่องหนให้ .... สามพี่น้องเดินทางต่อ ชื่นชมของขวัญที่ได้รับ และแยกย้ายจากกันไปตามจุดหมายของแต่ละคน .... คนโตเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เอาชนะพ่อมดคนอื่นด้วย Elder Wand และโอ้อวดว่าถึงไม้กายสิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดที่เขาได้มาจากเดธ คืนนั้น พ่อมดคนหนึ่งขโมย Elder Wand ไปขณะที่คนโตกำลังหลับและฆ่าเขาเสีย ... เดธได้ครอบครองคนโตแล้ว .... คนรองกลับไปที่บ้านและลองใช้ศิลาเรียกคนตาย ซึ่งกลายเป็นหญิงสาวที่เขารักและจะแต่งงานด้วย แต่กลับเสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร นางเศร้า หนาว และเจ็บปวดที่ต้องจากเขาไป แต่นางก็อยู่ในโลกนี้ไม่ได้ และก็ทรมาน คนรองเสียสติด้วยความโหยหา และฆ่าตัวตายตามนางไปเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน ... เดธได้ครอบครองคนรองแล้ว .... เดธตามหาคนเล็กอยู่นานหลายปี แต่ก็ไม่พบ นานวันเข้า คนเล็กแก่ชราลง จึงออกจากผ้าคลุมล่องหน มอบต่อให้ลูกชายของเขา คนเล็กทักทายเดธราวกับเพื่อนเก่า และจากไปกับเดธด้วยความยินดี และเท่าเทียมกัน Xenophilius บอกว่า ทั้งสามนี่คือ Deathly Hallows .. Elder Wand, Resurrection Stone และเสื้อคลุมล่องหน ซึ่งผู้ครองสิ่งสามอย่างนี้จะ *master of Death* บทที่ 21 - The Tale of the Three Brothers #2 Xenophilius เชื่อว่าทั้งสามสิ่งมีอยู่จริง แต่เขาไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน หรือหนึ่งในของสามอย่าง ผ้าคลุมล่องหน นั้นอยู่กับพวกแฮร์รี่ในห้องเดียวกันนี้เอง พวกเขาคุยเรื่อง Elder Wand ซึ่ง Xenophilius บอกว่าเป็นสิ่งที่ยังพอติดตามได้บ้าง เพราะไม้กายสิทธิ์ต้องผ่านจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งหากเขาเป็นผู้ครองไม้นั่นจริง แต่ตอนนี้ Xenophilius เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไม้นั่นไปอยู่ที่ไหนแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ถาม Xenophilius เกี่ยวกับครอบครัว Peverells ซึ่งเป็นชื่อหนึ่งบนหลุมศพที่ Godric's Hallow ... Xenophilius บอกว่า สามพี่น้อง Peverells คือคนที่ได้ครอบครอง Hallows ทั้งสาม ซึ่งก็คือสามพี่น้อง Antioch, Cadmus และ Ignotus และเป็นคนเดียวกับสามพี่น้องในนิทานที่ได้ครอบครอง Hallows จริง ๆ Xenophilius ที่มองนอกหน้าต่างตลอดเวลา ขอตัวลงไปเตรียมอาหารให้ แฮร์รี่ปรึกษาเรื่องที่เพิ่งรู้นี้กับเพื่อน ๆ ซึ่งรอนดูไม่ค่อยเชื่อ เพราะเขาได้ยินนิทานเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ผิดกับเฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่ที่อยู่กับมักเกิ้ล เลยมีความเชื่อที่ต่างกันเรื่องการมองว่าของขวัญชิ้นไหนดีที่สุด ซึ่งทั้งสามคนก็เลือกของต่างกัน เฮอร์ไมโอนี่เลือกผ้าคลุม รอนเลือกไม้กายสิทธิ์ แฮร์รี่เลือกศิลา .. แฮร์รี่ให้เหตุผลว่า เขาอาจทำให้พ่อแม่ ซีเรียส หรือดัมเบิลดอร์กลับมาได้ แม้เขาก็รู้ว่าในนิทาน คนที่ตายไปไม่อยากจะกลับมา เฮอร์ไมโอนี่บอกว่า Beedle the Bard น่าจะได้ไอเดียจากศิลาอาถรรพณ์มาเขียนนิทาน ระหว่างที่พูดคุยกัน แฮร์รี่เกิดเอะใจ จึงเดินขึ้นข้างบน และเข้าไปในห้องลูน่า และพบว่าเป็นห้องที่ทิ้งร้างมาสักพัก เขาจึงรู้ว่าลูน่าไม่ได้อยู่ที่นี่สักระยะแล้ว จึงไปถาม Xenophilius ซึ่ง Xenophilius ยอมรับว่า เขาบอกทางกระทรวงแล้วแฮร์รี่อยู่ที่นี่ และที่ต้องทำแบบนี้เพราะพวกผู้เสพความตายจับตัวลูน่าเอาไว้ Xenophilius พยายามจะเสกคาถาจับพวกแฮร์รี่แต่พวกเขาหลบได้ และสะท้อนคาถากลับจนระเบิด Xenophilius ตกบันไดวนลงมาข้างล่าง และพวกผู้เสพความตายก็มาถึงที่บ้านพวกผู้เสพความตายไม่ได้รีบร้อนนัก เพราะคิดว่า Xenophilius โกหกอีก และบอกให้ Xenophilius ขึ้นไปจับแฮร์รี่ลงมา เฮอร์ไมโอนี่วางแผน ให้รอนอยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหน เสกคาถาใส่ Xenophilius และทำลายพื้นจนเป็นโพรง พวกเขาหล่นลงไปทับผู้เสพความตายที่อยู่ข้างล่าง และหายไปหนีไปหลังจากที่ผู้เสพความตายเห็นหน้าแฮร์รี่แล้ว บท 22 The Deathly Hallows ทั้งสามหนีมาได้ เฮอร์อธิบายว่า ต้องการให้ deatheater เห็นแฮรี่ก่อนหนีมาเพื่อจะได้รู้ว่า Xeno ไม่ได้โกหก และที่ให้รอนใส่ผ้าคลุมล่องหนเพราะจริงๆ แล้วเขาควรจะป่วยหนักอยู่บ้าน ไม่ใช่มาอยู่กับแฮรี่แบบนี้ ถ้าพวก Deatheater เห็นจะต้องทำร้ายครอบครัวรอนแน่ (ฉลาดมากๆ เฮอร์มี่) จากนั้นทั้งสามก็ถกเถียงกันเรื่อง Deathly Hallow ต่อว่ามีจริงไม่จริง รอนกับแฮรี่เริ่มเอียงไปทางจริง โดนรอนเปรียบเทียบกับ Chamber of Secret ที่เคยเชื่อกันว่าเป็นเพียงตำนาน แต่เฮอร์ยังคงไม่เชื่อ จากนั้นทั้งสามคุยกันเรื่องครอบครัว Peverell ที่ Xeno บอกว่าเกี่ยวข้องกับ Deathly Hallow โดยตรง และเฮอร์เห็นหลุมศพของ3พี่น้อง Peverell ที่ Godric's Hollow (Xeno บอกว่าเป็น 3 พี่น้องในเรื่อง Tales of 3 Brothers) แล้วแฮรี่ก็นึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน จาก Marvolo Gaunt ว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากตระกูล Peverell (ป้าเจเล่นแนวนี้อีกแล้วอ่ะ จำไม่ได้นะเนี่ย) และแหวนที่เป็น Horcrux ก็มีตราตระกูล Peverell และคิดว่าตราตระกูล Peverell คือสัญลักษณ์ของ Deathly Hallow นั่นเอง แฮรี่คิดว่าหินบนแหวนของมาโวโลคือ Resurrection Stone ในนิทาน แล้วแฮรี่ก็นึกถึงคำพูดของ Xeno ที่ว่าคนที่รวบรวมของ 3 อย่างได้จะเป็น Master of Death และข้อความบนหลุมศพพ่อแม่แฮรี่ที่ว่า The last enemy that shall be destroyed is death แฮรี่นึกถึงตัวเองที่ครอบครอง Hallow ทั้งสามสู้กับโวลดี้และHorcrux (กลายเป็นเรื่องอะไรไปแล้วเนี่ย -*-) แฮรี่คิดว่าผ้าคลุมของตนเองคือผ้าคลุมล่องหนของน้องคนสุดท้องในนิทาน และตัวเองสืบเชื้อสายมาจากน้องคนสุดท้อง และอยู่ๆ แฮรี่คิดว่าแหวน Horcrux นั้นซ่อนอยู่ในลูกสนิชที่ดัมเบิลดอร์ให้มา (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอยู่ๆ คิดได้ไง) ตอนนี้เขาได้ Hallow มาสองอย่างแล้ว เหลืออย่างสุดท้าย Edler Wand แล้วแฮรี่ก็รู้ในที่สุดว่า โวลดี้ตามหา Elder Wand ถึงได้จับโอลิแวนเดอร์และ Gregorovitch ไป แต่แฮรี่คิดว่าโวลดี้น่าจะไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาก่อนและไม่รู้จัก Deathly Hallow ดังนั้นโวลดี้อาจจะตามหา Elder Wand เพียงเพราะได้ยินเรื่องไม้กายสิทธิ์ที่มีอำนาจมากกว่าไม้ทั่วไป แต่ไม่รู้ว่ามันคือ Elder Wand ที่เอาชนะได้ทั้งหมด เฮอร์ไม่เชื่อและคิดว่าแฮรี่คิดไปเอง ส่วนรอนคิดว่าน่าจะทำตามที่ดัมเบิลดอร์บอกคือทำลาย Horcrux ทั้งหมดซะ ทั้งสามออกเดินทางตามหา Horcrux ไปตามสถานที่ต่างๆ ที่โวลดี้เคยไปแฮรี่คิดว่าผ้าคลุมของตนเองคือผ้าคลุมล่องหนของน้องคนสุดท้องในนิทาน และตัวเองสืบเชื้อสายมาจากน้องคนสุดท้อง และอยู่ๆ แฮรี่คิดว่าแหวน Horcrux นั้นซ่อนอยู่ในลูกสนิชที่ดัมเบิลดอร์ให้มา (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอยู่ๆ คิดได้ไง) ตอนนี้เขาได้ Hallow มาสองอย่างแล้ว เหลืออย่างสุดท้าย Edler Wand แล้วแฮรี่ก็รู้ในที่สุดว่า โวลดี้ตามหา Elder Wand ถึงได้จับโอลิแวนเดอร์และ Gregorovitch ไป แต่แฮรี่คิดว่าโวลดี้น่าจะไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาก่อนและไม่รู้จัก Deathly Hallow ดังนั้นโวลดี้อาจจะตามหา Elder Wand เพียงเพราะได้ยินเรื่องไม้กายสิทธิ์ที่มีอำนาจมากกว่าไม้ทั่วไป แต่ไม่รู้ว่ามันคือ Elder Wand ที่เอาชนะได้ทั้งหมด เฮอร์ไม่เชื่อและคิดว่าแฮรี่คิดไปเอง ส่วนรอนคิดว่าน่าจะทำตามที่ดัมเบิลดอร์บอกคือทำลาย Horcrux ทั้งหมดซะ ทั้งสามออกเดินทางตามหา Horcrux ไปตามสถานที่ต่างๆ ที่โวลดี้เคยไป และมีคุยกันถึงรายการวิทยุ Potterwatch ที่รายงานตามความจริงโดยไม่สนโวลดี้ รอนอยากให้แฮรี่ได้ฟังเลยพยายามหาจนเจอในที่สุด Lee Jordan กำลังรายงานข่าวการตายของ Ted Tonks และ Dirk Cresswell แต่ Dean Thomas หนีไปได้ และมีครอบครัวมักเกิ้ลตาย 5 คน และท้ายสุด พบศพของ Bathilda Bagshot ที่ Godric's Hollow จากนั้นเป็นเสียงรายงานของ Kingsley, Lupin คั่นด้วยข่าว Xeno ถูกจำคุก และ Hagrid เกือบถูกจับแต่หนีไปได้ จากนั้นเป็นเสียง Fred พูดถึงข่าวลือว่ามีคนเห็นโวลดี้ออกนอกประเทศ แฮรี่คิดว่าโวลดี้ออกตามหา Elder Wand แต่รอนกับเฮอร์ไม่เชื่อเลยทะเลาะกันและแฮรี่ก็พูดชื่อโวลดี้ออกมา ทันใดนั้น ก็มีเสียงคนข้างนอกบอกให้ยกมือขึ้นแล้วเดินออกมา ในที่สุดรอนก็หาทางเปิดวิทยุได้ มีสถานีพิเศษที่จัดรายการสนับสนุนแฮรี่เป็นการลับ สถานีต้องย้ายที่จัดไปเรื่อยๆเพื่อความปลอดภัย ลี จอแดนเป็นคนจัดรายการ มีคิงลี่กับลูปินเป็นแขกประจำ ทั้งหมดใช้ชื่อปลอม มีการรายงานข่าวเรื่องเทฌด พ่อของท๊องก์กับเดิกและก๊อบลินชื่อ Gornuk ถูกฆ่าตาย ส่วนดีนและกริบฮุกหนีไปได้ และยังรายงานว่าครอบครัวมักเกิ้ลครอบครัวหนึ่งถูกผู้เสพความตายฆ่า และยังรายงานการพบศพบาทิลด้า แบ็กชอตที่ก๊อดดริก ฮอลโลด้วย ทั้งสามคนพยายามพูดให้กำลังใจฝ่ายที่ต่อต้านและบอกว่าแฮรี่ต้องยังไม่ตาย เพราะแฮรี่คือความหวังสุดท้ายของทั้งหมด หากแฮรี่ตายพวกผู้เสพความตายต้องประโคมข่าวนี้แน่นอน จากนั้นก็มีเฟรดมารับเชิญเล่าเรื่องตลกนิดหน่อยก่อนจะปิดรายการไป ทั้งสามคนรู้สึกดีขึ้น แฮรี่เผลอเรียกชื่อโวลเดอร์มอร์ตรงๆออกมา ทันใดนั้นเต็นท์ก็ถูกล้อม บทที่ 23 มันโคตร Chapter 23 Malfoy Manor พวกล่าค่าหัวล้อมเต็นท์ของทั้ง 3 คน เสกคาถาใส่เข้าไปในเต็นท์ ทั้ง 3 คนโดนคาถากันเข้าไปเต็มๆ แฮรี่โดนคาถาเข้าเต็มหน้า ทั้ง 3 คนโดนจับได้ เกรแบ็คเป็นหัวหน้าพวกล่าค่าหัว พวกนี้รู้ที่อยู่ของทั้ง 3 คนเพราะแฮรี่เผลอเรียกชื่อโวลเดอร์มอร์ มีการลงคาถาใส่ชื่อนี้ ใครเรียกชื่อโวลเดอร์มอร์โดยตรงจะถูกระบุที่อยู่ได้และถูกจับกุมข้อหาต่อต้านและถูกสอบสวน เกรแบ็คถามชื่อทั้ง 3 คน เกรแบ็คจำแฮรี่ไม่ได้เพราะแฮรี่โดนคาถาที่หน้าทำให้มีแผลและมีเลือด(มั้ง)กลบหน้าจนมองไม่ออก แฮรี่อ้าวว่าตัวเองชื่อเวอนอน ดัดลี่ รอนบอกว่าเขาชื่อบาร์ดี้ วีสลี่ที่เป็นญาติห่าง เฮอไมโอนี่บอกว่าเธอชื่อเพเนโลเป้ เคลียร์วอร์เตอร์ ทั้งสามคนอ้างว่าหนีโรงเรียนมา แต่ในราชชื่อนักเรียนไม่มีชื่อเวอนอน ดัดลี่ แฮรี่โดนซักเขาจึงอ้างว่าอยู่บ้านสลิเธอลิน และเนื่องจากแฮรี่เคยแอบเข้าไปในห้องนั่งเล่นของสลิเธอลินตอนปี 2 ทำให้เขาบรรยายภาพได้ถูก แฮรี่ยังอ้างว่ามีพ่อทำงานที่กระทรวง ปรากฏว่ามีคนนามสกุลดัดลี่ทำงานที่กระทรวงจริงๆ เกรแบ็คเกือบหลงเชื่อ แต่มีคนในกลุ่มหยิบเดลี่พรอเฟ็ตออกมา ในนั้นมีภาพเฮอไมโอนี่อยู่ในประกาศจับ เกรแบ็คจึงรู้ว่าพวกเขาโกหก และเวอนอน ดัดลี่จะต้องเป็นแฮรี่ พอตเตอร์ แต่ไม่มีใครแน่ใจ เต็นท์ถูกค้นอย่างละเอียดและดาบกริฟฟินดอร์ถูกยึดไปได้ เกรแบ็คสั่งให้พานักโทษทั้งหมดซึ่งรวมถึงดีน โทมัสและกริบฮุกที่ถูกจับได้ก่อนแล้วไปที่บ้านมัลฟอยล์ที่ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการ เดรโกกับลูเซียสที่เคยเจอพวกแฮรี่มาก่อนถูกตามมาระบุตัวแฮรี่ แต่ไม่มีใครกล้าชี้ชัดเพราะหน้าแฮรี่ตอนนี้เยินมาก แต่พวกเขาจำเฮอไมโอนี่กับรอนได้ ยังไม่มีใครกล้าตามตัวโวลเดอร์มอร์มาเพราะถ้าเกิดความผิดพลาดอาจได้รับโทษได้ แฮรี่เริ่มเจ็บแผลเป็นอีกครั้ง โวลเดอร์มอร์ไปพบใครคนนึงเพื่อตามหาของที่แฮรี่เชื่อว่าคือ wand ในตำนาน เบราทริกซ์เข้ามาในห้อง เธอเห็นดาบของกริฟฟินดอร์ที่เกรแบ็คถืออยู่ เธอตกใจมากเพราะเธอได้รับคำสั่งให้ไปดูและกริงกอตและตอนนี้ดาบน่าจะเก็บอยู่ที่นั่น เบราทริกซ์แย่งดาบมาจากเกรแบ็คและโวยวายถามว่าดาบนี่มาได้ยังไง พวกแฮรี่ไม่ตอบ เบราทริกซ์ยืนกรานว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องสอบสวนก่อนจะรายงานโวลเดอร์มอร์ได้ เธอสั่งให้เอานักโทษไปขังที่ห้องใต้ดินยกเว้นเฮอไมโอนี่ รอนพยายามขวางแต่ไม่สำเร็จ ที่ห้องใต้ดิน แฮรี่ได้เจอลูน่ากับโอลิแวนเดอร์ที่ถูกขังมาก่อน เฮอไมโอนี่ถูกเบราทริกซ์ทรมานให้บอกว่าได้ดาบมาได้ยังไง พวกเขาแอบเข้าไปในกริงกอตได้ยังไง และขโมยอะไรไปอีกบ้าง เฮอไมโอนี่บอกว่าเจอดาบโดยบังเอิญและดาบอันนี้เป็นของปลอม เบราทริกซ์ให้พาตัวกริบฮุกมาดูดาบ ดาบของจริงสร้างโดยก๊อบลิน กริบฮุกต้องดูออก เดรโกมาที่ห้องขังพาตัวกริบฮุกไป แฮรี่แอบกระซิขอร้องให้กริบฮุกโกหก แฮรี่ใช่กระจกสองทางเรียกตัวด๊อบบี้มาช่วย แฮรี่ให้ด๊อบบี้พาลูน่า โอลิแวนเดอร์ และดีนหายตัวหนีไปก่อนค่อยกลัมารับเขากับรอน แต่เสียงหายตัวของเอลฟ์ดังมากจนลูเซียสได้ยิน ลูเซียสสั่งให้หางหนอนลงไปตวจดูห้องใต้ดิน แฮรี่กับรอนรอจังหวะที่หางหนอนเข้ามาในห้องขัง รอนริบ wand ของหางหนอนได้ แฮรี่เอามือปิดปากหางหนอนไม่ให้ส่งเสียง หางหนอนบีบคอแฮรี่ แฮรี่ทวงบุญคุณเรื่องที่เขาเคยช่วยหางหนอน หางหนอนจึงปล่อยมือจากแฮรี่ ทันใดนั้นมือปลอมของหางหนอนที่โวลเดอร์มอร์เสกให้กลับบีบคอตัวเอง แฮรี่กับรอนพยายามช่วยแต่ไม่สำเร็จ หางหนอนตาย(ซะงั้นแหละ) ที่ด้านบน กริบฮุกบอกเบราทริกซ์ว่าดาบที่ยึดได้เป็นของปลอม เบราทริกซ์จึงใช้รอยแผลที่แขนเรียกตัวโวลเดอร์มอร์ โวลเดอร์มอร์กำลังทรมานชายแก่คนหนึ่งให้บอกว่าของอยู่ที่ไหนแต่ไม่สำเร็จ โวลเดอร์มอร์จึงฆ่าชายแก่นั่น รอนวิ่งขึ้นไปด้านบน ใช้คาถาปลดอาวุธ แฮรี่ที่ตามมายึด wand ของเบราทริกซ์ได้ เบราทริกซ์ใช้มีดขู่จะฆ่าเฮอไมโอนี่ รอนยอมวางอาวุธ ทันใดนั้นโคนไฟเพดานตกลงมาด้วยฝีมือด๊อบบี้ แฮรี่เสกคาถาใส่เกรแบ็ค โวลดอร์มอร์ใกล้จะกลับมาแล้ว แฮรี่สั่งให้บ๊อบบี้รีบพาทุกคนหนี กริบฮุกหยิบดาบได้ด้วย เบราทริกซ์ปามีดใส่ก่อนที่ทุกคนจะหายตัวไป เมื่อไปถึงที่หมาย แฮรี่พบว่าด๊อบบี้โดนมีดปักกลางอก ด๊อบบี้ตายในวงแขนของแฮรี่ เด๋วมาต่อPart 2 credit : dek-d ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

when i was young

when i was young
like a boy

จัดให้เต็มๆ

จัดให้เต็มๆ
มองไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนน่ารักไง คนไรก็ไม่รู้